[SR] รีวิว “หม้อไฟซี.วาย” (สาขาพระราม9) แจ่วฮ้อนสูตรอีสานแท้และอาหารยุโรป การันตีความอร่อยโดย Chan & Yupa
วันนี้เราได้รับคำเชิญพิเศษจาก PR ของ Chan & Yupa ให้เข้ามาเป็นผู้ร่วมทดสอบรสชาติคนแรกสุดกับร้านที่เพิ่งเปิดใหม่ล่าสุดคือ “หม้อไฟซี.วาย” เนื่องจากครั้งก่อนได้มีโอกาสไปรีวิวธุรกิจในเครือ ณ จังหวัดนครราชสีมาแล้วได้รับผลตอบรับดีจนพ่อครัวไม่ทันตั้งตัวจึงขอปิดปรับปรุงเพื่อรักษาคุณภาพชั่วคราว ก็เลยชวนเรามาชิมร้านใหม่ซึ่งเน้นเมนูแจ่วฮ้อนตำรับอีสานแท้ๆขายแบบ A La Carte ราคาสุดประหยัด (เพิ่งประกาศเปลี่ยนเป็นบุฟเฟ่ต์เริ่มต้นที่คนละ 279 บาทเมื่อไม่นานมานี้) โดยสูตรความอร่อยได้จับร่วมมือกับ “แจ่วฮ้อนครูยืน” ชื่อดังในเมืองโคราชกับเมนูอาหารยุโรปที่ทางเชฟถนัดเป็นทุนเดิมอยู่แล้วออกมาเป็นแบรนด์ใหม่ล่าสุดนี้ เปิดประเดิมสาขาแรกในกรุงเทพภายในพระราม 9 ซอย 51 ส่วนวิธีการเดินทางหากนำรถยนต์ส่วนตัวมาเองให้ปักหมุดมาตามแผนที่จอดรถตรงไหนก็ได้แค่ไม่ขวางทางเข้า-ออกบ้านคนอื่นก็พอ ถ้าเดินทางมาด้วยบริการขนส่งสาธารณะลง MRT สถานีพระราม 9 แล้วเรียกรถต่อเข้ามาที่ร้านอีกประมาณ 8 กิโลเมตร เลี้ยวเข้าซอยมาแค่ 50 เมตร จุดหมายอยู่ตรงหัวมุมทางด้านขวามือล้อมด้วยพุ่มและต้นไม้ขนาดใหญ่ดูร่มรื่นสะดุดตาพร้อมป้ายชื่อกับรูปหม้อไฟเด่นชัดสีสดใสแบบนี้แสดงว่ามาถึงแล้วครับ
เดินเข้ามาภายในร้านจุดแรกที่จะเจอก่อนเป็นโซน Outdoor เปิดให้ลูกค้ามานั่งตั้งแต่ 16.00-22.00 น. ซึ่งจะเปิดสำหรับลูกค้าที่โทรจองมาแล้วได้เลือกก่อน โดยระบบการขายบุฟเฟ่ต์ของที่ร้านนี้ก็คือ 1. บุฟเฟ่ต์แจ่วฮ้อนอีสานสั่งได้เฉพาะหมูและเนื้อวัวราคาคนละ 279 บาทไม่รวมเครื่องดื่มรีฟีล 49 บาทและ Vat. 7% ทานได้ไม่อั้น/ไม่จำกัดเวลา เข้ามาได้ทั้งวันโดยไม่ต้องโทรจองก่อน 2. บุฟเฟ่ต์คนละ 499 บาท (ไม่รวมเครื่องดื่มรีฟีล 49 บาท และ Vat. 7%) เพิ่มเมนูพิเศษให้สั่งเพิ่มได้ทั้งขาหมูทอดกรอบ/เนื้อตุ๋นน่องลายเอ็นแก้ว/ปีกไก่ยัดไส้/สเต็กเนื้อ/สเต็กหมู/สเต็กปลาและยำวุ้นเส้นทะเล สั่งได้ไม่อั้น/ไม่จำกัดเวลาแต่ต้องโทรจองล่วงหน้าก่อน 1 วันและให้เข้าร้านได้เวลา 16.00-22.00 น. และ 3. บุฟเฟ่ต์คนละ 799 บาท (ไม่รวมเครื่องดื่มรีฟีล 49 บาท และ Vat. 7%) เพิ่มเมนูสุดพิเศษระดับซุปเปอร์พรีเมี่ยมที่ต้องใช้เวลาในการเตรียมสักเล็กน้อยทั้ง บีฟเวลลิงตัน/อกเป็ดย่างซอสส้ม/สเต็กเนื้อพิคานยา/ซุปเห็ดทรัฟเฟิลและพาสต้าลาวิเซ่ สั่งได้ไม่อั้น/ไม่จำกัดเวลาแต่ต้องโทรจองล่วงหน้าก่อน 1 