[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ถ้าชอบรีวิว สามารถกดไลค์ Facebook Page Go Go Go – ไป ไป ไป ได้เลยที่ลิ้งค์นี้เลยครับ: https://www.facebook.com/gogogo.bkkth
[มือใหม่ Fine Dining] – J’aime by Jean-Michel Lorain (1-star Michelin)
มีโอกาสไปทาน Fine Dining ที่ร้าน J’aime by Jean-Michel Lorain ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้านเพิ่งมาเปิดใหม่ช่วงเดือนมีนาคมนี้เองหลังจากที่ปิดไปในช่วงโควิด ร้านตั้งอยู่ในโรงแรม U Sathorn Hotel สามารถขับรถไปจอดในโรงแรมได้เลย ส่วนใครไปขนส่งมวลชน สามารถนั่ง MRT ไปลงสถานีลุมพินี แล้วอาจจะต่อมอไซค์รับจ้างหรือแทกซี่ หรือจะเดินเข้าไปที่โรงแรมก็ได้ ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีได้ครับ บรรยากาศภายในโรงแรมค่อนข้างสงบ ร่มรื่นมาก ไม่คิดว่าจะตั้งอยู่แถวสาธรเลย
เข้าไปถึงทะลุส่วนของ Lobby ก็เลี้ยงขวาแล้วขึ้นชั้น 2 ไปได้เลย บริเวณลิฟต์จะเห็นป้าย Michelin 1 Star รอต้อนรับเราอยู่อย่างชัดเจน
ด้านหน้ามีพนักงานรอต้อนรับอยู่ครับ หลังจากนั้นพนักงานก็จะพาเราไปที่โต๊ะ ผมไปทานคนเดียว ได้เป็นโต๊ะโซฟา จะบอกว่านุ่มนั่งสบายมากครับ นั่งแล้วไม่อยากลุกไปไหนเลย บนโต๊ะมีผ้ากันเปื้อน จานขนมปัง และแก้วต่างๆ จัดรอไว้แล้ว
บรรยากาศภายในร้านก็เป็นครัวเปิด สามารถมองเห็นการเตรียมอาหารต่างๆ ในครัวได้เลย นอกจากที่นั่งโซฟาของเราก็มีเป็นโต๊ะแบบเก้าอี้ปกติด้วย จัดระยะห่างกันพอสมควร รู้สึกบรรยากาศร้านไม่แน่นแออัดเลย
เครื่องดื่มมื้อนี้สั่งเป็นน้ำเปล่าของโรงแรมครับ ราคา 50++ บาทเท่านั้น เป็นอีกหนึ่งจุดที่ชอบมาก เพราะส่วนตัวแทบไม่ดื่มแอลกอฮอล์ หลายๆ ครั้งเวลาไปตามร้านในโรงแรมก็มักเจอกับตัวเลือกน้ำแร่ราคาสุดโหด ทั้งที่จริงๆ ก็ขอแค่น้ำเปล่าธรรมดาก็ได้ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ครับ
ต่อไปก็จะเป็นส่วนของอาหารกันละครับ
0 – Canapé selections
เสิร์ฟด้วยกันทั้งหมด 3 ชิ้นเป็นคำเล็กๆ ชิ้นแรกทางซ้ายเป็น Cauliflower ท๊อปด้วย Caviar รสชาติคือบรรยายออกมาไม่ถูกจริงๆ เป็นรสชาติที่ไม่เคยกินมาก่อน ชิ้นตรงกลางเป็นมะเขือเทศ รสชาติเปรี้ยวเผ็ดอร่อยดี ส่วนชิ้นสุดท้ายด้านขวาเป็นชีสกับกล้วย ก็เข้ากันได้อยู่แต่กลิ่นชีสแรงใช้ได้ครับ
0.5 – Complimentary breads
