[SR] เพิ่งมาเล่า: ททท.xพันทิป พาไปไหนบ้าง…ในกาญจนบุรี (3 วัน 2 คืน)
สวัสดีค่ะคุณผู้อ่านทุกท่าน เราจะรีวิวแชร์ประสบการณ์ที่ได้มาร่วมผจญภัยไปกับ ททท.และพันทิป
โดยพิกัดที่เราได้ทราบ คือ จ.กาญจนบุรี ตอนนั้นคิดในใจ…จังหวัดนี้เรามาเที่ยวบ่อย คงได้ไปที่ๆ คุ้นเคยแน่ๆ
แต่พอได้เห็นแพลนคร่าวๆ ที่จะไป ก็กลายเป็นว่า แต่ละที่นั้นเราไม่เคยไปเลยค่ะ
ไปตามดูกันว่าแต่ละที่ ที่ททท.xพันทิป จะพาไปที่ไหนกันบ้าง… เราจะเล่าให้ฟังเองงง!!
ก่อนอื่นเราขอปักหมุดสถานที่ที่ไปมาในทริปนี้ให้เห็นภาพก่อน
เผื่ออยากตาม จะได้พอนึกภาพถูกว่าอยู่ตรงไหนของ จ. กาญจนบุรี นะคะ
เราได้ใส่ Link พิกัดแต่ละที่ ในชื่อของสถานที่ไว้ให้ด้วยนะ สนใจคลิกได้เลยจ้า
วันนั้นเราออกเดินทางตอน 06.30 น. จากกรุงเทพ มุ่งหน้าสู่จังหวัดกาญจนบุรี ด้วยรถตู้
ท่ามกลางความตื่นเต้นที่จะได้เที่ยวผสมความตื่นเช้า พอพูดคุยกับเพื่อนร่วมทริปในรถได้ซักพัก
ก็วาป หลับไปเลย ลืมตาอีกทีก็คือ…รถมาจอดหน้าร้านคาเฟ่แห่งนี้
“Keeree Mantra Restaurant”
เข้าไปในร้าน คือร้านยังเพิ่งเปิดใหม่ๆ ลูกค้ายังไม่เยอะมาก สงบดีนะ เมนูที่นี่มีความหลากหลายและเป็นเอกลักษณ์ น่ากินไปหมด
เรากะจะแค่ขอเติมคาเฟอีนหน่อย แล้วจะไปเดินเล่นรอบๆ แต่พอพนักงานหิ้วขนมของโต๊ะอื่น ผ่านโต๊ะเราไป เท่านั้นแหล่ะ
“น้องคะ ขอเมนูหน่อยค่ะ…เอาเมนูที่ถือมาเมื่อกี้นี้เลยค่ะ”
มันคือวอฟเฟิลเมล่อน และพวกเราก็จัดเค้กเรดเวลเรตเพิ่มมาด้วย
อร่อยฟินสายขนมอย่างเรามากกกก
(เค้กเรดเวลเรตทำตัวกลมกลืนกับต้นกระบองเพชรเลยค่ะ)
แล้วค่อยไปเดินถ่ายรูปเล่น รอบๆ ร้าน มีสนามหญ้ากว้างๆ ให้วิ่งเล่น
มีจักรยานให้ปั่น ปั่นรอดซุ้มไผ่สไตล์ญี่ปุ่น ที่ร่มรื่นมากๆ ที่บริเวณด้านหลังเป็นโรงเรือนกระบองเพชร
และมีที่กำลังสร้างใหม่อีกนะ (ไว้มารอบหน้า ต้องมาดูว่าที่สร้างใหม่ด้านหลังคืออะไรนะ?)
