[CR] รีวิว “Himitsu” ร้านอาหารญี่ปุ่นเสิร์ฟดงบุริและซาชิมิปลาไทยสดใหม่ในราคาสมเหตุผล ใกล้ BTS โพธิ์นิมิตร
ฝั่งตรงข้ามคอนโดที่เราอยู่มีร้านอาหารญี่ปุ่นเพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่นานแต่ประสบการณ์สุดโชกโชนเพราะเคยทำเป็น Cloud Kitchen โดยเน้นบริการเดลิเวอรี่ส่งตรงถึงบ้าน สั่งผ่านทางแอปพลิเคชั่นบนมือถือมาอย่างยาวนานมีชื่อว่า “Himitsu” อ่านว่า ฮิมิทสุ เมนูที่ทางร้านเน้นเป็นหลักมาตลอดเลยก็คือ “ดงบุริ” หรือข้าวหน้าสไตล์ญี่ปุ่นแบบเสิร์ฟชามเดียวแต่ให้ปริมาณคุ้มจนอิ่มจุกได้ภายในมื้อเดียวไปจนถึง “ซูชิ” หน้าต่างๆและ “ซาชิมิ” ปลาแล่สดใหม่คุณภาพสุดพรีเมี่ยมในราคาไม่แพงมากนัก (เริ่มต้นเพียงชามละ 140 บาท) วันนี้เห็นวีดีโอโฆษณาบนเพจว่ามีปลาไทยจับใหม่ส่งตรงจากชาวประมงเอามาขายในราคาพิเศษแต่ต้องโทรจองก่อนพร้อมเดินทางมาทานหน้าร้านเท่านั้น ซึ่งเชฟจะนำมาปรุงเป็นอาหารญี่ปุ่นสุดหรูเสิร์ฟในสไตล์ “โอมากาเสะ” ประมาณ 2-3 อย่าง (ขึ้นอยู่กับชนิดและขนาดของปลาที่จับได้ในแต่ละครั้ง) และมีการสลับเปลี่ยนไปเรื่อยๆเพื่อรักษาความสดใหม่อยู่เสมอในทุกๆ 2 วัน ส่วนวิธีการเดินทางถ้ามาด้วยรถยนต์ส่วนตัวให้ปักหมุดมาตามแผนที่บนมือถือ แล้วขับเลยปากทางเข้า “โรงเรียนกงลี้จงซัน” มาอีกเล็กน้อยจะมีลานจอดขนาดใหญ่ให้บริการราคาชั่วโมงละ 20 บาทตั้งแต่ 5-12 ชั่วโมงเป็นต้นไปคิดราคาชั่วโมงละ 100 บาท หรือหลัง 20.00 น. สามารถจอดเป็นแนวยาวตรงริมถนนได้ฟรีๆตลอดทั้งคืน วิธีการเดินทางด้วยบริการขนส่งสาธารณะลง BTS สถานีโพธิ์นิมิตรหรือตลาดพลูก็ได้ตามสะดวกเพราะจุดหมายอยู่ระหว่างกึ่งกลางพอดีใช้ระยะในการไปถึงอีกประมาณ 500 เมตร ก็จะพบกับตัวร้านขนาดเพียง 1 ช่วงตึกเล็กๆแต่ตกแต่งด้วยสไตล์ภัตตาคารญี่ปุ่นโบราณอย่างจัดเต็มที่โดดเด่นด้วยป้ายทำจากไม้โทนสีเข้มและโคมไฟสีขาวเป็นแนวยาวแบบนี้แสดงว่ามาถึงแล้วครับ
เนื่องจากเป็นร้านที่อยู่ใกล้คอนโดมากจึงมาถึงเร็วก่อนนัดและมีเวลาคงเหลือสำหรับการสำรวจบริเวณรอบๆกันก่อน เริ่มต้นจากด้านหน้าเป็นบานกระจกใสขนาดใหญ่มีตู้ปลาพร้อมเครื่องไหลเวียนน้ำสะอาดอย่างเป็นระบบ ซึ่งเราได้สอบถามกับหัวหน้าเชฟได้ความมาว่าตอนแรกกะจะลงปลาหมึกสดเสิร์ฟแบบซาชิมิแต่เดี๋ยวนี้ร้านอื่นก็ทำกันเยอะมากจึงจะยกออกไปในอนาคตแล้วเน้นปลาทะเลไทยเป็นหลักแทน พร้อมป้ายเมนูแนะนำที่ทางร้านเน้นเป็นหลักอย่างที่เราบอกไปคือ “ดงบุริ” ทำจากวัตถุดิบสดใหม่ระดับพรีเมี่ยมทั้งแซลมอน/กุ้งหวาน/ปลาไหลย่างซอสญี่ปุ่น/ตับห่านฝรั่งเศส/มากุโร่/หอยเชลล์ฮอกไกโด/หอยโฮตาเตะ/ไข่ปลาแซลมอน และถ้าไม่ทานของดิบก็มีข้าวหน้าไก่กับไข่ให้สั่งราคาเริ่มต้นเพียง 140-450 บาท โดยปริมาณรวมทั้งข้าวและท็อปปิ้งเกือบ 500 กรัมพูนชามอิ่มสะใจ ส่วนรสชาติจะอร่อยสีสันสวยงามตรงปกเหมือนกับโฆษณาหน้าร้านหรือไม่ตอนนี้เชฟพร้อมแล้วเข้าไปด้านในร้านกันเลยครับผม
