[SR] เที่ยวตะวันออก ขอบอกว่าแจ่ม 3 วัน 2 คืน หน้าระรื่นชื่นมื่นหัวใจ
เข้าสู่ฤดูร้อนแบบเต็มตัว โอ้ยยยย หัวจะปวด อากาศร้อนๆ อยู่แต่บ้านก็น่าเบื่อมีวันหยุดทั้งทีก็ขอออกไปเที่ยวให้หัวใจมันกระชุ่มกระชวยกันสักหน่อย เดี๋ยวเราจะพาทุกคนไปเที่ยวกันแบบชิลล์ๆ กันแถวภาคตะวันออก ขอบอกว่าอย่างแจ่ม แต่ละที่ที่ไปเที่ยวง่าย เที่ยวได้ทุกช่วง และแน่นอนว่าเมื่อพูดถึงภาคตะวันออกหลายคนคงจะนึกถึง ทะเล อาหารซีฟู้ด สวนผลไม้ ซึ่งเราจะไปไหนบ้างขอเก็บไว้ก่อนยังไม่บอกแต่ที่จะบอกคือจังหวัดที่เราเดินทางไปก็คือ ชลบุรี และ จันทบุรี ซึ่งแต่ละจังหวัดก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อเป็นจุดขายแตกต่างกันไป นอกเหนือจากแหล่งท่องเที่ยวสิ่งที่จะขาดไปไม่ได้เลยก็คือ ร้านอาหาร และ คาเฟ่สุดเก๋ เที่ยวสนุกแล้วก็ต้องอิ่มท้องผ่อนคลาย ในช่วงเวลา 3 วัน 2 คืน ของการเดินทางครั้งนี้ ทางทีมงานและเหล่าสมาชิกนักรีวิวจะนำเสนอความสนุกให้แบบเต็มอิ่มกันไปเลยจ้า เพื่อนๆ เตรียมลอกแพลนกันได้เลยนะ ไม่ว่าจะไปเที่ยวกับเพื่อน ครอบครัว หรือแฟน แต่ถ้าไม่มีแฟน ก็ไปคนเดียวได้ ไม่ว่าจะไปกับใครก็สนุกแน่นอน ขอรับประกันเลย อิอิ
ชื่อสินค้า: เที่ยวไทย ภาคตะวันออก
คะแนน:
0.5
1.0
1.5
2.0
2.5
3.0
3.5
4.0
4.5
5.0
SR – Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
- – ได้รับสินค้าหรือบริการมาใช้รีวิวฟรี โดยไม่ต้องคืนสินค้าหรือบริการนั้น
- – ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
Pantip Review
11 เมษายน เวลา 15:13 น.
11 เมษายน เวลา 15:13 น.
แหล่งที่มา pantip.com
เหนือสิ่งอื่นใดของยุคนี้ทุกครั้งที่ออกเดินทางเราจะต้องเตรียมตัวให้พร้อม ตรวจ ATV เอ้ย! ATK ให้เรียบร้อยเพื่อความอุ่นใจ สวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือทำความสะอาด เพื่อป้องกันเชื่อโควิดกันด้วยนะจ๊ะ เอาล่ะ! ถ้าพร้อมแล้วก็เก็บของออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ภูมิภาคตะวันออกกันเถอะ ซึ่งเราออกจากกรุงเทพฯ ยิงยาวไปยังจังหวัดจันทบุรี โดยมีจุดหมายแรกอยู่ที่ ฟาร์มหอยป้าหลุยลุงทม แต่จุดที่เรามาจอดรถกันจะอยู่ที่บริเวณ สถานีตำรวจน้ำ ๔ กองกำกับการ ๕ กองบังคับการตำรวจน้ำ เนื่องจากอยู่ใกล้กับท่าเรือแฉลบ เมื่อมาถึงแล้วคุณลุงทมที่เป็นเจ้าของก็ได้มารอรับ แล้วพาพวกเราเดินลงเรือเพื่อไปชมฟาร์มหอยนางรมกัน