เราไปเจอต้นแมมขนแมว พอเห็นแล้วก็คิดถึงแมว เลยซื้อน้องกลับมาด้วยเลย
น้องมาพร้อมดอกสีชมพูสดใส 2 ดอก (ซึ่งพากลับมาถึงบ้านปุ๊บดอกก็เฉาไปแล้ว และจนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่เห็นดอกอีกเลย งุ้ย 5555)
จบจากร้านนี้ แล้วก็ไปอีกร้านกันต่อ ทีมงานไม่เคยทำให้ท้องว่าง 5555
หลังจากที่เติมคาเฟอีน และน้ำตาลไปแล้ว ก็เติมของคาวกันต่อที่ร้าน
“U Terrace River Kwai Cafe & Cuisine”
ร้านอาหาร ที่ไม่ใช่แค่กินอาหาร แต่ได้กินบรรยากาศจนเต็มอิ่มกันเลย
อย่างที่บอก ว่าร้านนี้บรรยากาศคือดีมากกก แล้วอาหารก็แซ่บมากด้วยย เห็นแล้วหิวเลยยยย
กินอิ่มแล้ว จะมาปั่นจักรยานเล่น กิมลมชมวิวทิวทัศน์ต่อก็ได้เช่นกัน แนะนำเลยร้านนี้ น่าพาครอบครัว เพื่อนๆ หรือคนรักมาเที่ยวมากๆ
ชื่อสินค้า: จังหวัดกาญจนบุรี
คะแนน:
0.5
1.0
1.5
2.0
2.5
3.0
3.5
4.0
4.5
5.0
SR – Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
- – ได้รับสินค้าหรือบริการมาใช้รีวิวฟรี โดยไม่ต้องคืนสินค้าหรือบริการนั้น
- – ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ 2 มีนาคม เวลา 19:16 น.
เจ้าเด็กดุ๊กดิ๊ก
26 กุมภาพันธ์ เวลา 22:20 น.
26 กุมภาพันธ์ เวลา 22:20 น.
แหล่งที่มา pantip.com
จุดชมวิว “เนินสวรรค์” อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์แล้ว
ที่นี่เป็นจุดที่วิวสวยเลยนะ มองออกไปเห็นทิวเขา มองแล้วผ่อนคลายมากๆ
พิกัด https://goo.gl/maps/LWUYm94yuDuPMcF98
เมื่อเรามาถึง จะมีรถ 4×4 ที่ติดต่อไว้ จอดรออยู่แล้ว พร้อมกับน้องๆ ที่จะเป็นไกด์คอยแนะนำพวกเรา
(จะบอกว่าน้องๆ เก่งและน่ารักมากเวอร์ รับรองเฮฮาในการนั่งรถชมเหมืองเลยแหล่ะ)
หลังจากที่ชมวิวเสร็จ ก็พากันขึ้นรถ เค้าก็จะพากันไปลอดอุโมงค์ที่เป็นเหมืองที่ขุดเจาะไว้นั่นเองค่ะ
“อุโมงค์เหมืองแร่ ดร.ผล กลีบบัว”
ที่นี่เป็นเหมืองแร่โบราณ ที่มีการขุดเจาะแร่มานานกว่า 1,500 ปี
เหมืองถูกส่งทอดต่อกันมาหลายสมัย จนถึงสมัยของ ดร.ผล กลีบบัว
แต่ที่นี่ได้ปิดไปนานแล้ว ปัจจุบันไม่มีการขุดเจาะแล้วค่ะ
พิกัด https://goo.gl/maps/LNgQ7iN3RFgq9u7K7
ตอนที่ลอดอุโมงค์บางช่วงเพดานอุโมงค์จะต่ำพอดีความสูงรถ พวกเราต้องก้มหลบกันสนุกเลยค่ะ
มีช่วงนึงเรามัวแต่ดูค้างคาวจนลืมก้มต่ำ เพื่อนๆ ช่วยดึงลงแทบไม่ทัน เกือบไปแล้วเกือบได้เห็นดาวแล้วมั้ยล่ะ
ก่อนมาที่นี่ก็ดูรูปจากที่คนอื่นๆ รีวิวที่นี่มาบ้าง ก็เข้าใจว่า เนี่ยนั่งรถชมเหมือง ชิลล์ๆ สบายๆ น่าาา
แต่ไม่ค่ะ!!!! พอถึงช่วงที่เป็นยอดสูงๆ รถขึ้นไม่ได้ ก็ต้องเดิน+ปีนขึ้นค่ะ สองมือสองเท้ามีเท่าไหร่ เอามาใช้ให้หมด ท้าทายสุดๆ
ระหว่างเดินน้องๆ และพี่ๆ ที่นำทาง จะมาแนะนำแร่ให้เราดู บอกความแตกต่างระหว่าง “หิน” และ “แร่สังกะสี”
เราสามารถแยกความแตกต่างกันได้โดยดูจากสีและน้ำหนัก ก้อนที่มีสีเหมือนสนิมนั่นคือแร่สังกะสี และจะหนักกว่าหิน
จากในรูปด้านล่างนี้ พอมองออกไหมคะ อันไหนหิน อันไหนแร่สังกะสี …?