บรรยากาศข้างในตกแต่งสไตล์ Loft พื้นปูนเปลือยผสมความเป็นญี่ปุ่นตามวิถีเซนที่เน้นความมินิมอลใกล้เคียงกับธรรมชาติ เริ่มต้นจากการเปิดรับแสงสว่างทางกระจกบานใหญ่ติดริมถนนส่วนเฟอร์นิเจอร์ก็เน้นลายไม้สีอ่อนเพิ่มความอบอุ่นด้วยโคมไฟโทนเหลือง/ส้ม ใส่กลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นด้วยรูปภาพถ่ายจาก 5 แยกชิบูย่าและเมนูต่างๆที่ขายภายในร้านรวมไปถึงของประดับตกแต่งกับต้นไม้ในกระถางเล็กๆ โดยทางเดินเข้าไปครัวหลังร้านกั้นด้วยผ้าม่านสีน้ำเงินเข้มลายญี่ปุ่นพร้อมฉากไม้แกะสลักคล้ายร่มดูโดดเด่นสวยงามกว่าจุดอื่น รวมแล้วข้างในเปิดให้บริการเพียง 5 โต๊ะรองรับลูกค้าได้ประมาณ 16-20 คนแต่ก็ไม่รู้สึกอึดอัดเนื่องจากทางร้านตกแต่งด้วยโทนสว่าง/เพดานสูงชวนนั่งสบายๆ ซึ่งวัตถุดิบวันนี้ที่เราได้จองเอาไว้ก็คือ “ปลาวัว” หรือ Triggerfish ซึ่งปกติเป็นสัตว์สวยงามมีนิสัยดุร้ายอาศัยตามปะการังอยู่ในวงศ์เดียวกับปลาปักเป้าแต่ไม่มีพิษและคนไทยไม่ค่อยนิยมนำขึ้นโต๊ะแต่ฝั่งยุโรปเค้ากินกันมาอย่างยาวนานปรุงออกมาให้เราชิมกัน 3 จาน ส่วนรายการอื่นจะมีอะไรบ้างมาเปิดดูเล่มเมนูอาหารของที่ร้านกันครับ
เปิดมาหน้าแรกเป็นรูปถ่ายพร้อมชื่อและราคาอาหารขนาดใหญ่เห็นเด่นชัดเต็มตา มาเริ่มกันเลยที่ “ข้าวหน้าปลาไหล” ราคา 230 บาท / “ข้าวหน้าปลาไหลย่างกับตับห่าน” ราคา 290 บาท / “ข้าวหน้าไก่และไข่” ราคา 160 บาท / “ข้าวหน้าปลาแซลมอนย่างท็อปตับห่าน” ราคา 310 บาท / “ข้าวหน้าปลาแซลมอนดิบ” ราคา 240 บาท / “ข้าวหน้าปลาแซลมอนย่างถ่าน” ราคา 240 บาท / “ข้าวหน้ากุ้งหวานและหอยเชลล์ฮอกไกโด” ราคา 400 บาท / “ข้าวหน้ากุ้งหวานกับไข่ดองน้ำปลา” ราคา 250 บาท / “ข้าวหน้าหอยเชลล์ฮอกไกโดล้วน” ราคา 450 บาท / “ข้าวหน้ากุ้งหวานกับหอยเชลล์ฮอกไกโดและอูนิ” ราคา 540 บาท โดยรวมราคาจะขยับขึ้นไปเรื่อยๆตามระดับความพรีเมี่ยมของวัตถุดิบที่เราเลือกและเกือบทุกชามมีไข่แดงดิบกับไข่ปลาแซลมอนผสมอยู่ด้วย ซึ่งถ้าใครไม่ทานอะไรก็ขอให้แจ้งเชฟก่อนสั่ง เพราะจะได้ปรับเพิ่มวัตถุดิบอื่นเข้าไปแทนตามความเหมาะสมจนได้ดงบุริที่คุ้มค่าถูกใจอย่างแน่นอนครับ
หน้าต่อไปเป็น “ข้าวหน้าหอยเชลล์ฮอกไกโดและไข่ดองน้ำปลา” ราคา 450 บาท / “ข้าวหน้าโฮตาเตะทาทากิ” ราคา 240 บาท / “ข้าวหน้ากุ้งหวานกับไข่ปลาแซลมอน” ราคา 370 บาท / “ข้าวหน้าปลาดิบรวมมิตรหลายอย่าง” ราคา 255 บาท หมวดต่อมาเป็นซูชิโรลชิ้นใหญ่ไส้เยอะปริมาณเต็มอิ่มไม่แพ้กับดงบุริอีกหลายเมนูคือ “โรลแซลมอนย่างและตับห่าน” ราคา 280 บาท / “โรลซูชิหน้ากุ้งหวาน” ราคา 260 บาท / “แคลิฟอร์เนียร์โรล” ราคา 170 บาท / “โรลซูชิกุ้งหวานกับไข่หอยเม่น” ราคา 340 บาท / “โรลซูชิหน้าหอยเชลล์โฮตาเตะล้วนๆ” ราคา 330 บาท / โรลซูชิหน้าหอยเชลล์โฮตาเตะกับไข่หอยเม่น” ราคา 400 บาท ถ้าไม่อยากสั่งเป็นซูชิโรลชิ้นใหญ่ก็มีเป็น”นิกิริ”หน้าต่างๆให้เลือกอีกมากมายทั้ง “ซูชิหน้าฟัวกราส์ตับห่าน” ราคาคำละ 100 บาท / “ซูชิหน้ากุ้งหวานทั้งตัว” ราคาคำละ 120 บาท / “ซูชิแซลมอนนอร์เวย์” ราคาคำละ 30 บาท / “ซูชิหน้าไข่ปลาแซลมอน” ราคาคำละ 70 บาท / “ซูชิหน้าอูนิ-ไข่หอยเม่น” ราคาคำละ 90 บาท / “ซูชิหน้าอูนางิกับปลาไหลญี่ปุ่นย่างซอส” ราคาคำละ 55 บาท โดยรวมนั้นถือว่าราคาสมเหตุผลและบางอย่างก็ถูกมากเมื่อเทียบกับภัตตาคารญี่ปุ่นซึ่งใช้วัตถุดิบระดับเดียวกันที่เราเคยไปชิมมาครับ