ขึ้นเรือแล้วอย่าลืมสวมเสื้อชูชีพเพื่อความปลอดภัยกันด้วยนะจ๊ะ
นั่งเรือตากแดดตากลมมาสักพักก็มาถึงกระชังหอยนางรม กันสักที
ฟาร์มหอยของลุงทมเป็นฟาร์มที่เลี้ยงแบบระบบเปิด โดยปักหลักผูกอีแปะ (ที่ให้หอยมาเกาะ) เอาไว้กับไม้ แล้วปล่อยให้อยู่ตามธรรมชาติ ในการเลี้ยงหอยนางรมก็ต้องคอยดูแลเป็นพิเศษเพราะจะมีพวกตัวเพรียงหัวหอมมาคอยเกาะติดที่เปลือกหอยนางรม ซึ่งลุงทมบอกว่าพวกเพรียงหัวหอมนี้จะตายไปเองเมื่อโดนน้ำฝนเพราะไม่ถูกกับพวกน้ำจืดนั่นเอง
กระชังของทางลุงทมที่เลี้ยงหอยนางรมเอาไว้ คือแบบหอยตัวใหญ่มาก แต่ช่วงเวลานั้นแดดก็ร้อนมากเช่นกัน พวกเราเลยรีบดูรีบถ่ายกันอย่างเร็วไว แล้วโยกย้ายกันต่อไปยัง ร้านอาหารป้าหลุยลุงทม เพื่อรับประทานอาหารกลางวัน นี่แหละคือจุดหมายหลักที่เรารอคอย อุ๊ย! อย่าคิดเสียงดังไป เดี๋ยวลุงได้ยิน ฮ่าๆ
ร้านบรรยากาศดีมากเป็นแพอยู่กลางน้ำเลย และอาหารมื้อนี้ของเราจัดเต็มมาก เปิดประเดิมมื้อแรกของทริปด้วยความดีงาม ปูทะเลตัวใหญ่ เนื้อหวาน ที่แกะมาพร้อม หอยนางรมสดๆ ตัวเท่าฝ่ามือ กินกับน้ำจิ้มแซ่บๆ อย่างเด็ด พร้อมอาหารขึ้นชื่อของจังหวัดจันทบุรีอย่าง เส้นจันท์ผัดกุ้ง
นั่งกินอาหารท่ามกลางบรรยากาศดีๆ แบบนี้ อย่างฟินอะบอกเลย นั่งแงะปูไป กินหอยไปจนอิ่มพุงกาง หลังจากนั้นเราก็มาทำ อีแปะ เป็นสิ่งที่เอาไว้ผูกกับกระชังเลี้ยงหอยเพื่อให้หอยมาเกาะ ในการทำก็จะนำเอากระดาษลังมาวาง แล้วนำเชือกมาวางบนกระดาษ แล้วนำ ปูน ทราย น้ำ ที่ผสมจนเข้ากันแล้วมาหยอดลงไปโดยเว้นช่องว่างให้เท่ากัน ก็นะ เป็นกิจกรรมหลังอาหารระหว่างรอกลับขึ้นฝั่งถือว่าได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ก็สนุกดี
สามารถติดต่อได้ที่ Facebook fanpage : ป้าหลุยลุงทม จันทบุรี หรือโทร 089 803 0020
ถ้าเกิดใครจะมารบกวนติดต่อจองมาล่วงหน้าก่อนนะจ๊ะ
แต่แดดแรงมาก มันช่างจ้าเสียเหลือเกิน แสงอาทิตย์มันแยงเข้าไปในตา ขืนส่องไปนานนานตาจะบอด แฮร่!