ตรงนี้จะเรียนว่า “ผาผึ้ง” ค่ะ แผ่นๆ ที่เหมือนแพนเค้ก คือรังผึ้งค่ะ
แผ่นดำๆ จะมีผึ้งหลวง และพญาผึ้งอาศัยอยู่ ส่วนขาวๆ จะเป็นหัวน้ำหวาน
ส่วนแผ่นเหลืองๆ คือรังที่ผึ้งได้ทิ้งไปแล้ว จะไม่มีน้ำหวานค่ะ ดูๆ ไปก็หิวแพนเค้กขึ้นมาเลย
ขึ้นมาบนยอดจะมีป้าย “เขาเอเวอเรสต์”
(โปรดอย่ายืนพิงป้าย เพราะป้ายจะหลุดได้ มีคนทำหลุดมาแล้ว อุ้ย!!! 55555)
แม้จะมาถึงยอดที่เป็นป้ายเขาเอเวอเรสต์ แต่มันยังไม่ใช่สุดยอด มันยังต้องปีนขึ้นไปอีก
สำหรับเรา เราว่าที่นี่ท้าทายกว่าการปีนที่ยอดดอยหลวงเชียวดาวอีกนะ
มันน่ากลัวที่หินมันมีทั้งที่มันแน่น กับอันที่มันพร้อมร่วงไปกับเรา เรียกได้ว่า ขึ้นได้แต่ลงไม่ได้กันเลย
แต่ทีมงานดูแลดีมาก น้องจะจับขาเราวางในตำแหน่งที่ควรวาง เราถึงลงมาได้อย่างปลอดภัย
เขาอันนี้น่ารักมาก ตกมนุษย์ทาสแมวอย่างเราไปเลย เพื่อนๆ มองเป็นตัวอะไรกันบ้างคะ?
หลังจากที่ไต่ (หรือไถล) ลงมาแล้ว ก็จะมีอุโมงค์ ให้เดินชมข้างในกันชัดๆ ข้างในจะมีโพรงที่แต่ก่อนเอาไว้ลำเลียงแร่ให้เห็นด้วย
หรือจะเห็นแอ่งน้ำที่มีน้ำตลอดทั้งปี ตอนแรกเรามองไม่ออกว่าเป็นน้ำเพราะว่ามืดมาก จนโยนก้อนหินเข้าไปเราถึงได้เชื่อว่าเป็นน้ำจริงๆ 555
(ตรงที่เป็นแอ่งน้ำเราไม่ได้ถ่ายรูปมานะ)
พอเดินชมเสร็จ เราก็จะนั่งรถไปตะลุยในอุโมงค์กันต่อค่ะไปทะลุมิติในอุโมงค์ที่ยาว 2 กม.
อาจจะฟังดูแล้วก็ไม่ยาวมาก แต่พอได้เข้าไปจริงๆ คือน่าทึ่งอยู่นะ ที่คนเราสามารถจะขุดเจาะอุโมงค์ได้ยาวขนาดนี้
เข้าไปข้างในคือมีเพียงแสงไฟหน้ารถที่ส่องให้เห็นสิ่งต่างๆข้างใน ไม่ว่าจะเป็นสายแร่ (จะเป็นเส้นสีเข้มๆ ดำๆ เค้าจะไล่เจาะอุโมงค์ตามสายแร่นี้)
ท่อลม (ท่อที่นำอากาศจากภายนอกลำเลียงไปข้างใน) มีหินงอก หินย้อย มีอุปกรณ์เครื่องมือสำหรับขุดเจาะ ลำเลียง แปรรูปแร่ และมีค้างคาว
อาจจะมีสิ่งอื่นๆอีกด้วย คงต้องไปดู มองหาเองเน้อ
บอกได้เลยว่ามัน Unseen สำหรับเรามากกกก มันทั้งลึกลับ และผจญภัยทะลุมิติมาก
มันเหมือนเราได้เข้าไปและสัมผัสถึงชีวิตคนที่ทำงานในเหมืองแบบนั้นเลย
พอออกมาปลายทางคือต้องมองไปรอบๆ ดูว่าตอนนี้เรากลับมิติปัจจุบันหรือยัง 5555
หลังผจญภัยเสร็จ ทุกคนก็มานั่งชมวิวพระอาทิตย์ตก ที่จุดชมวิว “เนินสวรรค์”
เป็นการบอกลา แสงสุดท้ายของวันนั้นอย่างสวยงาม
สำหรับผู้สนใจ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่…
วันจันทร์-ศุกร์ ติดต่อเบอร์โทร 0852636674 พี่สมศักดิ์ (ผู้ใหญ่บ้าน)
วันเสาร์ อาทิตย์ Walk-in ได้เลย มีเจ้าหน้าที่อยู่ที่ป้อม
ช่วงเปิดที่เปิดให้ท่องเที่ยว 8.00-17.00 น.