หน้าสุดท้ายเป็นเมนูยำสไตล์ไทยและซาชิมิปลาดิบต่างๆทั้ง “ยำปลาแซลมอนแซ่บ” ราคา 190 บาท / “ยำปูอัดแซ่บ” ราคา 90 บาท / “แซลมอนซาชิมิเซต” ราคา 280 บาท และสุดท้ายคือ “ซาชิมิปลาดิบรวม” ราคา 400 บาท นอกจากนี้ทางร้านยังมีโปรโมชั่นประจำเดือนซึ่งเปลี่ยนไปเรื่อยๆ โดยจะพิมพ์มาวางเอาไว้บนโต๊ะกับป้ายโฆษณาหน้าร้านถ้าต้องการรับข่าวสารก่อนใครก็ติดตามในเพจหรือสแกน Smart Menu จากที่ QR Code นี้ผ่านแอปพลิเคชั่น Line ในมือถือเพื่อดูเมนูและส่วนลดต่างๆได้อัปเดทใหม่ตลอดเวลา จัดการสั่งรายการอาหารที่อยากทานเพิ่มไปแล้วมาดูบนโต๊ะมีกาญี่ปุ่นขนาดเล็กสำหรับใส่โชยุ/ถ้วยชาสีดำทรงโบราณข้างในบรรจุไม้จิ้มฟันในซองพลาสติกอย่างดีไปจนถึงกระดาษทิชชู่ในกล่องไม้ที่เข้ากับสไตล์วิถีเซนของทางร้าน ส่วนเครื่องดื่มก็สั่งมาจิบไปพลางๆระหว่างนั่งรอเป็น “ชาข้าวคั่ว” หรือเก็นมัยฉะ เป็นใบชาเขียวผสมกับข้าวคั่วกลิ่นหอมไหม้นิดๆสไตล์ญี่ปุ่นช่วยเพิ่มความสดชื่นและล้างกลิ่นคาวปลาที่หลงเหลืออยู่ในปากได้เป็นอย่างดี สูตรของที่นี่ค่อนข้างพิเศษหน่อยเพราะหวานกำลังดีพอกลมกล่อมช่วยให้ดื่มง่ายยิ่งขึ้นซึ่งให้บริการเป็นแบบรีฟีลเติมได้ไม่อั้นราคาเพียงคนละ 35 บาทเท่านั้น (เฉพาะนั่งที่ทานหน้าร้านถึงอร่อยติดใจยังไงก็ไม่มีบริการบรรจุใส่ขวดกลับบ้านให้) สักพักอาหารที่เราสั่งไปทยอยถูกยกออกมาเสิร์ฟแล้วครับ
ประเดิมกันด้วยเมนูแรกสุดคือ “ข้าวหน้าปลาดิบรวม” หรือมีอีกชื่อว่าไคเซนด้ง เสิร์ฟแน่นเต็มชามจัดเต็มแบบนี้ราคา 255 บาท เป็นข้าวสวยญี่ปุ่นหุงจนสุกนุ่มกำลังดีปรุงรสแบบซูชิให้หวานอมเปรี้ยวกลมกล่อมแต่เรียงเป็นเมล็ดสวยงามไม่มีแฉะ ก่อนจะท็อปปิ้งด้วยปลาสดกับวัตถุดิบต่างๆหลากหลายสีสันแบบพูน-แน่นจนไม่สามารถเห็นเมล็ดข้าวสีขาวข้างล่างซึ่งประกอบไปด้วยเนื้อแซลมอน/มากุโร่ส่วนเนื้อแดง/กุ้งหวานญี่ปุ่นกับไข่หวานม้วน เพิ่มความกรุบกรอบด้วยแตงกวาญี่ปุ่นยำน้ำมันงารสเปรี้ยวเคี้ยวฉ่ำๆ ให้สัมผัสแตกระเบิดในปากด้วยไข่ปลาแซลมอน/ไข่ปลาบินสีส้มกับไข่ปลาบินสีดำ สุดท้ายแต่งหน้าให้สวยงามด้วยใบพาร์สลีย์สีเขียวสดเป็นช่อเล็กๆแปะแผ่นทองคำเปลวให้ดูหรูหราเพิ่มความหอมมันนวลเนียนอีกขั้นด้วยไข่ไก่แดงสดเจาะให้แตกเคลือบหน้ากับข้าวสวยก่อนทาน ส่วนวาซาบิก็อยู่ภายในชามเป็นรูปใบไม้แค่คีบแบ่งออกมาละลายในโชยุแล้วราดหน้าดงบุริให้ทั่วก็พร้อมกินได้ทันที โดยรวมแล้วถือว่าทางร้านคัดเลือกวัตถุดิบมาคุณภาพดีไม่แพ้ภัตตาคารชั้นนำอีกทั้งตกแต่งได้สวยงามและขายราคาถูกกว่าพอตัวครับ