อากาศร้อนๆ ยามบ่ายแบบนี้เราเลยขอพาเพื่อนๆ แวะไปนั่งชิลล์จิบเครื่องดื่มเย็นๆ กับคาเฟ่เก๋ๆ ถ่ายรูปเฟี้ยวๆ ที่ร้าน ซีห์ หรดี >>> แผนที่ Sea Horadee : ซีห์ หรดี ร้านบรรยากาศดีติดริมทะเล แต่เราคงไม่ออกไปเดินเล่นตอนนี้แน่นอนเพราะร้อน ขอนั่งตากแอร์เย็นๆ ดีกว่า ซึ่งที่ร้านนี้มีการตกแต่งที่สวยงามใครที่ชอบถ่ายรูปห้ามพลาดเลยจ้า
เดี๋ยวเราขอนั่งพักกินของหวานกันสักครู่ แล้วจะพาไปตะลุยกันต่อจ้า
นั่งตากแอร์เย็นฉ่ำจนเหงื่อแห้ง สถานที่ต่อไปที่จะโยกย้ายไปก็คือ ลานหินสีชมพู >>> แผนที่ ลานหินสีชมพู เปิดให้บริการ 08.30 – 16.30 น. ตั้งอยู่ใน เขตห้ามล่าสัตว์ป่าคุ้งกระเบน หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามของจังหวัดจันทบุรี สำหรับค่าบริการ ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท และมีค่าบริการในส่วนของรถยนต์อยู่ที่ 60 บาท จักรยานยนต์ 20 บาท จักรยาน 10 บาท
สำหรับการเดินไปชมลานหินสีชมพูนั้น จะเป็นเส้นทางเดินชมศึกษาธรรมชาติ ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร เวลาที่เหมาะแก่การเดินเที่ยว ก็คือ ช่วงน้ำลงในตอนกลางวัน เพราะจะเห็นลานหินได้แบบชัดเจน
จริงๆ แล้วสามารถเดินลัดเลาะริมทะเลไปได้เลย แต่เราเลือกที่จะเดินขึ้นเขามานิดหน่อยเพื่อมายังจุดชมวิว ทางเดินไม่ค่อยลำบากแต่ก็พอเรียกเหนื่อยอยู่จ้า เมื่อขึ้นมาถึงแล้วก็จะพบกับจุดชมวิวทะเลแบบพาโนรามา
เหล่าสมาชิกได้พักหายใจและถ่ายรูปเล่นกันอย่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย ดีดี ฟิตๆ แบบนี้สิดี จะได้เที่ยวสนุกๆ
ทางลงมีความลาดชันควรเดินด้วยความระมันระวัง ไม่อย่างนั้นอาจกลิ้งลงทะเลได้
เมื่อลงมาถึงริมชายหาดก็จะพบกับ หินสีชมพูอมน้ำตาลแดง ที่ดูแล้วสวยงามแปลกตา จัดว่าเป็นไฮไลต์ บอกเลยว่าใครผ่านมาแถวนี้ต่างต้องมาเก็บภาพอันสวยงามของธรรมชาติเหล่านี้เก็บไว้ทั้งสิ้น จะถ่ายวิวก็สวย ถ่ายคนก็เก๋ ลานหินกว้างทอดยาวบริเวณริมทะเลนี้เราสามารถมองเห็นเกาะที่อยู่ฝั่งตรงข้ามได้แบบใกล้ๆ
เลยมีลักษณะเป็น สีแดงอมชมพู หรือใครจะมองเป็น สีชมพูอมม่วง อันนี้ก็แล้วแต่
เส้นทางก็จะทุลักทุเลหน่อย เรียกว่าผจญภัยกันเลยทีเดียวเชียว