ขนมปังที่ใช้ของร้าน Amantee มีให้เลือกทั้งหมดสามตัวเลือก ผมชอบอันที่มี Quinoa ผสม แล้วก็ขนมปังขาวธรรมดา แต่เสียตรงที่ไม่อุ่นร้อน เสิร์ฟมาพร้อมเนยจากฝรั่งเศสที่มีความหอมมัน ทานกับขนมปังได้แบบเพลินๆ ไม่เบื่อเลย (ผมทานเกือบหมด พนักงานเอาเนยมาเพิ่มให้ด้วยครับ) นอกจากนี้ยังมี Duck fat ที่ให้อารมณ์มีกลิ่นหอมเหมือนมาม่าหมูสับ แบบกลิ่นหอมเจียว (ส่วนตัวไม่ค่อยชอบ) มี Olive oil จากฝรั่งเศสที่กลิ่นหอมมาก และอีกอย่างที่ชอบคือ Macadamia cream มันๆ หอมกลิ่นถั่ว อันนี้ก็ทานเพลินเหมือนกัน
1 – Sea pineapple, kale, and white wine
เป็น Ravioli ใส่ Sea pineapple และ Kale เสิร์ฟมา 1 ชิ้น แป้งด้านนอกหนากำลังพอดี เหนียวนุ่ม ไม่แข็งหรือเละจนเกินไป ใส่ด้านในก็นุ่มๆ ได้กลิ่นของทะเลชัดเจน ราดกับซอสไวน์ขาว ตัวซอสก็ถือว่ารสชาติลงตัวตามมาตรฐาน
2- Short-bodied mackerel terrine, marinated cucumber, and tomato confit
เชฟนำปลาแมคเคอเรลมาทำเป็น Terrine แล้วนำแตงกวาญี่ปุ่นมาห่อ เสิร์ฟกับซอสที่ทำจากผักต่างๆ โดยเฉพาะพริกหยวกที่สีสันสดใส แถมยังได้รสชาติความเผ็ดมาด้วย ทำให้เพิ่มรสชาติของจนนี้มากยิ่งขึ้น ด้านบนเป็น Crumble ทำมากรอบๆ เพิ่ม Texture นอกเหนือจากความหนุบหนับของ Terrine โดยรวมคิดว่าเป็นจานที่น่าสนใจพอสมควรครับ
3 – Wagyu beef Bourguignon 2021
เลือกเป็น Wagyu beef ครับ (ตัวเลือกอื่นมี Scallops เสิร์ฟกับ Foie gras และ Seabass) เนื้อเสิร์ฟมา 2 ส่วน เริ่มจาก Shank ชิ้นใหญ่ อันนี้แอบมีส่วนที่แห้งไปนิดนึง แต่โดยภาพรวมคือเนื้อไม่เหนียวเลยครับ อีกส่วน Short Ribs อันนี้ด้านในเนื้อยังชุ่มฉ่ำ นุ่มไม่เหนียว คือถูกใจมาก ส่วนตัวซอสไวน์แดงปรุงมาเข้มข้นพอสมควร ทานคู่กับแครอท มันฝรั่ง และหัวหอม ถือว่าใช้ได้เลย
4 – Michel Lorain’s mille-feuile
จานของหวานปิดท้ายเป็น mille-feuile ที่เป็น signature ของทางร้าน ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง ตัวแป้งกรอบมากๆ มีใช้ครีมทั้งหมด 3 ชนิด ที่ทานคู่กันแล้วได้ความมัน ครีมมี่ และหวานกำลังลงตัว ด้านบนมี Strawberry สดและมี Strawberry sauce ตกแต่งรอบๆ ที่ช่วยเพิ่มความเปรี้ยวให้กับจานนี้
5 – Coffee and Petit fours
ปิดท้ายด้วยชา/กาแฟ ผมเลือกเป็นลาเต้ร้อน กาแฟก็รสชาติทั่วไป มีฟองนมด้านบนให้ซดเล่น ทานคู่กับของหวานชิ้นเล็ก ชิ้นที่ใกล้ตัวสุดเป็น Almond cookie รสชาติออกหวาน สัมผัสจะไม่กรอบแต่ออกแนวเหนียวๆ ชิ้นตรงกลางเป็น Lychee ทานแล้วเหมือนตัวครีมมันระเบิดความหอมของลิ้นจี่ออกมาชัดเจนมาก ชิ้นสุดท้ายเป็นน้ำตาลเหนียวๆ (ให้อารมณ์เหมือนกาละแมร์หวานๆ)
[ภาพรวม]
สำหรับเรื่องราคา เซท Lorain’s Signature นี้ราคาอยู่ที่ 1900++ บาท แต่ช่วงที่ผมไปทานเป็นช่วงที่ร้านเพิ่งกลับมาเปิดใหม่ เลยเหลือแค่ 1400++ บาทเท่านั้น (โปรนี้มีถึงสิ้นเดือนมีนาคมนี้เท่านั้นครับสำหรับราคานี้) คิดว่าเป็นร้านอาหารฝรั่ง 1 ดาวมื้อเย็นที่ราคาน่าจะเกือบต่ำสุดในกรุงเทพฯ ละ
ภาพรวมรู้สึกประทับใจกับอาหาร โดยเฉพาะ Presentation ที่ดูตกแต่งอย่างละเอียด ส่วนรสชาติก็ชอบเป็นส่วนใหญ่ อาจจะมีบางเมนูที่ทานแล้วยังรู้สึกงงๆ (คือมันก็ไม่ได้แย่ แต่มันแปลกจนบรรยายไม่ถูก) การบริการก็ถือว่าดีมาก พนักงานเห็นขนมปังหรือน้ำดื่มใกล้หมดก็มาเติมให้ตลอด มีการแนะนำอาหารแต่ละจานตอนเสิร์ฟชัดเจน ถือว่าเป็นอีกร้านที่น่าสนใจมากครับ จะมาทานเป็นมื้ออาหารธรรมดา หรือมาในโอกาสพิเศษต่างๆ ก็ถือว่าเหมาะมากครับ
ถ้าท่านใดชอบรีวิว สามารถกดไลค์ Facebook Page Go Go Go – ไป ไป ไป เพื่อติดตามรีวิวต่างๆ ได้ครับ
บางครั้งรีวิวสั้นๆ เล็กๆ อาจจะไม่ได้มาโพสต์ในพันทิปครับผม
ได้เลยที่ลิ้งค์นี้เลย ขอบคุณครับ: https://www.facebook.com/gogogo.bkkth
ชื่อสินค้า: J’aime by Jean-michel Lorain French Restaurant
[CR] มื้อเย็นกับคอร์ส Lorain’s Signature ที่ J’aime by Jean-Michel Lorain
[มือใหม่ Fine Dining] – J’aime by Jean-Michel Lorain (1-star Michelin)
มีโอกาสไปทาน Fine Dining ที่ร้าน J’aime by Jean-Michel Lorain ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้านเพิ่งมาเปิดใหม่ช่วงเดือนมีนาคมนี้เองหลังจากที่ปิดไปในช่วงโควิด ร้านตั้งอยู่ในโรงแรม U Sathorn Hotel สามารถขับรถไปจอดในโรงแรมได้เลย ส่วนใครไปขนส่งมวลชน สามารถนั่ง MRT ไปลงสถานีลุมพินี แล้วอาจจะต่อมอไซค์รับจ้างหรือแทกซี่ หรือจะเดินเข้าไปที่โรงแรมก็ได้ ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีได้ครับ บรรยากาศภายในโรงแรมค่อนข้างสงบ ร่มรื่นมาก ไม่คิดว่าจะตั้งอยู่แถวสาธรเลย
เข้าไปถึงทะลุส่วนของ Lobby ก็เลี้ยงขวาแล้วขึ้นชั้น 2 ไปได้เลย บริเวณลิฟต์จะเห็นป้าย Michelin 1 Star รอต้อนรับเราอยู่อย่างชัดเจน
ด้านหน้ามีพนักงานรอต้อนรับอยู่ครับ หลังจากนั้นพนักงานก็จะพาเราไปที่โต๊ะ ผมไปทานคนเดียว ได้เป็นโต๊ะโซฟา จะบอกว่านุ่มนั่งสบายมากครับ นั่งแล้วไม่อยากลุกไปไหนเลย บนโต๊ะมีผ้ากันเปื้อน จานขนมปัง และแก้วต่างๆ จัดรอไว้แล้ว