ชามต่อมาก็เป็นดงบุริที่ให้ปริมาณแน่นพูนชามไม่แพ้กันก็คือ “ข้าวหน้าปลาไหลย่างตับห่าน” หรืออูนางิฟัวกราส์ด้งชิ้นใหญ่ชวนเคี้ยวเต็มคำขนาดนี้ราคา 290 บาท เป็นข้าวสวยญี่ปุ่นปรุงรสชาติเปรี้ยวอมหวานแบบซูชิเหมือนๆกับเมนูที่แล้วแต่เปลี่ยนท็อปปิ้งด้านบนเป็น “อูนางิ” หรือปลาไหลน้ำจืดญี่ปุ่นย่างถ่านชิ้นใหญ่พิเศษเคลือบซอสรสหวานเค็มกลมกล่อมเนื้อเด้งสู้ฟันเพิ่มความหอมมันละลายในปากด้วย “ฟัวกราส์” หรือตับห่านจากฝรั่งเศสที่ชิ้นกว้างแผ่นหนาลนไฟพอสุกหอมวางบนเนื้อปลาไหล ตกแต่งให้สวยงามยิ่งขึ้นด้วยไข่ปลาบินปรุงรสสีดำกับแผ่นทองคำเปลวอีกเล็กน้อยเพิ่มความหรูหราราวกับยกมาเสิร์ฟจากภัตตาคารชั้นนำ เพิ่มสัมผัสกรุบกรอบทานกับข้าวซูชิปรุงรสได้อร่อยยิ่งขึ้นด้วยเกล็ดแป้งเทมปุระทอด/ไข่ปลาแซลมอนและไข่ปลาบินปรุงรสสีส้มตัดกับซอสหวานสีดำบนพื้นสีขาวดูโดดเด่นสะดุดตาน่าทานยิ่งขึ้น เสริมความนัวอีกขั้นด้วยไข่แดงจากไก่เกรดทานสดหอมมันเคลือบท็อปปิ้งและข้าวช่วยให้ทานง่ายยิ่งขึ้น โดยทั้ง 2 ชามเสิร์ฟพร้อมซุปใสสาหร่ายวากาเมะเพิ่มดาชิและเห็ดเข็มทองโรยหน้าด้วยต้นหอมซอยที่ซดร้อนๆแล้วช่วยให้สดชื่นคล่องคอ-ลดความเลี่ยนจากไขมันปลาในดงบุริได้ดีสุดๆ ซุปหมดขอเพิ่มได้ไม่เสียเงินครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
เนื่องจากเป็นร้านที่อยู่ใกล้คอนโดมากจึงมาถึงเร็วก่อนนัดและมีเวลาคงเหลือสำหรับการสำรวจบริเวณรอบๆกันก่อน เริ่มต้นจากด้านหน้าเป็นบานกระจกใสขนาดใหญ่มีตู้ปลาพร้อมเครื่องไหลเวียนน้ำสะอาดอย่างเป็นระบบ ซึ่งเราได้สอบถามกับหัวหน้าเชฟได้ความมาว่าตอนแรกกะจะลงปลาหมึกสดเสิร์ฟแบบซาชิมิแต่เดี๋ยวนี้ร้านอื่นก็ทำกันเยอะมากจึงจะยกออกไปในอนาคตแล้วเน้นปลาทะเลไทยเป็นหลักแทน พร้อมป้ายเมนูแนะนำที่ทางร้านเน้นเป็นหลักอย่างที่เราบอกไปคือ “ดงบุริ” ทำจากวัตถุดิบสดใหม่ระดับพรีเมี่ยมทั้งแซลมอน/กุ้งหวาน/ปลาไหลย่างซอสญี่ปุ่น/ตับห่านฝรั่งเศส/มากุโร่/หอยเชลล์ฮอกไกโด/หอยโฮตาเตะ/ไข่ปลาแซลมอน และถ้าไม่ทานของดิบก็มีข้าวหน้าไก่กับไข่ให้สั่งราคาเริ่มต้นเพียง 140-450 บาท โดยปริมาณรวมทั้งข้าวและท็อปปิ้งเกือบ 500 กรัมพูนชามอิ่มสะใจ ส่วนรสชาติจะอร่อยสีสันสวยงามตรงปกเหมือนกับโฆษณาหน้าร้านหรือไม่ตอนนี้เชฟพร้อมแล้วเข้าไปด้านในร้านกันเลยครับผม
บรรยากาศข้างในตกแต่งสไตล์ Loft พื้นปูนเปลือยผสมความเป็นญี่ปุ่นตามวิถีเซนที่เน้นความมินิมอลใกล้เคียงกับธรรมชาติ เริ่มต้นจากการเปิดรับแสงสว่างทางกระจกบานใหญ่ติดริมถนนส่วนเฟอร์นิเจอร์ก็เน้นลายไม้สีอ่อนเพิ่มความอบอุ่นด้วยโคมไฟโทนเหลือง/ส้ม ใส่กลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นด้วยรูปภาพถ่ายจาก 5 แยกชิบูย่าและเมนูต่างๆที่ขายภายในร้านรวมไปถึงของประดับตกแต่งกับต้นไม้ในกระถางเล็กๆ โดยทางเดินเข้าไปครัวหลังร้านกั้นด้วยผ้าม่านสีน้ำเงินเข้มลายญี่ปุ่นพร้อมฉากไม้แกะสลักคล้ายร่มดูโดดเด่นสวยงามกว่าจุดอื่น รวมแล้วข้างในเปิดให้บริการเพียง 5 โต๊ะรองรับลูกค้าได้ประมาณ 16-20 