พอเดินมาถึงจุดจอดรถเราก็รีบออกเดินทางไปรอเก็บภาพบรรยากาศยามเย็นกันที่ จุดชมวิวเนินนางพญา >>> แผนที่ จุดชมวิวเนินนางพญา จุดชมวิวที่ขึ้นชื่อและติดอันดับจุดชมวิวสุดสวยแห่งภาคตะวันออก ด้วยความโค้งของถนนที่ตัดกับทะเลและภูเขาเมื่อมองลงมาจากจุดชมวิวที่อยู่บนเนินจะเห็นเป็นภาพมุมกว้างสวยงาม
แต่แสงแห่งความสวยงามของท้องฟ้ายามเย็นยังคงอยู่ให้เราได้จดจำ
มันช่างเป็นช่วงเวลาที่แสนวิเศษเหลือเกิน ถ่ายภาพกันอย่างเพลิน
สีของท้องฟ้าที่มีทั้งโทนร้อนและโทนเย็น มองดูแล้วแตกต่างแต่ลงตัว
ภาพฟิล์มจะสวยตอนที่มันเบลอ และท้องฟ้ามันจะสวยเมื่อตอนที่มีเธอ
โรงแรม มัลดีฟส์ บีช รีสอร์ท >>> แผนที่ โรงแรม มัลดีฟส์ บีช รีสอร์ท
เราจึงต้องออกไปหาอะไรกินให้ร่างกายไม่งอแง
สำหรับร้านอาหารเย็นของเราในวันนี้มีชื่อว่า เรือนริมน้ำซีฟู้ด >>> แผนที่ร้าน เรือนริมน้ำซีฟู้ด ด้วยความหิวโหย เราเลยจัดหนักจัดเต็มกันแบบสุดๆ มื้อนี้ อ้วนไม่กลัว กลัวไม่อิ่ม ปลาเนื้อแน่น หมึกเด้งหนึบ กุ้งเนื้อหวาน ไม่ขอบรรยายอะไรมาก ไปชมเมนูอาหารยั่วๆ กันดีกว่า
ปูผัดมะนาว หน้าตาคล้ายกับปูผัดผงกะหรี่ รสสัมผัสเวลากินคล้ายกันแต่มีรสเปรี้ยวต่างจากผัดผงกะหรี่
เดี๋ยวในวันรุ่งขึ้นจะพาไปเที่ยวกันต่อ ส่วนตอนนี้ขอกินต่อ ไม่รอแล้วจ้าา
11 เมษายน เวลา 15:13 น.
เมื่อเก็บของเรียบร้อยเราก็ลงมากินข้าวเช้าเติมพลังกันก่อน จากนั้นจึง check out เพื่อออกเดินทางไปยัง วัดเกาะเปริด >>> แผนที่ วัดเกาะเปริด เพื่อ…จอดรถ แล้วเดินไปคาเฟ่ริมทะเลที่ชื่อว่า Sky view cafe >>> แผนที่ร้าน Sky view cafe จากวัดเราต้องดินเท้าเข้าไปประมาณ 200 เมตร ทางเดินง่ายๆ ตลอดทางมีร่มไม้คอยบังแดด มีเนินก่อนถึงแต่ไม่ชันมาก พอขึ้นมาถึงรู้สึกเลยว่าร้อนมาก รีบเข้าข้างในดีกว่า
และยังมีพวกเครื่องดื่มรสเปรี้ยวที่กินแล้วสดชื่นให้เลือกอีกมากมาย
หรือจะเมนูขนมก็น่ากินไม่หยอก
ที่สามารถมองจากมุมสูงของร้านได้แบบพาโนรามา
แหล่งขนมท้องถิ่นของชาวจันทบุรี สามารถจอดรถได้ที่ >>> สนามกีฬาโถรัตถ์
ชุมชนขนมแปลก ถือเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวสุดเก๋ของจังหวัดจันทบุรี เพราะมีลักษณะที่เป็นชุมชนเก่าแก่คงเอกลักษณ์ของตัวชุมชนมาเป็นเวลากว่า 100 ปี เมื่อเดินทางมาเที่ยวที่นี่เราจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตชุมชน บ้านเรือนไม้อาคารเก่าแก่ และแน่นอนว่าเสน่ห์ของชุมชนนี้คือ ขนมอร่อยๆ โดยเฉพาะขนมแปลกๆ ที่เราแทบจะหากินไม่ได้แล้วในยุคนี้