ค่าบริการ(ค่าเข้า) 100 บาท ต่อคน (ไม่รวมค่ารถ)
ค่ารถ ถ้าคนประมาณ 10 คน คิด 700 บาท/คัน
ถ้าคนน้อยๆ คิด 500 บาท /คัน
26 กุมภาพันธ์ เวลา 22:38 น.
เราไปทานอาหารเย็นกันที่ “ร้านเพาะรัก@บ้านไร่อาจารย์หนวด” ท่าขนุน ทองผาภูมิ กาญจนบุรี
ร้านนี้รสดีถูกปาก ราคาถูกใจ ทำไวและอร่อย เป็นอีกร้านที่อยากแนะนำ
พิกัด https://goo.gl/maps/yDGFM9qUrJ4tfYgy5
พอคนหิว + เมนูอาหารที่หลากหลาย = ของกินเต็มโต๊ะ!!! เต็มจริงๆ ดูเลย บอกเลยว่าอย่าสั่งอาหารตอนหิว !! 5555
ที่เราชอบมากๆ คือปลาคังลวกจิ้ม น้ำจิ้มคือเด็ดมาก
กับอีกอันที่ทุกคนตักกันหมดอย่างเร็วคือหมูสามชั้นทอดน้ำปลา มาพร้อมแจ่วแซ่บๆ โอ้ยหิวเลยยย
ที่จริงร้านจะติดริมธาร สามารถเล่นน้ำได้ด้วยนะ แต่เรามาก็มืดแล้ว ไว้มีโอกาสจะแวะมากที่นี่อีก
จากนั้นเดินทางแปบเดียวก็ถึงพี่พักเลย คืนแรกเราพักกันที่
“เรือนริมแคว”
ที่พักจะตั้งริมแม่น้ำแควน้อย และจะมองเห็นวิวเขา บรรยากาศคือ…ให้รูปอธิบายเอง
แถมทำเลร้านคือติดตลาด เดินขึ้นบันไดไม่กี่ก้าว ก็จะเจอของกินขายเต็มไปหมดชอบมากๆ
พิกัด https://goo.gl/maps/j7ZScBWULZV4iB6z6
เรามาถึงที่พักก็มืดแล้วค่ะ แต่เห็นวิวไฟจากสะพานแบบนี้ด้วยนะ โซนที่เราพักคือ B2
26 กุมภาพันธ์ เวลา 23:05 น.