คนแต่ก็ไม่รู้สึกอึดอัดเนื่องจากทางร้านตกแต่งด้วยโทนสว่าง/เพดานสูงชวนนั่งสบายๆ ซึ่งวัตถุดิบวันนี้ที่เราได้จองเอาไว้ก็คือ “ปลาวัว” หรือ Triggerfish ซึ่งปกติเป็นสัตว์สวยงามมีนิสัยดุร้ายอาศัยตามปะการังอยู่ในวงศ์เดียวกับปลาปักเป้าแต่ไม่มีพิษและคนไทยไม่ค่อยนิยมนำขึ้นโต๊ะแต่ฝั่งยุโรปเค้ากินกันมาอย่างยาวนานปรุงออกมาให้เราชิมกัน 3 จาน ส่วนรายการอื่นจะมีอะไรบ้างมาเปิดดูเล่มเมนูอาหารของที่ร้านกันครับ
เปิดมาหน้าแรกเป็นรูปถ่ายพร้อมชื่อและราคาอาหารขนาดใหญ่เห็นเด่นชัดเต็มตา มาเริ่มกันเลยที่ “ข้าวหน้าปลาไหล” ราคา 230 บาท / “ข้าวหน้าปลาไหลย่างกับตับห่าน” ราคา 290 บาท / “ข้าวหน้าไก่และไข่” ราคา 160 บาท / “ข้าวหน้าปลาแซลมอนย่างท็อปตับห่าน” ราคา 310 บาท / “ข้าวหน้าปลาแซลมอนดิบ” ราคา 240 บาท / “ข้าวหน้าปลาแซลมอนย่างถ่าน” ราคา 240 บาท / “ข้าวหน้ากุ้งหวานและหอยเชลล์ฮอกไกโด” ราคา 400 บาท / “ข้าวหน้ากุ้งหวานกับไข่ดองน้ำปลา” ราคา 250 บาท / “ข้าวหน้าหอยเชลล์ฮอกไกโดล้วน” ราคา 450 บาท / “ข้าวหน้ากุ้งหวานกับหอยเชลล์ฮอกไกโดและอูนิ” ราคา 540 บาท โดยรวมราคาจะขยับขึ้นไปเรื่อยๆตามระดับความพรีเมี่ยมของวัตถุดิบที่เราเลือกและเกือบทุกชามมีไข่แดงดิบกับไข่ปลาแซลมอนผสมอยู่ด้วย ซึ่งถ้าใครไม่ทานอะไรก็ขอให้แจ้งเชฟก่อนสั่ง เพราะจะได้ปรับเพิ่มวัตถุดิบอื่นเข้าไปแทนตามความเหมาะสมจนได้ดงบุริที่คุ้มค่าถูกใจอย่างแน่นอนครับ
หน้าต่อไปเป็น “ข้าวหน้าหอยเชลล์ฮอกไกโดและไข่ดองน้ำปลา” ราคา 450 บาท / “ข้าวหน้าโฮตาเตะทาทากิ” ราคา 240 บาท / “ข้าวหน้ากุ้งหวานกับไข่ปลาแซลมอน” ราคา 370 บาท / “ข้าวหน้าปลาดิบรวมมิตรหลายอย่าง” ราคา 255 บาท หมวดต่อมาเป็นซูชิโรลชิ้นใหญ่ไส้เยอะปริมาณเต็มอิ่มไม่แพ้กับดงบุริอีกหลายเมนูคือ “โรลแซลมอนย่างและตับห่าน” ราคา 280 บาท / “โรลซูชิหน้ากุ้งหวาน” ราคา 260 บาท / “แคลิฟอร์เนียร์โรล” ราคา 170 บาท / “โรลซูชิกุ้งหวานกับไข่หอยเม่น” ราคา 340 บาท / “โรลซูชิหน้าหอยเชลล์โฮตาเตะล้วนๆ” ราคา 330 บาท / โรลซูชิหน้าหอยเชลล์โฮตาเตะกับไข่หอยเม่น” ราคา 400 บาท ถ้าไม่อยากสั่งเป็นซูชิโรลชิ้นใหญ่ก็มีเป็น”นิกิริ”หน้าต่างๆให้เลือกอีกมากมายทั้ง “ซูชิหน้าฟัวกราส์ตับห่าน” ราคาคำละ 100 บาท / “ซูชิหน้ากุ้งหวานทั้งตัว” ราคาคำละ 120 บาท / “ซูชิแซลมอนนอร์เวย์” ราคาคำละ 30 บาท / “ซูชิหน้าไข่ปลาแซลมอน” ราคาคำละ 70 บาท / “ซูชิหน้าอูนิ-ไข่หอยเม่น” ราคาคำละ 90 บาท / “ซูชิหน้าอูนางิกับปลาไหลญี่ปุ่นย่างซอส” ราคาคำละ 55 บาท โดยรวมนั้นถือว่าราคาสมเหตุผลและบางอย่างก็ถูกมากเมื่อเทียบกับภัตตาคารญี่ปุ่นซึ่งใช้วัตถุดิบระดับเดียวกันที่เราเคยไปชิมมาครับ