วันและสามารถเดินเข้าร้านได้เวลา 16.00-22.00 น. สำหรับรายการอาหารพร้อมรูปถ่ายของแต่ละระดับราคาสามารถดูได้ที่หน้าเพจของทางร้านโดยแอดมินได้แยกโพสต์เป็นหมวดๆเอาไว้เรียบร้อยแล้ว วันที่เรามารีวิวข้างนอกยังไม่เปิดให้บริการดีจึงต้องเดินเข้าไปด้านในผ่านประตูกระจกใต้ซุ้มหลังคา 5 เหลี่ยมสไตล์ยุโรปนี้เพื่อทะลุไปอีกโซนที่เปิดรับลูกค้าตลอดทั้งวันครับ
บรรยากาศภายในโซนห้องกระจกมีความเป็นยุโรปย้อนยุคสไตล์โลกเก่าเริ่มต้นจากพื้นที่ถูกปูด้วยกระเบื้องหินสีดำสนิท/กำแพงก่ออิฐสีเทากับโครงสร้างของซุ้มทางเดินที่ออกแบบเป็นทรงโค้งมนแปลกตา ผสมเข้ากับเฟอร์นิเจอร์สมัยใหม่/หน้าต่างกระจกกับกำแพงสูงเปิดรับแสงจากธรรมชาติพร้อมโคมไฟแก้วเปิดแสงโทนสีส้มทรงกลม/ต้นไม้สีเขียวและของประดับตกแต่งต่างๆสไตล์โมเดิร์นได้อย่างลงตัว โดยรวมแล้วให้อารมณ์เหมือนร้านค้า-ร้านอาหารแถวเขาใหญ่ที่มักจะจำลองสถาปัตยกรรมของประเทศอิตาลีหรือฝรั่งเศสแบบเดียวกันมาใช้ ทุกๆโต๊ะมีเตาแม่เหล็กไฟฟ้าอยู่ตรงกลางพร้อมชุดถ้วย/ช้อนและตะเกียบเตรียมเอาไว้ให้ลูกค้าที่จะเข้ามาทานแจ่วฮ้อนบุฟเฟ่ต์สามารถเลือกที่นั่งได้ตามใจ โดยอาหารวันนี้ทางเชฟจะนำมาเสิร์ฟเป็นแจ่วฮ้อนจานหลักและเมนูอาหารฝรั่งทานเล่นอีกเล็กน้อย ซึ่งเชฟมีแนวคิดในการทำร้านนี้คือ “บุฟเฟ่ต์แจ่วฮ้อนอีสาน/ยุโรปฟิวชั่นเจ้าแรก” จะดีขนาดไหนไปรอชิมที่โต๊ะกันได้เลยครับ
เริ่มต้นด้วยน้ำซุปสูตรพิเศษของทางร้านมีให้เลือก 2 สูตรก็คือ 1. ซุปแจ่วฮ้อนสูตรครูยืน เป็นแจ่วอีสานแท้หนักเครื่องทั้งพริกและสมุนไพรสดตำรับของครูยืนแห่งเมืองโคราชละลายในซุปโครงกระดูกหมูให้ได้ความนัวซดเพลินแซ่บหลาย 2. ซุปต้มยำน้ำข้น เป็นต้มยำสูตรเดียวกับภัตตาคารใส่ทั้งข่า/ตะไคร้/ใบมะกรูดต้มจนกลิ่นสมุนไพรออกปรุงรสด้วยพริกสด/น้ำปลา/มะนาวและตัดรสด้วยน้ำตาลอีกนิดพอครบทุกมิติ นัวด้วยนมข้นจืดและน้ำพริกเผาเข้มข้น-หอมมันซดเปล่าๆก็อร่อยหรือจิ้มเป็นชาบูก็เข้าเนื้อดีสุดๆ เริ่มต้นด้วยชุดผักสดประกอบไปด้วยวุ้นเส้น/ไข่ไก่/เห็ดเข็มทอง/ผักบุ้งจีน/กะหล่ำปลี/ตั้งโอ๋และโหระพาถ้าหมดก็ขอเติมได้ไม่อั้น พร้อมน้ำจิ้มของที่ร้านอีก 2 สูตรก็คือ 1. แจ่วอีสานข้นสมุนไพรสูตรครูยืน 2. แจ่วอีสานข้นสมุนไพรสูตรครูยืนแบบขม ลองชิมดูรสชาติก็คล้ายกับในหม้อที่ละลายเป็นซุปแต่เข้มข้นกว่าต่างกันแค่ติดขมเล็กน้อยกำลังนัวทานง่ายๆ จากนั้นรอไม่นานเนื้อสัตว์ต่างๆก็ออกมาเสิร์ฟครับ
