วิธีทำ “มัศกอด” เมนูขนมไทยโบราณสมัยอยุธยาหากินยากที่คุณก็ทำเองได้! เมนูอาหารว่าง

Home » วิธีทำ “มัศกอด” เมนูขนมไทยโบราณสมัยอยุธยาหากินยากที่คุณก็ทำเองได้! เมนูอาหารว่าง
ชวนทุกคนมาทำ “มัศกอด” เมนูขนมไทยโบราณสมัยอยุธยาที่หากินได้ยาก แต่ไม่ยากเกินความสามารถของทุกคนแน่ ๆ ถ้าพร้อมแล้วไปจดสูตร และวิธีทำเลย

เวลาเตรียม
20 นาที
เวลาปรุง
40 นาที
แคลอรี่
500 Kcal/เสิร์ฟ
สำหรับ
4 เสิร์ฟ

#วงในบอกมา

  • “มัศกอด” คือคัพเค้กสไตล์ไทยมีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา
  • ใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มตรงกลางเค้กไข่เพื่อเช็กว่าสุกหรือไม่ ถ้าสุกดีแล้วจะไม่มีของเหลวติดขึ้นมา
  • ใช้ไม้จิ้มฟันจุ่มสีผสมอาหารแล้ววาดบนไข่ขาวเพื่อสีสันที่สวยงามได้

                                                         มัศกอดกอดอย่างไร  น่าสงสัยใคร่ขอถาม 

                                                      กอดเคล้นจะเห็นความ  ขนมนามนี้ยังแคลง

หนึ่งในบทของกาพย์เห่ขมเครื่องคาวหวาน บทพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ที่เพื่อน ๆ คงเคยได้ยินผ่านหูกันมาบ้างใช่ไหมคะ ? แต่คงยังมีคนสงสัยกันอยู่อะไรคือขนมมัศกอด? “มัศกอด” ที่กล่าวถึงนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร ? พิมขอธิบายสั้น ๆ ว่า “มัศกอด” เป็นขนมไทยโบราณมีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา หน้าตาคล้ายกับคัพเค้กของฝรั่ง ตัวเค้กจะเป็นเค้กไข่ และหน้าขนมนั้นทำมาจากเมอแรงก์ หรือไข่ขาวตีกับน้ำตาลทรายจนขึ้นฟูนั่นเอง และวันนี้พิมขออาสามาแบ่งปันสูตรมัศกอดพร้อมบอกวิธีทำอย่างละเอียดยิบให้ทุกคนได้ทำตามกัน ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย!

วัตถุดิบสำหรับเค้กมัศกอด
วัตถุดิบสำหรับเค้กมัศกอด

วัตถุดิบ
วัตถุดิบสำหรับเค้กมัศกอด

  1. แป้งเค้ก 95 กรัม
  2. ผงฟู 1 ช้อนชา
  3. ไข่ไก่ 2 ฟอง
  4. น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
  5. น้ำตาลทราย 100 กรัม
  6. กลิ่นมะลิ ½ ช้อนชา
วัตถุดิบสำหรับตกแต่งหน้ามัศกอด
วัตถุดิบสำหรับตกแต่งหน้ามัศกอด

วัตถุดิบสำหรับตกแต่งหน้ามัศกอด

  1. ไข่ขาวเบอร์ 2 ฟอง
  2. น้ำตาลทราย 95 กรัม
  3. กลิ่นมะลิ ¼ ช้อนชา
  4. มะพร้าวทึนทึกขูดขาว 100 กรัม
  5. สีผสมอาหารตามชอบ

วิธีทำมัศกอด
STEP 1 : ทำเค้กไข่

  • วอร์มเตาอบโดยใช้ไฟบนล่าง และเปิดพัดลมที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียสเตรียมไว้
  • นำไข่ไก่มาตีด้วยความเร็วสูงสุดจนขึ้นฟองหยาบจากนั้นใส่กลิ่นมะลิ น้ำเปล่า และทยอยใส่น้ำตาลทรายลงไปขณะตีจนน้ำตาลทรายหมด แล้วตีต่อด้วยความเร็วสูงสุดอีก 5-7 นาที
  • ร่อนแป้งเค้ก และผงฟูลงในชามไข่ไก่ ตีด้วยความเร็วสูงจนแป้งเข้ากันดีทั้งชาม
  • หยอดแป้งใส่พิมพ์ขนมในปริมาณที่เท่า ๆ กันแล้วนำเข้าอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียสนาน 10-15 นาทีแล้วแต่ขนาดของพิมพ์ขนม เมื่อสุกแล้วนำออกมาพักให้เย็นลง