ที่ๆ เราจะไปต่อไปนี้นั้น Unseen สำหรับเรามาก และคิดว่าเราต้องกลับไปอีกแน่ๆ ไปแก้บนน่ะ หุหุ
ที่นั่นก็คือ “เจดีย์พระธาตุโบอ่อง” ตำบล ปิล็อก อำเภอทองผาภูมิ กาญจนบุรี
เป็นเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่กลางน้ำ อยู่ในหมู่บ้านที่เป็นเกาะกลางน้ำอีกที
พิกัด https://goo.gl/maps/3ZdMy24hSwos2EW48
การเดินทางจะเข้าไปหมู่บ้านโบอ่องนั้นจะเข้าไปได้แค่ทางเรือ
ไปขึ้นเรือได้ที่ “ท่าเรือลงแพมาลัย เขื่อนเขาแหลม” ตอนที่เรานั่งเรือคืออากาศหนาวมากๆๆๆๆ เอาเสื้อกันลมไปด้วยเน้อ
เราคิดว่าจะร้อน แล้วเป็นไง ไปนั่งหมอบเป็นหมาเลย หนาว สั่น กึกๆๆๆ 55555
ใช้เวลานั่งเรือฝ่าความหนาวไปประมาณ 40 นาทีได้
มาถึงหมู่บ้านโบอ่อง ก็ทำการเช็กอิน พวกเราได้ตรวจ ATK ก่อนเดินทางกันมาแล้ว
ก็ลงทะเบียนบันทึกต่างๆ ก่อนเข้าหมู่บ้าน และจะมีชาวบ้านพาชมแนะนำหมู่บ้าน
ที่แรกที่เรามาถึงคือ เจดีย์พระธาตุโบอ่อง มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงมอญ ตั้งอยู่บนยอดเขาหินปูนเล็ก ๆ ที่มีบึงน้ำใหญ่ล้อมรอบ
มีสะพานไว้เดินข้ามน้ำเข้าไปที่เจดีย์ แต่ที่สำคัญ…!!! ที่นี่มีความเชื่อว่า คนที่จะเข้าไปที่เจดีย์ได้ ให้เฉพาะผู้ชายเท่านั้น
ถ้าผู้หญิงเข้าไปแล้ว น้ำจะแห้งเหือด และผู้หญิงคนนั้นจะมีอันเป็นไป เราไม่ขอเสี่ยงแน่นอน
แต่ก็มีบริเวณให้ผู้หญิงสักการะขอพร และชาวบ้านยังบอกอีกว่าที่นี่ศักดิ์สิทธิ์มาก
ชาวบ้านบอกว่าคนนิยมบนบานด้วยผลไม้ ว่าแล้วเราก็ขอบนบานไป 1 กรุบ
จากนั้นเราก็ไปชมโรงเรียน ที่หมู่บ้านนี้มีนักเรียนประมาณ 140 คนเลยนะ
วันที่เราไป มีน้องๆ นักเรียนนักศึกษามาทำกิจกรรม CSR วาดรูป ทาสี ตกแต่งโรงเรียนกันอยู่ด้วย
แล้วพวกเราก็ยังมีโอกาสได้ไหว้พระ ขอพรที่วัดในหมู่บ้านโบอ่องนี้ด้วย
จากนั้นก็เดินทางขึ้นเรือกลับขึ้นฝั่งค่ะ ก่อนกลับจะมีเด็กๆ วิ่งเล่น หรือนั่งเล่นอยู่หน้าบ้านส่งยิ้มทักทายน่ารักดีจัง
บ๊ายบายนะ หมู่บ้านโบอ่อง ขอให้ได้กลับมาที่นี่อีก ^^
26 กุมภาพันธ์ เวลา 23:59 น.
ระหว่างทางเราแวะทานอาหารมื้อเที่ยงกันที่ร้าน…
“บ้านเนินหินดาด pizza”
ร้านพิซซ่าในสวน จานโต รสเด็ด อร่อยชวนลิ้มลอง
พิกัด https://g.page/Barnnernhindard?share
เราแทะสเต็กซี่โครงจนหมาร้องไห้เลยแหล่ะ เลาะเนื้อกินเกลี้ยงเลยค่ะ > <
พิซซ่าที่นี่ก็กินง่ายค่ะ รสถูกปากไม่เลี่ยน เมนูแนะนำคือ พิซซ่าหน้าลาบกระเหรี่ยง แซ่บหลายยย!!