บรรยากาศภายในร้านก็เป็นครัวเปิด สามารถมองเห็นการเตรียมอาหารต่างๆ ในครัวได้เลย นอกจากที่นั่งโซฟาของเราก็มีเป็นโต๊ะแบบเก้าอี้ปกติด้วย จัดระยะห่างกันพอสมควร รู้สึกบรรยากาศร้านไม่แน่นแออัดเลย
เครื่องดื่มมื้อนี้สั่งเป็นน้ำเปล่าของโรงแรมครับ ราคา 50++ บาทเท่านั้น เป็นอีกหนึ่งจุดที่ชอบมาก เพราะส่วนตัวแทบไม่ดื่มแอลกอฮอล์ หลายๆ ครั้งเวลาไปตามร้านในโรงแรมก็มักเจอกับตัวเลือกน้ำแร่ราคาสุดโหด ทั้งที่จริงๆ ก็ขอแค่น้ำเปล่าธรรมดาก็ได้ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ครับ
ต่อไปก็จะเป็นส่วนของอาหารกันละครับ
0 – Canapé selections
เสิร์ฟด้วยกันทั้งหมด 3 ชิ้นเป็นคำเล็กๆ ชิ้นแรกทางซ้ายเป็น Cauliflower ท๊อปด้วย Caviar รสชาติคือบรรยายออกมาไม่ถูกจริงๆ เป็นรสชาติที่ไม่เคยกินมาก่อน ชิ้นตรงกลางเป็นมะเขือเทศ รสชาติเปรี้ยวเผ็ดอร่อยดี ส่วนชิ้นสุดท้ายด้านขวาเป็นชีสกับกล้วย ก็เข้ากันได้อยู่แต่กลิ่นชีสแรงใช้ได้ครับ
0.5 – Complimentary breads
ขนมปังที่ใช้ของร้าน Amantee มีให้เลือกทั้งหมดสามตัวเลือก ผมชอบอันที่มี Quinoa ผสม แล้วก็ขนมปังขาวธรรมดา แต่เสียตรงที่ไม่อุ่นร้อน เสิร์ฟมาพร้อมเนยจากฝรั่งเศสที่มีความหอมมัน ทานกับขนมปังได้แบบเพลินๆ ไม่เบื่อเลย (ผมทานเกือบหมด พนักงานเอาเนยมาเพิ่มให้ด้วยครับ) นอกจากนี้ยังมี Duck fat ที่ให้อารมณ์มีกลิ่นหอมเหมือนมาม่าหมูสับ แบบกลิ่นหอมเจียว (ส่วนตัวไม่ค่อยชอบ) มี Olive oil จากฝรั่งเศสที่กลิ่นหอมมาก และอีกอย่างที่ชอบคือ Macadamia cream มันๆ หอมกลิ่นถั่ว อันนี้ก็ทานเพลินเหมือนกัน
1 – Sea pineapple, kale, and white wine
เป็น Ravioli ใส่ Sea pineapple และ Kale เสิร์ฟมา 1 ชิ้น แป้งด้านนอกหนากำลังพอดี เหนียวนุ่ม ไม่แข็งหรือเละจนเกินไป ใส่ด้านในก็นุ่มๆ ได้กลิ่นของทะเลชัดเจน ราดกับซอสไวน์ขาว ตัวซอสก็ถือว่ารสชาติลงตัวตามมาตรฐาน
2- Short-bodied mackerel terrine, marinated cucumber, and tomato confit
เชฟนำปลาแมคเคอเรลมาทำเป็น Terrine แล้วนำแตงกวาญี่ปุ่นมาห่อ เสิร์ฟกับซอสที่ทำจากผักต่างๆ โดยเฉพาะพริกหยวกที่สีสันสดใส แถมยังได้รสชาติความเผ็ดมาด้วย ทำให้เพิ่มรสชาติของจนนี้มากยิ่งขึ้น ด้านบนเป็น Crumble ทำมากรอบๆ เพิ่ม Texture นอกเหนือจากความหนุบหนับของ Terrine โดยรวมคิดว่าเป็นจานที่น่าสนใจพอสมควรครับ