หน้าสุดท้ายเป็นเมนูยำสไตล์ไทยและซาชิมิปลาดิบต่างๆทั้ง “ยำปลาแซลมอนแซ่บ” ราคา 190 บาท / “ยำปูอัดแซ่บ” ราคา 90 บาท / “แซลมอนซาชิมิเซต” ราคา 280 บาท และสุดท้ายคือ “ซาชิมิปลาดิบรวม” ราคา 400 บาท นอกจากนี้ทางร้านยังมีโปรโมชั่นประจำเดือนซึ่งเปลี่ยนไปเรื่อยๆ โดยจะพิมพ์มาวางเอาไว้บนโต๊ะกับป้ายโฆษณาหน้าร้านถ้าต้องการรับข่าวสารก่อนใครก็ติดตามในเพจหรือสแกน Smart Menu จากที่ QR Code นี้ผ่านแอปพลิเคชั่น Line ในมือถือเพื่อดูเมนูและส่วนลดต่างๆได้อัปเดทใหม่ตลอดเวลา จัดการสั่งรายการอาหารที่อยากทานเพิ่มไปแล้วมาดูบนโต๊ะมีกาญี่ปุ่นขนาดเล็กสำหรับใส่โชยุ/ถ้วยชาสีดำทรงโบราณข้างในบรรจุไม้จิ้มฟันในซองพลาสติกอย่างดีไปจนถึงกระดาษทิชชู่ในกล่องไม้ที่เข้ากับสไตล์วิถีเซนของทางร้าน ส่วนเครื่องดื่มก็สั่งมาจิบไปพลางๆระหว่างนั่งรอเป็น “ชาข้าวคั่ว” หรือเก็นมัยฉะ เป็นใบชาเขียวผสมกับข้าวคั่วกลิ่นหอมไหม้นิดๆสไตล์ญี่ปุ่นช่วยเพิ่มความสดชื่นและล้างกลิ่นคาวปลาที่หลงเหลืออยู่ในปากได้เป็นอย่างดี สูตรของที่นี่ค่อนข้างพิเศษหน่อยเพราะหวานกำลังดีพอกลมกล่อมช่วยให้ดื่มง่ายยิ่งขึ้นซึ่งให้บริการเป็นแบบรีฟีลเติมได้ไม่อั้นราคาเพียงคนละ 35 บาทเท่านั้น (เฉพาะนั่งที่ทานหน้าร้านถึงอร่อยติดใจยังไงก็ไม่มีบริการบรรจุใส่ขวดกลับบ้านให้) สักพักอาหารที่เราสั่งไปทยอยถูกยกออกมาเสิร์ฟแล้วครับ
ประเดิมกันด้วยเมนูแรกสุดคือ “ข้าวหน้าปลาดิบรวม” หรือมีอีกชื่อว่าไคเซนด้ง เสิร์ฟแน่นเต็มชามจัดเต็มแบบนี้ราคา 255 บาท เป็นข้าวสวยญี่ปุ่นหุงจนสุกนุ่มกำลังดีปรุงรสแบบซูชิให้หวานอมเปรี้ยวกลมกล่อมแต่เรียงเป็นเมล็ดสวยงามไม่มีแฉะ ก่อนจะท็อปปิ้งด้วยปลาสดกับวัตถุดิบต่างๆหลากหลายสีสันแบบพูน-แน่นจนไม่สามารถเห็นเมล็ดข้าวสีขาวข้างล่างซึ่งประกอบไปด้วยเนื้อแซลมอน/มากุโร่ส่วนเนื้อแดง/กุ้งหวานญี่ปุ่นกับไข่หวานม้วน เพิ่มความกรุบกรอบด้วยแตงกวาญี่ปุ่นยำน้ำมันงารสเปรี้ยวเคี้ยวฉ่ำๆ ให้สัมผัสแตกระเบิดในปากด้วยไข่ปลาแซลมอน/ไข่ปลาบินสีส้มกับไข่ปลาบินสีดำ สุดท้ายแต่งหน้าให้สวยงามด้วยใบพาร์สลีย์สีเขียวสดเป็นช่อเล็กๆแปะแผ่นทองคำเปลวให้ดูหรูหราเพิ่มความหอมมันนวลเนียนอีกขั้นด้วยไข่ไก่แดงสดเจาะให้แตกเคลือบหน้ากับข้าวสวยก่อนทาน ส่วนวาซาบิก็อยู่ภายในชามเป็นรูปใบไม้แค่คีบแบ่งออกมาละลายในโชยุแล้วราดหน้าดงบุริให้ทั่วก็พร้อมกินได้ทันที โดยรวมแล้วถือว่าทางร้านคัดเลือกวัตถุดิบมาคุณภาพดีไม่แพ้ภัตตาคารชั้นนำอีกทั้งตกแต่งได้สวยงามและขายราคาถูกกว่าพอตัวครับ
ชามต่อมาก็เป็นดงบุริที่ให้ปริมาณแน่นพูนชามไม่แพ้กันก็คือ “ข้าวหน้าปลาไหลย่างตับห่าน” หรืออูนางิฟัวกราส์ด้งชิ้นใหญ่ชวนเคี้ยวเต็มคำขนาดนี้ราคา 290 บาท เป็นข้าวสวยญี่ปุ่นปรุงรสชาติเปรี้ยวอมหวานแบบซูชิเหมือนๆกับเมนูที่แล้วแต่เปลี่ยนท็อปปิ้งด้านบนเป็น “อูนางิ” หรือปลาไหลน้ำจืดญี่ปุ่นย่างถ่านชิ้นใหญ่พิเศษเคลือบซอสรสหวานเค็มกลมกล่อมเนื้อเด้งสู้ฟันเพิ่มความหอมมันละลายในปากด้วย “ฟัวกราส์” หรือตับห่านจากฝรั่งเศสที่ชิ้นกว้างแผ่นหนาลนไฟพอสุกหอมวางบนเนื้อปลาไหล ตกแต่งให้สวยงามยิ่งขึ้นด้วยไข่ปลาบินปรุงรสสีดำกับแผ่นทองคำเปลวอีกเล็กน้อยเพิ่มความหรูหราราวกับยกมาเสิร์ฟจากภัตตาคารชั้นนำ เพิ่มสัมผัสกรุบกรอบทานกับข้าวซูชิปรุงรสได้อร่อยยิ่งขึ้นด้วยเกล็ดแป้งเทมปุระทอด/ไข่ปลาแซลมอนและไข่ปลาบินปรุงรสสีส้มตัดกับซอสหวานสีดำบนพื้นสีขาวดูโดดเด่นสะดุดตาน่าทานยิ่งขึ้น เสริมความนัวอีกขั้นด้วยไข่แดงจากไก่เกรดทานสดหอมมันเคลือบท็อปปิ้งและข้าวช่วยให้ทานง่ายยิ่งขึ้น โดยทั้ง 2 ชามเสิร์ฟพร้อมซุปใสสาหร่ายวากาเมะเพิ่มดาชิและเห็ดเข็มทองโรยหน้าด้วยต้นหอมซอยที่ซดร้อนๆแล้วช่วยให้สดชื่นคล่องคอ-ลดความเลี่ยนจากไขมันปลาในดงบุริได้ดีสุดๆ ซุปหมดขอเพิ่มได้ไม่เสียเงินครับ
******* เกิน 10,000 ตัวอักษร ขออนุญาตเขียนรีวิวต่อในช่อง Comment แทนนะครับ *******
ชื่อสินค้า: Himitsu – ร้านลับ
คะแนน:
0.5
1.0
1.5
2.0
2.5
3.0
3.5
4.0
4.5
5.0
CR – Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
- – จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
- – ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
Food Addicts
7 เมษายน เวลา 10:38 น.
7 เมษายน เวลา 10:38 น.
แหล่งที่มา pantip.com
1. “ซาชิมิปลาวัวซอสพอนสึเลมอน” จับมาแล่บางๆเรียงอย่างสวยงามราวกับกลีบดอกไม้คล้ายเมนูปลาปักเป้าของญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าตัวปลาหน้าตาค่อนข้างน่ากลัวแต่เนื้อที่หั่นออกมาสีขาวเนียนละเอียดตัดขอบด้วยสีชมพูนิดๆเพิ่มความหรูหราด้วยไข่ปลาแซลมอนเม็ดโต/ไข่ปลาบินปรุงรสสีส้มและสีดำแปะด้วยแผ่นทองคำเปลวให้ดูแพงราวกับโอมากาเสะคอร์สตัวท็อป เสิร์ฟมาพร้อมกับซอสพอนสึเลมอนแช่เย็นส่วนวิธีการทานก็คือให้นำไชเท้าบด/ต้นหอมซอย/มะนาวซีกบีบผสมลงไปในน้ำจิ้มพร้อมวาซาบิปริมาณตามชอบ แล้วคีบเนื้อปลาวัวลงไปสัมผัสคล้ายกับช่อนทะเลแต่กระชับเคี้ยวสนุกกว่าเพราะปริมาณไขมันน้อยเนื่องจากเป็นสัตว์ที่กินแต่พืชทะเลตามปะการังเป็นอาหารหลักและสดมากๆจึงไม่รู้สึกว่าเลี่ยนหรือเหม็นคาวเลยแม้แต่น้อย ส่วนซอสพอนสึทำจากโชยุหอมมะนาวผสมเลมอนรสเปรี้ยวอมหวานสดชื่นผสมไชเท้าบดต้นหอมซอยและวาซาบิเผ็ดขึ้นจมูกนิดๆช่วยให้เจริญอาหารจิ้มเนื้อปลาดิบได้อย่างเพลินๆไม่เอียนเลยแม้แต่น้อย (มีความครบทุกๆรสชาติราวกับยำสไตล์ญี่ปุ่น) หรือจะจิ้มกับโชยุ-วาซาบิตามฉบับแบบซาชิมิต้นตำรับก็ได้ความอร่อยไม่แพ้กัน โดยไข่ปลาต่างๆที่ใส่ลงไปมีรสเค็มอ่อนๆไขมันปลาแตกระเบิดในปากยิ่งเพิ่มความประทับใจให้กับจานนี้พิเศษยิ่งขึ้น แฟนผมเคยทานปลาปักเป้าที่โอซาก้ามาแล้วบอกว่าเนื้อสัมผัสมีความใกล้เคียงกันประมาณ 70% (เพราะเป็นวงศ์ตระกูลเดียวกันแต่ไม่มีพิษ) ใครอยากลองชิมบ้างต้องรอประกาศหน้าเพจนะครับผม