จานแรกเป็น “ชุดรวมหมู” ประกอบไปด้วย ตับหมูสด/หมูสันนอก/หมูสันคอ/หมูสามชั้นกับเบคอนสไลด์มาเป็นแผ่นพร้อมลวกในหม้อแต่อาจจะดูไม่ค่อยสวยงามนักเพราะวันที่เราไปเครื่องสไลด์บางยังไม่ถูกจัดส่งมาที่ร้าน ซึ่งหมูที่เลือกใช้เป็นแบบปลอดสารคุณภาพดีคัดพิเศษจะถูกสไลด์ใหม่เมื่อมีลูกค้าสั่งเท่านั้นจึงไม่แห้งติดจานแบบหลายร้านบุฟเฟ่ต์ ถ้ามาแล้วไม่รู้ว่าจะทานหมูส่วนไหนดีก็สั่งเป็นรวมนี้มาชิมก่อนก็ได้แล้วชอบส่วนไหนเป็นพิเศษก็สั่งเพิ่มได้อีกเรื่อยๆไม่จำกัดเวลาในการทานครับ จานต่อไปเป็น “ชุดรวมเนื้อ” ประกอบไปด้วย ส่วนน่องลาย/หนอก/ใบพาย/เสือร้องไห้และริปอายที่มีความเหนียว-นุ่มรวมไปถึงชั้นไขมันแทรกสวยงามแตกต่างกันออกไปในจานเดียวกัน ส่วนขี้ริ้วนี้ทางร้านให้มาเป็นพิเศษไม่รวมในบุฟเฟ่ต์และบางวันอาจจะไม่มีจำหน่ายเป็น A La Carte ถ้าอยากทานเราแนะนำให้โทรมาสั่งก่อนเพราะเชฟจะได้เตรียมเอาไว้ให้ซึ่งล้างมาขาวสะอาดเคี้ยวกรุบกรอบไร้กลิ่นคาวดีต่อใจมากเลยครับผม
จานต่อไปเป็น “ชุดซีฟู้ดรวม” ตอนแรกตั้งใจจะนำมาขายเป็น A La Carte แต่ปัจจุบันถึงจะเปลี่ยนเป็นบุฟเฟ่ต์แล้วก็ถูกไม่นำมารวมด้วยทุกราคาแต่ขายแยกให้สั่งเพิ่มเติมแทนมีทั้งกุ้งสด/ปลาดอรี่/ปลาหมึกสด/ปลาหมึกกรอบ/ลูกชิ้นปลารักบี้และเต้าหู้ปลาส่วนราคาของวัตถุดิบแต่ละอย่างรบกวนสอบถามทางร้านโดยตรงนะครับ จานสุดท้ายเป็น “ชุดแจ่วฮ้อนรวม” ก็คือรวมวัตถุดิบทั้งหมดที่กล่าวมาตั้งแต่เริ่มเอาไว้ในจานอย่างละนิดหน่อยจนกลายเป็นใหญ่พิเศษอย่างที่เห็นในรูป โดยสรุปก็คือบุฟเฟ่ต์ทุกราคาสามารถสั่งวัตถุดิบไม่อั้นรวม 8 อย่างคือ 1. หมูสันนอก 2. หมูสันคอ 3. หมูสามชั้น 4. เนื้อน่องลาย 5. เนื้อหนอก 6.เนื้อใบพาย 7. เสือร้องไห้ และ 8. เนื้อริปอายเท่านั้น วัตถุดิบที่นอกเหนือจากนี้ทางร้านขายแยกเป็นแบบ A La Carte ทั้งหมด ส่วนพิเศษที่ถูกเพิ่มเติมขึ้นมานั่นคืออาหารไทยกับยุโรปรวมกว่า 11 รายการ แบ่งเป็น 499 บาท และ 799 บาท ตามที่บอกไปเบื้องต้น ไม่รอช้ามาเปิดเตากันเลยครับ
เริ่มต้นจากหม้อแจ่วฮ้อนตำรับครูยืนสูตร Original กันก่อน (วันที่เราไปหม้อ 2 ช่องยังไม่เข้าร้านเลยได้แยกกันอย่างที่เห็น) จัดการเรียงวัตถุดิบต่างๆลงไปอย่างสวยงามยกเว้นเนื้อสัตว์สไตล์บางที่เราเก็บเอาไว้ลวกแบบชาบูๆกินทีหลัง เคล็ดลับความอร่อยก็คือให้นำผักต่างๆลงไปต้มก่อนจนสุกนิ่มจะได้ความหวานจากผักสดๆผสมสมุนไพรจากแจ่วที่เป็นเบสน้ำซุปในหม้อให้ความหวานนัวตามธรรมชาติ จากนั้นนำเนื้อลงไปลวกแค่พอสุกเปลี่ยนสีเล็กน้อยพร้อมจิ้มกับแจ่วสูตรปกติและสูตรขมได้ทันที โดยความขมของน้ำจิ้มที่ร้านนี้เขาใช้ “บอระเพ็ด” ประมาณเพียงเล็กน้อยพอติดขมที่ปลายลิ้น