3 – Wagyu beef Bourguignon 2021
เลือกเป็น Wagyu beef ครับ (ตัวเลือกอื่นมี Scallops เสิร์ฟกับ Foie gras และ Seabass) เนื้อเสิร์ฟมา 2 ส่วน เริ่มจาก Shank ชิ้นใหญ่ อันนี้แอบมีส่วนที่แห้งไปนิดนึง แต่โดยภาพรวมคือเนื้อไม่เหนียวเลยครับ อีกส่วน Short Ribs อันนี้ด้านในเนื้อยังชุ่มฉ่ำ นุ่มไม่เหนียว คือถูกใจมาก ส่วนตัวซอสไวน์แดงปรุงมาเข้มข้นพอสมควร ทานคู่กับแครอท มันฝรั่ง และหัวหอม ถือว่าใช้ได้เลย
4 – Michel Lorain’s mille-feuile
จานของหวานปิดท้ายเป็น mille-feuile ที่เป็น signature ของทางร้าน ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง ตัวแป้งกรอบมากๆ มีใช้ครีมทั้งหมด 3 ชนิด ที่ทานคู่กันแล้วได้ความมัน ครีมมี่ และหวานกำลังลงตัว ด้านบนมี Strawberry สดและมี Strawberry sauce ตกแต่งรอบๆ ที่ช่วยเพิ่มความเปรี้ยวให้กับจานนี้
5 – Coffee and Petit fours
ปิดท้ายด้วยชา/กาแฟ ผมเลือกเป็นลาเต้ร้อน กาแฟก็รสชาติทั่วไป มีฟองนมด้านบนให้ซดเล่น ทานคู่กับของหวานชิ้นเล็ก ชิ้นที่ใกล้ตัวสุดเป็น Almond cookie รสชาติออกหวาน สัมผัสจะไม่กรอบแต่ออกแนวเหนียวๆ ชิ้นตรงกลางเป็น Lychee ทานแล้วเหมือนตัวครีมมันระเบิดความหอมของลิ้นจี่ออกมาชัดเจนมาก ชิ้นสุดท้ายเป็นน้ำตาลเหนียวๆ (ให้อารมณ์เหมือนกาละแมร์หวานๆ)
สำหรับเรื่องราคา เซท Lorain’s Signature นี้ราคาอยู่ที่ 1900++ บาท แต่ช่วงที่ผมไปทานเป็นช่วงที่ร้านเพิ่งกลับมาเปิดใหม่ เลยเหลือแค่ 1400++ บาทเท่านั้น (โปรนี้มีถึงสิ้นเดือนมีนาคมนี้เท่านั้นครับสำหรับราคานี้) คิดว่าเป็นร้านอาหารฝรั่ง 1 ดาวมื้อเย็นที่ราคาน่าจะเกือบต่ำสุดในกรุงเทพฯ ละ
ภาพรวมรู้สึกประทับใจกับอาหาร โดยเฉพาะ Presentation ที่ดูตกแต่งอย่างละเอียด ส่วนรสชาติก็ชอบเป็นส่วนใหญ่ อาจจะมีบางเมนูที่ทานแล้วยังรู้สึกงงๆ (คือมันก็ไม่ได้แย่ แต่มันแปลกจนบรรยายไม่ถูก) การบริการก็ถือว่าดีมาก พนักงานเห็นขนมปังหรือน้ำดื่มใกล้หมดก็มาเติมให้ตลอด มีการแนะนำอาหารแต่ละจานตอนเสิร์ฟชัดเจน ถือว่าเป็นอีกร้านที่น่าสนใจมากครับ จะมาทานเป็นมื้ออาหารธรรมดา หรือมาในโอกาสพิเศษต่างๆ ก็ถือว่าเหมาะมากครับ
บางครั้งรีวิวสั้นๆ เล็กๆ อาจจะไม่ได้มาโพสต์ในพันทิปครับผม
ได้เลยที่ลิ้งค์นี้เลย ขอบคุณครับ: https://www.facebook.com/gogogo.bkkth
CR – Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
27 มีนาคม เวลา 20:26 น.