เป็นแป้งเหนียวๆ ที่คลุกกับน้ำตาลผสมงาและมะพร้าว เวลาที่กินเข้าไปจะให้รสสัมผัสที่หนึบหนับหวานมัน
ใครที่ชอบช้อปปิ้งซื้อของกินของฝากมาแล้วถูกใจอย่างแน่นอน นอกจากขนมหวานแล้วก็ยังมี ของคาว เครื่องดื่ม และอาหารแห้ง ที่ขายอยู่เยอะแยะมากมาย หรือถ้าอยากจะหาร้านนั่งพักภายในชุมชนก็มีคาเฟ่เล็กๆ น่ารักๆ ที่ชื่อว่า Febb Coffee x Croissant ตกแต่งสไตล์วินเทจ ถ่ายรูปกันแบบเก๋ๆ
จากชุมชนขนมแปลก เดินออกจากชุมชนมาเรื่อยๆ ไม่ไกลมากเราก็จะพบกับร้านอาหารเล็กๆ ที่คนแน่นมาก ซึ่งเราจะแวะกินข้าวกลางวันที่ร้านนี้ ซึ่งมีชื่อร้านว่า ครัวบัวขาว >>> แผนที่ร้าน ครัวบัวขาว อาหารถิ่นหนองบัว จันทบุรี ที่ร้านนี้ขึ้นชื่อเรื่องเมนูอาหารท้องถิ่น เช่น หมูชะมวง ปลาหมึกกะตอยต้มน้ำอ้อย ผัดหน่อกะลา บรรยากาศของร้านก็จะเป็นแบบบ้านๆ ร้านเล็กๆ มีที่นั่งไม่ค่อยเยอะ เพราะจุดขายอยู่ที่รสชาติอาหาร
เชื่อว่าหลายคนที่มาเที่ยวภาคตะวันออกบ่อยๆ จะรู้ดีว่า อาหารของภาคตะวันออกจะมีเอกลักษณ์ที่รสหวาน และมีผลไม้ผสมอยู่ในแต่ละเมนูด้วย แต่อาหารของที่ร้านนี้จะไม่ได้มีรสหวานโดดจนรู้สึกต้องการอินซูลินขนาดนั้น เพราะยังมีความ หวาน เค็ม เผ็ด ผสมลงตัวแบบกลมกล่อม
เดินช้อปปิ้งแล้ว กินข้าวจนอิ่มแล้ว อากาศตอนบ่ายร้อนๆ แบบนี้ไม่ไหวจะไปต่อจริงๆ เราขอตัวเดินทางเข้าสู่ตัวเมือง เพื่อเข้าไป check in ยังที่พัก ซึ่งเราเข้าพักที่ โรงแรมบลูแรพบิท >>> แผนที่ โรงแรมบลูแรพบิท ขอนอนตากแอร์เย็นๆ กันสักนิดก่อนนะ
ประมาณสี่โมงเย็นเราออกเดินทางจากโรงแรมไปทำกิจกรรมนั่งเรือชมธรรมชาติเส้นทางคลองหนองบัว โดยไฮไลต์ของที่นี่คือ นกเหยี่ยวแดงคอขาว ที่มีเยอะมาก เราจะได้พบเจอแบบใกล้ๆ ไม่ต้องใช้กล้องส่องทางไกลเลยจ้า สำหรับจุดที่เราจะมาขึ้นเรือก็อยู่บริเวณ >>> สนามกีฬาโถรัตถ์
ที่เราจอดรถกันในตอนกลางวันนั่นเอง
ในการมานั่งเรือชมธรรมชาติ 2 ฝั่งคลองหนองบัวครั้งนี้ เราจะต้องติดต่อจองเรือมาล่วงหน้าก่อนนะ และช่วงเวลาที่แนะนำในการล่องเรือก็จะอยู่ตั้งแต่ 16.30 – 18.00 น. เป็นช่วงแดดร่มลมตก อากาศไม่ร้อนแดดไม่แรง และเป็นช่วงที่ฝูงนกออกมาหาอาหารกินด้วย