ยิ่งจิ้มกับเนื้อวัวไทยโคขุนไขมันแทรกหอมๆช่วยลดความเลี่ยนและเข้ากับกลิ่นเฉพาะตัวของวัวได้ดีสุดๆจนเข้าใจเลยว่าทำไมคนอีสานถึงชอบกินแจ่วแบบขม และที่สำคัญเลยก็คือทางร้านเขาไม่ได้ผสม “ขี้เพี้ย” จึงกินง่ายและดีต่อสุขภาพลูกค้ามากกว่า รสชาติโดยรวมจะเน้นความนัวเค็มเผ็ดอ่อนๆหนักสมุนไพรเข้มข้นไม่จี๊ดจ๊าดแบบร้านแจ่วฮ้อนในกรุงเทพฯแต่ถ้าอยากแซ่บอีกหน่อยก็สามารถปรุงเพิ่มได้ทั้งพริกป่น/ข้าวคั่ว/บีบน้ำมะนาวตามใจครับ
จัดการเคลียร์วัตถุดิบภายในหม้อแจ่วฮ้อนแรกให้เรียบร้อยแล้วเขยิบมาเปิดอีกน้ำซุปเป็น “ต้มยำน้ำข้น” สำหรับใครที่ไม่ใช่สายอีสานแท้และยังติดความหวานกลมกล่อมครบทุกรสชาติแบบคนกรุงเทพอยู่แนะนำเลยว่าเด็ดสุดๆ ในหม้อเต็มไปด้วยเครื่องสมุนไพรสดข้นด้วยน้ำพริกเผาผสมนมข้นจืดเปรี้ยวหอมมะนาวโดนใจ ลวกเนื้อสัตว์สไลด์บางลงไปรสชาติซึมเข้าเนื้อฉ่ำน้ำต้มยำทุกครั้งที่เข้าปาก และยังมีน้ำจิ้มอีกสูตรที่เราสามารถสั่งกับพนักงานได้ก็คือ “แจ่วแดง” หรือน้ำจิ้มแจ่วใส่พริกป่น/ข้าวคั่ว/น้ำปลา/น้ำมะนาวสดตัดหวานน้ำตาลทรายอีกนิดหน่อยและโรยใบผักชีฝรั่งซอยแบบแจ่วฮ้อนในกรุงเทพมหานครที่เราคุ้นเคยมากกว่า โดยรวมถือว่าอร่อยทั้ง 2 สูตรเพราะส่วนตัวก็เคยสั่งแจ่วบรรจุขวดมาจากอีสานเอามาทำเป็นซุป-น้ำจิ้มแบบเดียวกับร้านนี้ก็รสชาติคล้ายๆกันไม่มีผิดเพี้ยน (แค่ไม่มีสูตรผสมขี้เพี้ยลงไปเท่านั้น) ส่วนวัตถุดิบต่างๆเมื่อเทียบกับราคาบุฟเฟ่ต์แล้วก็ถือว่าสมกับราคาดี ต่อจากนี้จะเป็นเมนูของกินเล่นสไตล์ยุโรปบางส่วนก็สั่งได้เมื่อจองราคา 499 บาทขึ้นไปและบางจานก็ขายเป็นแบบ A La Carte แทนครับผม
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
เดินเข้ามาภายในร้านจุดแรกที่จะเจอก่อนเป็นโซน Outdoor เปิดให้ลูกค้ามานั่งตั้งแต่ 16.00-22.00 น. ซึ่งจะเปิดสำหรับลูกค้าที่โทรจองมาแล้วได้เลือกก่อน โดยระบบการขายบุฟเฟ่ต์ของที่ร้านนี้ก็คือ 1. บุฟเฟ่ต์แจ่วฮ้อนอีสานสั่งได้เฉพาะหมูและเนื้อวัวราคาคนละ 279 บาทไม่รวมเครื่องดื่มรีฟีล 49 บาทและ Vat. 7% ทานได้ไม่อั้น/ไม่จำกัดเวลา เข้ามาได้ทั้งวันโดยไม่ต้องโทรจองก่อน 2. บุฟเฟ่ต์คนละ 499 บาท (ไม่รวมเครื่องดื่มรีฟีล 49 บาท และ Vat. 7%) เพิ่มเมนูพิเศษให้สั่งเพิ่มได้ทั้งขาหมูทอดกรอบ/เนื้อตุ๋นน่องลายเอ็นแก้ว/ปีกไก่ยัดไส้/สเต็กเนื้อ/สเต็กหมู/สเต็กปลาและยำวุ้นเส้นทะเล สั่งได้ไม่อั้น/ไม่จำกัดเวลาแต่ต้องโทรจองล่วงหน้าก่อน 1 วันและให้เข้าร้านได้เวลา 16.00-22.00 น. และ 3. บุฟเฟ่ต์คนละ 799 บาท (ไม่รวมเครื่องดื่มรีฟีล 