TIP : นำไม้จิ้มฟันจิ้มลงตรงกลางเค้กไข่เพื่อเช็กว่าสุกหรือไม่ ถ้าทุกอย่างสุกดีแล้วจะไม่มีของเหลวติดปลายไม้จิ้มฟันขึ้นมา

มัศกอด
ร่อนแป้งเค้ก และผงฟูลงในชามไข่ไก่
มัศกอด
หยอดแป้งใส่พิมพ์ขนมในปริมาณที่เท่า ๆ กัน

STEP 2 : ทำหน้ามัศกอด

  • นำมะพร้าวทึนทึกขูดขาวมาแบ่งกับผสมสีผสมอาหารตามชอบ โดยพิมจะผสมกับสีเหลือง สีแดง และก็สีเขียวนะคะ
  • นำไข่ขาว และกลิ่นมะลิมาตีด้วยความเร็วปานกลางจนเริ่มมีฟองหยาบ จากนั้นทยอยเทน้ำตาลทรายลงไปขณะตีจนกระทั้งตั้งยอดแข็ง (Firm peak)
  • นำไข่ขาวที่ตีมาบีบลงบนเค้กไข่แล้ววางด้านบนด้วยมะพร้าวที่ผสมสีอาหาร จากนั้นนำเข้าอบต่ออีก 2-3 นาที เพื่อให้ไข่ขาวสุก

TIP : เพื่อน ๆ สามารถนำไม้จิ้มฟันจุ่มสีผสมอาหารแล้ววาดลงบนไข่ขาวเพื่อสีสันที่สวยงามได้

มัศกอด
นำมะพร้าวทึนทึกขูขาวมาผสมกับสีผสมอาหาร
มัศกอด
นำไข่ขาวที่ตีมาบีบลงบนเค้กไข่

STEP 3 : จัดเสิร์ฟ

  • เมื่อไข่ขาวสุกดีแล้วนำ “มัศกอด” ออกจากพิมพ์ขนม พักไว้ให้เย็นลง เสิร์ฟคู่กับน้ำชา หรือเครื่องดื่มตามชอบ เพียงเท่านี้เราก็จะมีเมนูขนมไทยโบราณอย่าง “มัศกอด” ไว้รับประทานแล้วค่า
มัศกอด
“มัศกอด” ของเราหน้าตาน่ากินสุด ๆ
มัศกอด
“มัศกอด” พร้อมรับประทานแล้วค่า

เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับเมนูขนมไทยโบราณอย่าง “มัศกอด” ที่พิมนำเสนอให้เพื่อน ๆ ได้ไปทำตามกัน หน้าตา และรสชาติออกมาดูดีเลยใช่ไหมคะ ? ส่วนใครที่ยังไม่คล่องมือฝึกฝนบ่อย ๆ นะคะ เพราะขนม “มัศกอด” ค่อนข้างมีวิธีทำที่ซับซ้อน ส่วนใครอยากลองทำเมนูขนมไทยโบราณอื่น ๆ อีกพิมแนะนำเป็นเมนู “ทองม้วน” ที่คุณก็ทำเองได้นะคะ อย่าลืมลองทำ “มัศกอด” กันนะคะ!

อ่านบทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องได้ที่นี่

  • ทำไม “ขนมไทย” ถึงไม่ควรราคาถูก ?
  • เปิดโลก “ขนมไทย” รสชาติแห่งตำนาน
  • 20 สูตรขนมไทย สีสันสดใส น่ากิ๊นน่ากิน!
  • 20 สูตร “เมนูขนมไทยโบราณ” หากินยากแต่ทำง่าย
แหล่งที่มา www.wongnai.com

แท็กที่เกี่ยวข้อง

"เคล็ดไม่ลับคู่ครัว"

บดพริกไทยด้วยเครื่องบดสมุนไพรจะได้รสชาติดีกว่า พริกไทยก็เป็นอีกเครื่องปรุงที่สร้างความหอมให้กับอาหาร หลายคนนิยมซื้อพริกไทยบดแบบสำเร็จรูปมาใช้เพราะว่าง่ายและสะดวก แต่หากอยากให้รสชาติเพิ่มระดับความหอมมากขึ้น ลองลงทุนซื้อเครื่องบดสมุนไพรมาใช้บดพริกไทยดู จะทำให้กลิ่นของพริกไทยออกมาได้มากกว่าซื้อตามท้องตลาด

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