ในระหว่างที่นั่งเรือชมสองฝั่งคลองที่มีธรรมชาติของป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์ คนขับเรือก็จะคอยหว่านอาหารออกไปเพื่อให้เหยี่ยวมากิน จากนั้นฝูงนกเหยี่ยวแดงคอขาวก็บินมาให้เราได้เชยชมกันแบบเยอะมากๆ นอกจากเหยี่ยวก็ยังมี นกกระยาง ที่คอยเดินหาปลากินตามริมตลิ่ง
ก็สามารถติดต่อได้ที่ คุณจักรกฤต โทร 091-728-8365
ค่าใช้จ่าย เรือลำละ 900 บาท (รวมค่าอาหารเหยี่ยว)
เพื่อไปรับประทานอาหารเย็นที่ร้าน ครัวลุงเชย >>> แผนที่ร้าน ครัวลุงเชย
มื้อนี้ก็เป็นอีกหนึ่งมื้อที่จัดหนักให้พุงกางอีกเช่นเคย เมนูอาหารของที่ร้านมีให้เลือกสั่งเยอะจนเลือกไม่ถูกเลยจ้า เลยให้ที่ร้านแนะนำมาแบบเน้นๆ ก็คือ จ๊อปูก้อนเบิ้มๆ กินแล้วเต็มปากเต็มคำ มาพร้อมแกงคั่วหอยขม หวาน เค็ม เผ็ด รสกลมกล่อม ไม่ขอพูดพร่ำทำเพลงให้มากความ
11 เมษายน เวลา 15:14 น.
สวนนงนุช เป็นสถานพักผ่อนหย่อนใจที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออก ภายในมีทั้งสวนไม้ดอก ไม้ประดับ สวนกระบองเพชร และสวนพฤกษชาติอื่นๆ นอกจากสวนต่างๆ ก็ยังมี ดินแดนไดโนเสาร์ที่บอกเลยว่าถูกใจเด็กๆ อย่างแน่นอนซึ่งตอนนี้จัดว่าเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของสวนนงนุชเลยก็ว่าได้ และยังมีพวกสัตว์น่ารักๆ อีกมายมายเราสามารถซื้ออาหารไปป้อนได้ หรือใครที่ชอบอะไรที่เกี่ยวกับรถยนต์ที่นี่ก็มี รถแปลกๆ หายาก ที่ทางเจ้าของได้นำมาจัดแสดงไว้ให้ชมกันอีกด้วยจ้า ขอย้ำก่อนว่าที่สวนนงนุชมีพื้นที่กว้างใหญ่มาก จะให้เดินเที่ยวชมภายในครึ่งวันไม่มีทางเก็บครบแน่นอน
ดังนั้นหนึ่งในตัวเลือกเพื่อความสะดวกสบายก็คือ การนั่งรถเที่ยวชมนั่นเอง แต่ถ้าใครฟิตๆ มีเวลาอยู่ได้เรื่อยๆ ไม่รีบ จะเดินก็ได้ เพราะเดินเราจะได้ชมจุดนั้นจุดนี้ได้ตามใจแถมสุขภาพดีอีกด้วย ก็นะมาทั้งทีก็ต้องเก็บให้คุ้มสิเนอะ แน่นอนว่าเราและเหล่ามิตรสหายนั้นเลือกที่จะ นั่งรถ ฮ่าๆ