49 บาท และ Vat. 7%) เพิ่มเมนูสุดพิเศษระดับซุปเปอร์พรีเมี่ยมที่ต้องใช้เวลาในการเตรียมสักเล็กน้อยทั้ง บีฟเวลลิงตัน/อกเป็ดย่างซอสส้ม/สเต็กเนื้อพิคานยา/ซุปเห็ดทรัฟเฟิลและพาสต้าลาวิเซ่ สั่งได้ไม่อั้น/ไม่จำกัดเวลาแต่ต้องโทรจองล่วงหน้าก่อน 1 วันและสามารถเดินเข้าร้านได้เวลา 16.00-22.00 น. สำหรับรายการอาหารพร้อมรูปถ่ายของแต่ละระดับราคาสามารถดูได้ที่หน้าเพจของทางร้านโดยแอดมินได้แยกโพสต์เป็นหมวดๆเอาไว้เรียบร้อยแล้ว วันที่เรามารีวิวข้างนอกยังไม่เปิดให้บริการดีจึงต้องเดินเข้าไปด้านในผ่านประตูกระจกใต้ซุ้มหลังคา 5 เหลี่ยมสไตล์ยุโรปนี้เพื่อทะลุไปอีกโซนที่เปิดรับลูกค้าตลอดทั้งวันครับ
บรรยากาศภายในโซนห้องกระจกมีความเป็นยุโรปย้อนยุคสไตล์โลกเก่าเริ่มต้นจากพื้นที่ถูกปูด้วยกระเบื้องหินสีดำสนิท/กำแพงก่ออิฐสีเทากับโครงสร้างของซุ้มทางเดินที่ออกแบบเป็นทรงโค้งมนแปลกตา ผสมเข้ากับเฟอร์นิเจอร์สมัยใหม่/หน้าต่างกระจกกับกำแพงสูงเปิดรับแสงจากธรรมชาติพร้อมโคมไฟแก้วเปิดแสงโทนสีส้มทรงกลม/ต้นไม้สีเขียวและของประดับตกแต่งต่างๆสไตล์โมเดิร์นได้อย่างลงตัว โดยรวมแล้วให้อารมณ์เหมือนร้านค้า-ร้านอาหารแถวเขาใหญ่ที่มักจะจำลองสถาปัตยกรรมของประเทศอิตาลีหรือฝรั่งเศสแบบเดียวกันมาใช้ ทุกๆโต๊ะมีเตาแม่เหล็กไฟฟ้าอยู่ตรงกลางพร้อมชุดถ้วย/ช้อนและตะเกียบเตรียมเอาไว้ให้ลูกค้าที่จะเข้ามาทานแจ่วฮ้อนบุฟเฟ่ต์สามารถเลือกที่นั่งได้ตามใจ โดยอาหารวันนี้ทางเชฟจะนำมาเสิร์ฟเป็นแจ่วฮ้อนจานหลักและเมนูอาหารฝรั่งทานเล่นอีกเล็กน้อย ซึ่งเชฟมีแนวคิดในการทำร้านนี้คือ “บุฟเฟ่ต์แจ่วฮ้อนอีสาน/ยุโรปฟิวชั่นเจ้าแรก” จะดีขนาดไหนไปรอชิมที่โต๊ะกันได้เลยครับ
เริ่มต้นด้วยน้ำซุปสูตรพิเศษของทางร้านมีให้เลือก 2 สูตรก็คือ 1. ซุปแจ่วฮ้อนสูตรครูยืน เป็นแจ่วอีสานแท้หนักเครื่องทั้งพริกและสมุนไพรสดตำรับของครูยืนแห่งเมืองโคราชละลายในซุปโครงกระดูกหมูให้ได้ความนัวซดเพลินแซ่บหลาย 2. ซุปต้มยำน้ำข้น เป็นต้มยำสูตรเดียวกับภัตตาคารใส่ทั้งข่า/ตะไคร้/ใบมะกรูดต้มจนกลิ่นสมุนไพรออกปรุงรสด้วยพริกสด/น้ำปลา/มะนาวและตัดรสด้วยน้ำตาลอีกนิดพอครบทุกมิติ นัวด้วยนมข้นจืดและน้ำพริกเผาเข้มข้น-หอมมันซดเปล่าๆก็อร่อยหรือจิ้มเป็นชาบูก็เข้าเนื้อดีสุดๆ เริ่มต้นด้วยชุดผักสดประกอบไปด้วยวุ้นเส้น/ไข่ไก่/เห็ดเข็มทอง/ผักบุ้งจีน/กะหล่ำปลี/ตั้งโอ๋และโหระพาถ้าหมดก็ขอเติมได้ไม่อั้น พร้อมน้ำจิ้มของที่ร้านอีก 2 สูตรก็คือ 1. แจ่วอีสานข้นสมุนไพรสูตรครูยืน 2. แจ่วอีสานข้นสมุนไพรสูตรครูยืนแบบขม ลองชิมดูรสชาติก็คล้ายกับในหม้อที่ละลายเป็นซุปแต่เข้มข้นกว่าต่างกันแค่ติดขมเล็กน้อยกำลังนัวทานง่ายๆ จากนั้นรอไม่นานเนื้อสัตว์ต่างๆก็ออกมาเสิร์ฟครับ