เมนูทานเล่น อย่างชีสบอลมันม่วงก็อร่อย ผักโขมอบชีสก็ดี ชอบไปหมดเลย
จากนั้นเราก็ไปเช็กอินที่พักและเปลี่ยนชุดเพื่อไปเล่น Paddle Board หรือที่เรียกกันง่ายๆ ว่าพายซับ (มาจาก Sub board)
“Paddle More Thailand | พาย SUP กาญจนบุรี”
พายซับล่องแม่น้ำแคว ชมวิวสุดประทับใจ ทีมงานน่ารัก มีบริการสอนวิธรการพาย และถ่ายรูปให้ด้วย
ทีมงานดูแลตลอดลำน้ำ ทั้งสนุกและอุ่นใจ ชวนเพื่อนๆ มาเล่นรับรองไม่ผิดหวัง
พิกัด https://g.page/paddle-more-thailand?share
ถ้าไปกันหลายคน ทีมงานจะมีบริการรถสองแถวมารับจากที่พัก และพาไปยังจุดปล่อยตัว
โดยจะมีอุปกรณ์ให้พร้อม ทั้งเสื้อชูชีพ กระเป๋ากันน้ำ บอร์ด และไม้พาย (และมีเครื่องดื่มให้ด้วยระหว่างพาย)
ไปถึงทีมงานจะแนะนำวิธีการยืน การพาย การเลี้ยวต่างๆ ซึ่งไม่ยากเลย ขนาดคนพายเรือแล้วหมุนอย่างเรายังรอดมาได้ 555
แรกๆ จะมีอาการกลัวน้ำ ขาสั่นๆ มีเทคนิคคือ… โดดลงน้ำไปเองเลยไง!! ทีนี้จะยืนได้อย่างมั่นคงไม่กลัวน้ำอีกต่อไป
การพายก็จะพายไหลไปตามทิศทางน้ำ จะไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไหร่ รู้สึกว่าก็ค่อนข้างชิลๆ สบายๆ เพลินดีมากๆ
จากนั้นเราเดินทางกันต่อไปยังที่พัก โดยในคืนนี้เราไปพักกันที่…
“Natee The Riverfront Hotel Kanchanaburi”
โรงแรมใกล้แหล่งท่องเที่ยว มีวิวริมน้ำแควใหญ่ มีอ่าง Jacuzzi นอนแช่ฟองสบู่ชมวิว ชวนให้ผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี
ที่นี่มาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เหมาะสำหรับวันพักผ่อนมากๆ
พิกัด https://goo.gl/maps/JgvbXUnUXSZeJKAa7
เราแนะนำ bath bomb ของที่นี่แหล่ะ ฟองเยอะมากๆๆๆๆๆๆ ยิ่งใช้กับระบบน้ำวนยิ่งทำให้มีฟองเยอะขึ้นไปอีก
ฟองเยอะจนล้นอ่างเลยค่ะ เราก็เลยพยายามจะถ่ายรูปกับฟองเล่น ถ่ายไปถ่ายมา ฟองมันลดลง…
ปรากฎว่าเราเผลอไปโดนตัวระบายน้ำค่ะ อุแง๊ จากฟองที่ล้นอ่าง หายไปหมดเลย เป็นเศร้า 55555
และสิ่งสำคัญก่อนจบวันนี้คือมื้อเย็น ที่ร้านอาหารริมน้ำที่…
“ธาราบุรี”
ร้านอาหารบรรยายาศริมแม่น้ำแคว ลิ้มรสอาหารท้องถิ่นรสเด็ด ฟังดนดรีสดย้อนยุด เหมาะกับพาครอบครัวมามากๆ
พิกัด https://goo.gl/maps/bCVd1oyUnTnwhCr57
เมนูแนะนำ (ที่เราชอบนะคะ)
ปลาคังลวกจิ้ม ทีเด็ดคือความหนึบความสดของปลา ที่เสริฟพร้อมน้ำจิ้มรสเด็ด เราชอบมาก
ต้มยำเห็ดโคน/รวมมิตร เราชอบน้ำต้มยำที่รสชาติเปรี้ยวจัดจ้านกำลังดี ซดน้ำชุ่มคอ
และปลาค้าวทอดน้ำปลา น้ำปลาเค็มๆวานๆ เข้ากันกับปลาทอดมากๆ แนะนำๆ
ปิดท้ายที่เมนูเครื่องดื่ม ชื่อธาราบุรี (น้ำสีแดงๆ) เปรี้ยวสดชื่น ต้องลอง
27 กุมภาพันธ์ เวลา 00:01 น.
“โรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี”
สถานที่ที่มีคุณค่าต่อผู้คนในเมืองกาญจน์ ที่ๆ บรรจุเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่ไม่อยากให้เลือนหายไป
ที่นี่เปรียบเสมือนพิพิธภัณฑ์ที่รอให้ผู้ที่มาเยื่อน มาปลุกความมีชีวิตให้เกิดขึ้นมาอีกครั้ง..