ลักษณะของสวนต่างๆ ภายในสวนนงนุช จะแบ่งย่อยๆ เป็น สวนอิตาเลียน ที่การออกแบบจัดสวนแบบอิตาลี จะให้ความสำคัญกับการสร้างความสมดุลของทัศนียภาพสวนโดยรวมมีการแบ่งพื้นที่ออกเป็นส่วนๆ เช่น ส่วนที่เป็นสวนไม้พุ่ม ไม้ยืนต้น สวนประติมากรรมสัตว์ โดยจำลองเป็นรูปปั้นสัตว์ชนิดต่าง เช่น นกฮูก นกเพนกวิน แพนด้า สวนสัตว์ เพื่อนๆ จะได้เพลิดเพลินไปกับบรรดาสัตว์น่ารักแสนรู้ และเข้าชมได้อย่างใกล้ชิด ปลอดภัยหายห่วง
ที่สำคัญเลยคือสิ่งที่เรียกว่า สกายวอล์ค เป็นเส้นทางเดิน ที่สามารถมองจากมุมด้านบน (Bird Eye View) มีระยะทางยาวกว่า 3 กิโลเมตร เพื่อนๆ จะได้เพลิดเพลินกับอีกมุมมองของการชมสวน โดยสามารถมองเห็นบริเวณที่สวยงาม ตามจุดต่างๆ ได้ทั่วบริเวณสวน เช่น สวนฝรั่งเศส สโตนเฮนจ์ เนินลายผีเสื้อ สวนยุโรป สวนปาล์ม และสวนตุ๊กตากระถาง ที่สวยงาม แปลกแตกต่างไปจากการเดินชมสวนตามปกติที่เดินบนพื้นด้านล่าง
ใครที่ชอบตะบองเพชรต้องห้ามพลาด สวนตะบองเพชร ที่มีตะบองเพชรและไม้อวบน้ำพันธุ์ต่างๆ หลากหลายสายพันธุ์มากกว่า 300 ชนิด จากทั่วทุกมุมโลก มีทั้งขนาดเล็กใหญ่ มีการจัดตกแต่งให้ถ่ายรูปออกมาสวยงาม แต่อย่าเข้าไปใกล้จนเกินไปเพราะถ้าล้มไปอาจเกิดอันตรายต่อตัวเองและต้นไม้ได้
หุบเขาไดโนเสาร์ ที่มีรูปปั้นไดโนเสาร์กว่า 230 ชนิด 814 ตัว บางสายพันธุ์ของไดโนเสาร์ ยังไม่มีช่างฝีมือท่านใดในโลกเคยปั้นมาก่อนอีกด้วย และยังมีไดโนเสาร์คอยาวที่สูงที่สุดขนาดเทียบเท่ากับตัวจริงตั้งอยู่อย่างโดดเด่น
มาปิดท้ายกันที่ สวนรถ ซึ่งจะอยู่บริเวณปากทางออกพอดี เป็นที่รวบรวมรถสปอร์ต และรถแปลกๆ ที่หาดูยาก รถบางคันเห็นแล้วนึกว่ารถที่อยู่ในหนังในการ์ตูนเลยจ้า ใครที่อยากพาลูกพาหลานมาเดินเที่ยวชมสวนนงนุชแห่งนี้รับประกันเลยว่าสนุกถูกใจทุกเพศทุกวัยอย่างแน่นอน แถมการเดินทางมาก็ง่ายมากมีที่จอดรถขนาดใหญ่ไว้รองรับนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ภายในยังมีทั้งที่พัก ห้องอาหาร และห้องจัดสัมนาอีกด้วยนะ สามารถดูข้อมูลต่างๆ ของสวนนงนุชได้ที่ >>> nongnoochpattaya
หลังจากที่เราเดินทางออกมาจากสวนนงนุช เราก็มากินข้าวกลางวันที่ ร้านป้า บ้านอำเภอ >>> แผนที่ ร้านป้า บ้านอำเภอ เป็นร้านเล็กติดถนนใหญ่ ตั้งอยู่หน้าปากซอยนาจอมเทียน 19 หาที่จอดรถยากสักนิดนึง