จานแรกเป็น “ชุดรวมหมู” ประกอบไปด้วย ตับหมูสด/หมูสันนอก/หมูสันคอ/หมูสามชั้นกับเบคอนสไลด์มาเป็นแผ่นพร้อมลวกในหม้อแต่อาจจะดูไม่ค่อยสวยงามนักเพราะวันที่เราไปเครื่องสไลด์บางยังไม่ถูกจัดส่งมาที่ร้าน ซึ่งหมูที่เลือกใช้เป็นแบบปลอดสารคุณภาพดีคัดพิเศษจะถูกสไลด์ใหม่เมื่อมีลูกค้าสั่งเท่านั้นจึงไม่แห้งติดจานแบบหลายร้านบุฟเฟ่ต์ ถ้ามาแล้วไม่รู้ว่าจะทานหมูส่วนไหนดีก็สั่งเป็นรวมนี้มาชิมก่อนก็ได้แล้วชอบส่วนไหนเป็นพิเศษก็สั่งเพิ่มได้อีกเรื่อยๆไม่จำกัดเวลาในการทานครับ จานต่อไปเป็น “ชุดรวมเนื้อ” ประกอบไปด้วย ส่วนน่องลาย/หนอก/ใบพาย/เสือร้องไห้และริปอายที่มีความเหนียว-นุ่มรวมไปถึงชั้นไขมันแทรกสวยงามแตกต่างกันออกไปในจานเดียวกัน ส่วนขี้ริ้วนี้ทางร้านให้มาเป็นพิเศษไม่รวมในบุฟเฟ่ต์และบางวันอาจจะไม่มีจำหน่ายเป็น A La Carte ถ้าอยากทานเราแนะนำให้โทรมาสั่งก่อนเพราะเชฟจะได้เตรียมเอาไว้ให้ซึ่งล้างมาขาวสะอาดเคี้ยวกรุบกรอบไร้กลิ่นคาวดีต่อใจมากเลยครับผม
จานต่อไปเป็น “ชุดซีฟู้ดรวม” ตอนแรกตั้งใจจะนำมาขายเป็น A La Carte แต่ปัจจุบันถึงจะเปลี่ยนเป็นบุฟเฟ่ต์แล้วก็ถูกไม่นำมารวมด้วยทุกราคาแต่ขายแยกให้สั่งเพิ่มเติมแทนมีทั้งกุ้งสด/ปลาดอรี่/ปลาหมึกสด/ปลาหมึกกรอบ/ลูกชิ้นปลารักบี้และเต้าหู้ปลาส่วนราคาของวัตถุดิบแต่ละอย่างรบกวนสอบถามทางร้านโดยตรงนะครับ จานสุดท้ายเป็น “ชุดแจ่วฮ้อนรวม” ก็คือรวมวัตถุดิบทั้งหมดที่กล่าวมาตั้งแต่เริ่มเอาไว้ในจานอย่างละนิดหน่อยจนกลายเป็นใหญ่พิเศษอย่างที่เห็นในรูป โดยสรุปก็คือบุฟเฟ่ต์ทุกราคาสามารถสั่งวัตถุดิบไม่อั้นรวม 8 อย่างคือ 1. หมูสันนอก 2. หมูสันคอ 3. หมูสามชั้น 4. เนื้อน่องลาย 5. เนื้อหนอก 6.เนื้อใบพาย 7. เสือร้องไห้ และ 8. เนื้อริปอายเท่านั้น วัตถุดิบที่นอกเหนือจากนี้ทางร้านขายแยกเป็นแบบ A La Carte ทั้งหมด ส่วนพิเศษที่ถูกเพิ่มเติมขึ้นมานั่นคืออาหารไทยกับยุโรปรวมกว่า 11 รายการ แบ่งเป็น 499 บาท และ 799 บาท ตามที่บอกไปเบื้องต้น ไม่รอช้ามาเปิดเตากันเลยครับ