2. “ซูชิหน้าปลาวัว” เป็นเนื้อปลาวัวที่เอามาแล่แบบเดียวกับจานที่แล้วแค่เอามาปั้นกับข้าวเป็นนิกิริทานเป็นคำๆได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น ถ้ามองผ่านๆตามประสบการณ์ของคนที่เคยทานอาหารญี่ปุ่นตามร้านในท้องตลาดทั่วไปจะมีสีสันคล้ายๆกับปลาช่อนทะเลหรือฮามาจิอย่างที่บอกไปในเบื้องต้น กินคู่กับข้าวสวยญี่ปุ่นปรุงรสด้วยน้ำส้มสายชูหมักจากข้าวผสมเกลือและน้ำตาลทรายตามอัตราส่วนสูตรเฉพาะของที่ร้าน ปั้นก้อนด้วยมือจากเชฟผู้มากประสบการณ์ให้เรียงเมล็ดอย่างสวยงามพร้อมสลายหายไปในปากเวลาเคี้ยวพร้อมเนื้อปลา ท็อปปิ้งด้านบนสุดด้วยไข่ปลาบินปรุงรสสีดำและแผ่นทองคำเปลวให้ความหรูหรามีระดับ วิธีการทานที่ถูกต้องแนะนำให้แตะวาซาบิที่ด้านบนปลานิดๆแล้วเอาด้านบนจิ้มโชยุเพื่อไม่ให้ข้าวดูดซึมความเค็มมากเกินไป จะได้ความอร่อยอย่างสุดขีดตามแบบฉบับญี่ปุ่นแท้ๆครับ
3. “แก้มปลาวัวย่างเกลือลนไฟ” เป็นเนื้อส่วนแก้มของปลาวัวที่มีเพียง 2 ชิ้นเล็กเอามาย่างเกลือชมพูหิมาลายันและลนไฟให้เกรียมนิดๆพอสวยงามจัดเสิร์ฟคู่กับมะนาวหั่นซีกกับขิงดองญี่ปุ่นเพื่อล้างคาวภายในปากหลังทานเสร็จ ส่วนวิธีในการทานเชฟแนะนำให้เราบีบน้ำมะนาวสดลงบนเนื้อแก้มปลาย่างร้อนๆเพื่อให้ซึมซับรสชาติแล้วค่อยเอาเข้าปาก แก้มปลาวัวชิ้นโตเนื้อเด้งหนึบแต่ไร้ไขมันปรุงรสเค็มกำลังดีตัดความหอมกับเปรี้ยวจี๊ดจากน้ำมะนาวสดช่วยลดความเลี่ยนทานง่ายแป๊ปเดียวก็เผลอกลืนลงไปทั้งที่ความอร่อยยังไหลซึมออกมาเรื่อยๆทุกครั้งที่เคี้ยว กินเสร็จแล้วก็ปิดท้ายด้วยขิงดองรสหวานเผ็ดฉุนขึ้นจมูกเพื่อรีเฟรชความสดชื่นภายในปากจนกลับมาสดชื่นอีกครั้งเป็นอันจบมื้อนี้ โดยทั้ง 3 เมนูที่มาเสิร์ฟทางร้านคิดเงินเป็น “ปลาสไลซ์” ราคาเพียง 400 บาทถือว่าคุ้มค่าสุดๆเพราะได้อิ่มอร่อยกับปลาทั้งตัวอย่างแท้จริง (ขึ้นอยู่กับขนาดกับชนิดของปลาที่มีในวันนั้น) ตอนนี้อิ่มแล้วเรียกพนักงานคิดเงินกันเลยครับ
มื้อนี้สั่งอาหารไปทั้งหมด 6 รายการ แต่ได้กินถึง 8 เมนูจานใหญ่พิเศษแบบนี้จ่ายไป 1,355 บาท แบบไม่มี Vat. และ Service Charge มากวนใจ ก็ถือว่าได้คุ้มค่าหลายอย่างเริ่มจากใช้วัตถุดิบคุณภาพดีแบบเดียวกับภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นชั้นนำแต่ขายในราคาที่ถูกกว่า ไปจนถึงประสบการณ์ของเชฟที่ร้านมีเทคนิคในการแล่ปลาและปั้นซูชินิกิริที่ขอบอกเลยว่าฝีมืออยู่ในระดับไม่ธรรมดา พร้อมจัดจานประดับตกแต่งออกมาให้ดูแพง-อร่อยคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไปแบบนี้ได้รับคะแนนไปเลย 5 ดาวเต็มครับผม 🌟🌟🌟🌟🌟
พิกัด : เลขที่ 246 ซอย 1 ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร 10600
เปิดให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุดตั้งแต่เวลา 15.00-02.00 น. (อาจมีการปรับเปลี่ยนตามนโยบายของรัฐบาล)
โทร. 062-371-6444
Facebook : www.facebook.com/HIMITSU789
ลิงก์ Google Maps : https://goo.gl/maps/akXJTAKcyW1EKEVY7
ตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <
อย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเราด้วยนะ 😘😘😘
7 เมษายน เวลา 10:38 น.
7 เมษายน เวลา 14:55 น.
7 เมษายน เวลา 21:16 น.
8 เมษายน เวลา 07:04 น.
8 เมษายน เวลา 13:08 น.
8 เมษายน เวลา 13:12 น.
9 เมษายน เวลา 02:19 น.
9 เมษายน เวลา 16:04 น.