พิกัด https://goo.gl/maps/BEkVBzgWoqCxz6hQ7
ตอนที่เราเดินชมก็ได้ฟังเรื่องราวเชิงประวัติศาสตร์ ที่เกี่ยวข้องกับที่นี่และจังหวัดกาญจนบุรีด้วย
…เวลาเราไปเที่ยวที่ต่างๆ ในโลกนี้ ที่เราไปถ่ายรูป ไปทำความรู้จักนั้น มี 3 ระดับ
1. คุณลักษณะ – เที่ยวเพราะที่แห่งนั้นสวย ดูดี ดูเท่
2. การใช้ประโยชน์ – ที่นั้นจะทำประโยชน์อะไรได้ต่อไป
3. คุณค่า – คุณค่าที่สถานที่แห่งนี้เกี่ยวพันกับผู้คนระดับไหน ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และในอนาคต
แล้วเราก็ได้ทราบประวัติตั้งแต่สัญลักษณ์ตรงซุ้มประตูด้านหน้ากันเลย ฟังเรื่องราวยาวไปจนถึงภายในโรงงาน
เรื่องราวที่ได้รับรู้นี้ทำให้การท่องเที่ยวสนุกขึ้น และเหมือนมีเวทย์มนต์ให้เรามองสถานที่แห่งนี้แบบมีชีวิตอีกครั้ง
ที่บริเวณทางเข้าจะมีป้ายโรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี มีระบุปีที่สร้างโรงงานปี 2478
และมีสัญลักษณ์ด้านบนซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของคณะราษฎร์และต่อมาเราเรียกสัญลักษณ์นี้แทนกระทรวงกลาโหม
เพราะที่สุดแล้วคณะราษฎร์ก็แปลงร่างเป็นกระทรวงกลาโหมเมื่อ 2481
ด้านหน้ามองไปจะเจอ “กำแพงเมืองเก่า” ซึ่งสร้างตั้งแต่สมัยรัชกาลที่สาม
ทริปนี้ทำให้เราได้ฟังเรื่องราวตั้งแต่สมัยอยุธยาที่มีการสู้รบกันจนถึงสมัยต้นรัตนโกสินทร์
ได้รู้เรื่องราวผู้คนที่เกี่ยวข้องกับจ.กาญจนบุรี เอาจริงๆ จ.กาญจน์ก็เป็นเมืองที่มีร่องรอยอารยธรรมในอดีตมากมายเลย
จะถ้าจะให้เล่าทั้งหมดคงต้องไปเปิดกระทู้ใหม่เลยล่ะ (ตอนเรียนในห้องเรียนไม่เคยจำประวัติศาสตร์หรือเห็นภาพเท่าวันนี้เลย)
โรงงานแห่งนี้สร้างสมัยรัชกาลที่ 7 ซึ่งช่วงนั้นจะเป็นยุคศิลปะแบบโมเดิร์น
มักจะสร้างสถาปัตยกรรมแบบเน้นการใช้งานไม่เน้นความสวยงาม อาคารที่นี่จึงถูกสร้างมาเพื่อการใช้งานเป็นหลัก (แต่ก็ดูสวยนะ)
ที่นี่เป็นโรงงานกระดาษแห่งที่ 2 ของประเทศไทย ใช้ผลิตกระดาษและธนบัตรในช่วงสงครามโลก ครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นโรงงานที่ทันสมัยที่สุดในยุดนั้น
47 ปีต่อมาที่นี่ก็ประสบภาวะขาดทุน จึงถูกปิดกิจการไปในปี 2525 และที่นี่ก็หลับไหลยาวมาจวบจนปัจจุบัน
ด้านในจะมีเครื่องมือเครื่องจักร ที่ยังมีให้เห็นอยู่บ้าง แต่ให้ดูจากภายนอกนะคะ
อยากให้ลองมาสัมผัสที่นี่กันดูค่ะ มาเรียนรู้ มาปลุกโรงงานกระดาษไทย ให้กลับมามีชีวิตกันอีกครั้ง…
พอออกจากโรงงานกระดาษไทย เลี้ยวขวาไปหน่อย ก็แวะร้านอาหารมื้อเที่ยงกันเลยค่ะ
ร้าน “ไทยเสรี”
ร้านอาหารเก่าแก่ขึ้นชื่อในจังหวัดกาญจนบุรี เปิดานานกว่า 40 ปี
พิกัด https://goo.gl/maps/iQR5LfUN2ePqZJcv9
ที่เราชอบ…คือปลาคังลวกจิ้ม (ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้คงจะสงสัยว่าเราชอบเป็นอยู่เมนูเดียวหรือเปล่า 555)
แต่เราชอบจริงๆ ปลาคังเนื้อหนึบๆ กับน้ำจิ้มสุดแซ่บ จี๊ดจ๊าดดีเราชอบ
กินคาวเสร็จ แล้วต้องกินหวานด้วย เราไปกันต่อที่ร้านคาเฟ่ที่ชื่อว่า..