เริ่มต้นจากหม้อแจ่วฮ้อนตำรับครูยืนสูตร Original กันก่อน (วันที่เราไปหม้อ 2 ช่องยังไม่เข้าร้านเลยได้แยกกันอย่างที่เห็น) จัดการเรียงวัตถุดิบต่างๆลงไปอย่างสวยงามยกเว้นเนื้อสัตว์สไตล์บางที่เราเก็บเอาไว้ลวกแบบชาบูๆกินทีหลัง เคล็ดลับความอร่อยก็คือให้นำผักต่างๆลงไปต้มก่อนจนสุกนิ่มจะได้ความหวานจากผักสดๆผสมสมุนไพรจากแจ่วที่เป็นเบสน้ำซุปในหม้อให้ความหวานนัวตามธรรมชาติ จากนั้นนำเนื้อลงไปลวกแค่พอสุกเปลี่ยนสีเล็กน้อยพร้อมจิ้มกับแจ่วสูตรปกติและสูตรขมได้ทันที โดยความขมของน้ำจิ้มที่ร้านนี้เขาใช้ “บอระเพ็ด” ประมาณเพียงเล็กน้อยพอติดขมที่ปลายลิ้น ยิ่งจิ้มกับเนื้อวัวไทยโคขุนไขมันแทรกหอมๆช่วยลดความเลี่ยนและเข้ากับกลิ่นเฉพาะตัวของวัวได้ดีสุดๆจนเข้าใจเลยว่าทำไมคนอีสานถึงชอบกินแจ่วแบบขม และที่สำคัญเลยก็คือทางร้านเขาไม่ได้ผสม “ขี้เพี้ย” จึงกินง่ายและดีต่อสุขภาพลูกค้ามากกว่า รสชาติโดยรวมจะเน้นความนัวเค็มเผ็ดอ่อนๆหนักสมุนไพรเข้มข้นไม่จี๊ดจ๊าดแบบร้านแจ่วฮ้อนในกรุงเทพฯแต่ถ้าอยากแซ่บอีกหน่อยก็สามารถปรุงเพิ่มได้ทั้งพริกป่น/ข้าวคั่ว/บีบน้ำมะนาวตามใจครับ
จัดการเคลียร์วัตถุดิบภายในหม้อแจ่วฮ้อนแรกให้เรียบร้อยแล้วเขยิบมาเปิดอีกน้ำซุปเป็น “ต้มยำน้ำข้น” สำหรับใครที่ไม่ใช่สายอีสานแท้และยังติดความหวานกลมกล่อมครบทุกรสชาติแบบคนกรุงเทพอยู่แนะนำเลยว่าเด็ดสุดๆ ในหม้อเต็มไปด้วยเครื่องสมุนไพรสดข้นด้วยน้ำพริกเผาผสมนมข้นจืดเปรี้ยวหอมมะนาวโดนใจ ลวกเนื้อสัตว์สไลด์บางลงไปรสชาติซึมเข้าเนื้อฉ่ำน้ำต้มยำทุกครั้งที่เข้าปาก และยังมีน้ำจิ้มอีกสูตรที่เราสามารถสั่งกับพนักงานได้ก็คือ “แจ่วแดง” หรือน้ำจิ้มแจ่วใส่พริกป่น/ข้าวคั่ว/น้ำปลา/น้ำมะนาวสดตัดหวานน้ำตาลทรายอีกนิดหน่อยและโรยใบผักชีฝรั่งซอยแบบแจ่วฮ้อนในกรุงเทพมหานครที่เราคุ้นเคยมากกว่า โดยรวมถือว่าอร่อยทั้ง 2 สูตรเพราะส่วนตัวก็เคยสั่งแจ่วบรรจุขวดมาจากอีสานเอามาทำเป็นซุป-น้ำจิ้มแบบเดียวกับร้านนี้ก็รสชาติคล้ายๆกันไม่มีผิดเพี้ยน (แค่ไม่มีสูตรผสมขี้เพี้ยลงไปเท่านั้น) ส่วนวัตถุดิบต่างๆเมื่อเทียบกับราคาบุฟเฟ่ต์แล้วก็ถือว่าสมกับราคาดี ต่อจากนี้จะเป็นเมนูของกินเล่นสไตล์ยุโรปบางส่วนก็สั่งได้เมื่อจองราคา 499 บาทขึ้นไปและบางจานก็ขายเป็นแบบ A La Carte แทนครับผม
******* เกิน 10,000 ตัวอักษร ขออนุญาตเขียนรีวิวต่อในช่อง Comment แทนนะครับ *******
ชื่อสินค้า: หม้อไฟซี.วาย (สาขาพระราม9)
คะแนน:
0.5
1.0
1.5
2.0
2.5
3.0
3.5
4.0
4.5
5.0
SR – Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
- – ได้รับสินค้าหรือบริการมาใช้รีวิวฟรี โดยไม่ต้องคืนสินค้าหรือบริการนั้น
- – ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
- รับประทานอาหารมื้อนี้ฟรี
ข้อมูลเพิ่มเติม
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
Food Addicts
30 มีนาคม เวลา 16:29 น.