ซึ่งเมนูอาหารของที่ร้านก็คล้ายๆ กับร้านอาหารอื่นพวก ต้ม ผัด แกง ทอดทั้งหลาย แต่เราสะดุดตาอยู่เมนูหนึ่ง นั้นก็คือ ปลาดุกกรอบผัดเผ็ด แบบไร้ก้าง ทอดมากรอบกำลังดี หวานหน่อยๆ กินกับข้าวแล้วเข้ากันสุดๆ ใครจะคิดล่ะว่าปลาดุกที่ก้างเยอะๆ พอมาทำเป็นเมนูนี้แล้วจะกินง่ายรสชาติถูกปากสุดๆ เด็กก็สามารถกินได้สบายๆ ไม่ต้องกลัวก้างติดคอ เมนูนี้บอกเลยว่าดีจริง สำหรับราคาก็ถือว่าคุ้มค่ากับรสชาติและปริมาณ เดี๋ยวขอไปเติมสารอาหารให้กับร่างกายก่อนนะจ๊ะ
อิ่มท้องกันไปแล้วเราขอแวะมาผ่อนคลายความเหนื่อยล้ากันก่อนกลับบ้านที่ Kusatsu Onsen Chonburi >>> แผนที่ Kusatsu Onsen Chonburi ที่แห่งนี้มีบริการ นวดไทย นวดอโรมา และสิ่งที่ทำให้ผู้คนนิยมมาที่แห่งนี้กันก็คือ ออนเซ็น ซึ่งออนเซ็นที่นี่มีความพิเศษคือเป็น ออนเซ็นบ่อน้ำนมชาเขียว มีส่วนผสมของน้ำนมและคอลลาเจน ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นและดูอ่อนวัย บรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อได้ แต่พอดีว่าร่างกายของเรานั้นเกินกว่าคำว่าเมื่อยไปแล้วให้นอนแช่นั่งแช่ 1 ชั่วโมงก็คงไม่หาย ดังนั้นเราจึงเลือกใช้บริการนวดแผนไทยแทนนั่นเองจ้า ซึ่งสมาชิกนักรีวิวของเราแต่ละคนก็เลือกใช้บริการแตกต่างกันออกไป ค่อยไปตามอ่านรีวิวของพวกเขาดูนะจ๊ะว่าแต่ละคนทำอะไรแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง
เนื่องจากว่าการเข้าไปถ่ายภาพเก็บบรรยากาศตอนนวดคงจะไม่เหมาะเท่าไหร่เพราะมีแขกท่านอื่นๆ อยู่ด้วย เราเลยไม่ได้เก็บภาพภายในมาให้ชมกันนะจ๊ะ และสำหรับการเดินทางในครั้งนี้ เราก็คงจะต้องขอตัวลากันไปก่อน ถึงแม้ว่าการมาเที่ยวครั้งนี้เราจะหนีจากความเหนื่อยล้ามาเจอความร้อนของอากาศจนร่างกายอ่อนล้า แต่ก็รู้สึกสนุก และสมองได้พักผ่อนจากความวุ่นวาย
สุดท้ายขอขอบคุณผู้ใหญ่ใจดี “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” ที่ให้เราได้เป็นส่วนหนึ่งในการเดินทางในครั้งนี้
v
v
v
[SR] จันทบุรี ชลบุรี : เที่ยวได้ทั้งปี…ที่เที่ยวดีของกินดีแนะนำให้ลองมา [ครบรส 3 วัน 2 คืน]
ล็อกอิน : chiwawacl
11 เมษายน เวลา 15:14 น.
11 เมษายน เวลา 20:14 น.
รูปชัดแจ๋วเลยค่ะ
สีสันสดใสไปหมดเลย
ขอบคุณที่มาชวนเที่ยวนะคะ ^^
ทางนี้กระทู้เสร็จเรียบร้อยแล้วเหมือนกันค่า
12 เมษายน เวลา 01:51 น.
12 เมษายน เวลา 16:34 น.
16 เมษายน เวลา 21:44 น.