“THE CURVE @ KANCHANABURI”
คาเฟ่ที่ต้องดูตารางรถไฟก่อนมา เพื่อจะได้ไม่ตกรถไฟ…เพราะที่นี่จะได้นั่งชมวิวแม่น้ำ วิวภูเขา
และทีเด็ดคือวิวรถไฟวิ่งผ่าน (ความพีคคือต้องถ่ายรูปรถไฟให้ทันนี่แหล่ะ)
พิกัด https://goo.gl/maps/biNaayEid3pCUGUdA
จะบอกว่าที่นี่มีผู้คนแวะเวียนมาไม่ขาดสายเลย พี่เจ้าของร้านน่ารักมาก
คอยแนะนำ ทักทาย เอาคุ้กกี้อินทผาลัมมาให้ชิมด้วย อร่อยยยย
เอกลักษณ์ของร้านนี้คือเมนูเครื่องดื่มที่ใส่ “อินทผาลัม” ได้ความหวานละมุนจากอินทผาลัม
แนะนำต้องมาลองนะ เรากินทั้งเมนูมอคค่า และชาเขียวอินทผาลัมเลย
พวกขนมต่างๆ คืออร่อยเลย ร้านนี้จะทำไม่หวานมาก กินได้เรื่อยๆ กินเพลินจนลืมอิ่ม
ออกนอกโซนแอร์คือผู้สู้ชีวิตนะ… (ถามว่าแดดร้อนไหม…บอกได้เลยว่า ไหม้!!)
เราออกไปด้านนอกร้านซักพักจะได้ยินเสียง กรี๊ง กริ๊ง !! แล้วพี่ที่ร้านก็จะแจ้งว่ารถไฟจะมาแล้วนะ
จังหวะนี้ต้องหาที่นั่งให้ทัน กดถ่ายให้ทัน รถไฟที่เรามองว่าวิ่งฉึกฉักๆ ช้าๆ จะวิ่งเร็วกว่าที่คิดก็วันนี้แหล่ะ
สุดท้ายได้รูปคู่กับท้ายขบวนพอดี เย่!
ปิดทริปของการมาเยือนกาญจนบุรีโดยสมบูรณ์แบบ
>> ได้ทั้งรูปคู่กับสะพานข้ามแม่น้ำแคว และได้รูปคู่กับรถไฟเลยแหล่ะ
มาถึงตรงนี้…จะบอกว่าคุณเป็นนักอ่านที่ยอดเยี่ยมมาก 555
หากมีข้อมูลอะไรผิดพลาดประการใด แจ้งมาได้เลยนะคะ
และก็หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นไอเดียเพิ่มให้กับทุกคนที่กำลังมองหาที่เที่ยวไปด้วยกาญจน์.. นะคะ^^
27 กุมภาพันธ์ เวลา 00:07 น.
27 กุมภาพันธ์ เวลา 22:11 น.
ปล.ที่เที่ยววันสุดท้าย เขียนจบแล้วนะคะ 😃
3 มีนาคม เวลา 19:07 น.
1 มีนาคม เวลา 16:46 น.
ไปเที่ยวกาญ กัน ^^
3 มีนาคม เวลา 19:08 น.
รูปสวย อ่านเพลินมากเลยค่า ยิ่งอ่านก็ยิ่งคิดถึงช่วงเวลาแห่งความสนุก
——————–
ทริปนี้ครบรสมาก ขอบคุณนะคะที่มาร่วมสร้างความทรงจำที่ดีฉบับใหม่เพิ่มด้วยกัน
ไว้โอกาสหน้ามาร่วมตะลุยสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะไปด้วยกันอีกนะคะ
9 มีนาคม เวลา 11:20 น.