30 มีนาคม เวลา 16:29 น.
แหล่งที่มา pantip.com
ของทานเล่นจากต่อไปถูกบรรจุอยู่ในรายการบุฟเฟ่ต์ราคาคนละ 499 บาทคือ “ปีกไก่ยัดไส้” เป็นส่วนกลางติดปลายของปีกไก่เลาะกระดูกกับเนื้อบางส่วนออก โดยสูตรของร้านอาหารไทยทั่วไปก็มักจะยัดกลับไปด้วยหมูสับและวุ้นเส้นปรุงรสด้วยสามเกลอทั้งรากผักชี/กระเทียม/พริกไทยก่อนเอาไปทอดหรือย่างตามกระบวนการก่อนเสิร์ฟ แต่สูตรของที่ร้าน “หม้อไฟซี.วาย” เอาเนื้อที่ถูกเลาะออกมาสับเป็นไก่บดผสมเครื่องเทศสูตรเฉพาะสไตล์ยุโรปแล้วก็นำไปทอดจนหนังสีเหลืองกรุบกรอบเนื้อในสุกฉ่ำได้เคี้ยวแต่เนื้อไก่แบบไม่มีกระดูกเต็มๆในทุกๆคำ กินคู่กับซอส 4 สูตรที่เรากล่าวไปแล้วเบื้องต้นเปลี่ยนความอร่อยไปได้เรื่อยๆไม่มีหยุด เมนูสุดท้ายที่ร้านขายเป็นแบบ A La Carte แต่ก็ยังไม่ได้กำหนดราคาเอาไว้เช่นเดิม (ถ้าอยากทานรบกวนโทรจองและระบุด้วยว่าต้องการจานนี้) ก็คือ “พายอบกรอบไส้สตูว์เนื้อวัวตุ๋น” เป็นสตูว์สูตรของร้าน Chan & Yupa แบบเข้มข้นพิเศษที่ตุ๋นเป็นเวลานานจนความหวานของผักและเนื้อวัวกลายเป็นหนึ่งเดียวกันราวกับซอส บรรจุลงในแป้งพายอบกรอบหอมเนยสุดทั่วถึงกันทั้งชิ้นตามแบบฉบับเชฟมืออาชีพ เสิร์ฟคู่กับซอส 2 สูตรคือเลมอนซีฟู้ดซอสและโปเตสซอสราดลงไปแบบฉ่ำๆช่วยเพิ่มรสชาติและความหอมสดชื่นที่เข้ากันได้ดีกับพายเนื้อวัวไหลฉ่ำความอร่อยเต็มปากสะใจสุดๆ โดยรวมถือว่าอาหารอร่อยเด็ดราคาก็ไม่แพง/เข้าถึงได้ทุกระดับเพราะเริ่มต้นเพียง 279 บาทแบบนี้ก็รับคะแนนอร่อย-คุ้มไป 5 ดาวครับ 🌟🌟🌟🌟🌟
พิกัด : เลขที่ 541 พระราม 9 ซอย 51 ถนนพระราม 9 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร 10250
เปิดให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุดตั้งแต่เวลา 12.00-23.00 น. (อาจมีการปรับเปลี่ยนตามนโยบายของรัฐบาล)
โทร. 089-185-5331
Facebook : https://bit.ly/3q1Qbo4
ลิงค์ Google Maps : https://goo.gl/maps/WkctiUcTJsAmrrZK7
ตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <
อย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเราด้วยนะ 😘😘😘
30 มีนาคม เวลา 16:34 น.
30 มีนาคม เวลา 23:39 น.
31 มีนาคม เวลา 00:17 น.
31 มีนาคม เวลา 10:44 น.
5 เมษายน เวลา 09:14 น.