[CR] รีวิว…So Bangkok Hotel หรูหรา หวือหวา และวิวสวยมากๆ
สวัสดีชาวพันทิปครับ วันนี้จะพาไปพักโรงแรมที่ผมว่าวิวสวยที่สุดที่หนึ่งในกรุงเทพฯเลยครับ So Bangkok Hotel ที่นี่ผมกลับไปพัก 2 รอบในหนึ่งสัปดาห์เลยครับ(ชอบจัด) มีอะไรน่าสนใจบ้างไปดูด้วยกันครับ
So Bangkok Hotel อยู่ตรงหัวมุมถนนสาธรและพระราม 4 ถ้าเดินทางด้วยรถส่วนตัวทางเข้าโรงแรมจะอยู่ตรงถนนสาธรแต่สามารถออกได้ทั้ง 2 ฝั่ง ส่วนถ้าเดินทางด้วยรถไฟฟ้า สถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานี MRT สายสีน้ำเงินสถานีลุมพินีใช้ทางออกตรงหน้าอาคาร Q House
จอดรถเสร็จมาเช็คอินที่ชั้น 9 ซึ่งเป็น Park Lobby จุดเด่นของที่นี่ก็ตามชื่อเลยครับวิวสวนลุมและกลุ่มอาคารตรงถนนสุขุมวิท หลังสวน สวยมากๆ ซึ่งตรงชั้นนี้ผมว่าเป็นชั้นที่พอดี วิวต้นไม้จะทึบเป็นฉากหน้าและตึกสูงเป็นวิวด้านหลังสวยมากๆ แต่…ผมไม่ได้เช็คอินตรงนี้ครับ พนักงานเห็นว่าผมเป็นสมาชิกของ Accorplus เลยพาผมไปเช็คอินที่เลาจ์ชั้น 25 แทน ซึ่งเดี๋ยวค่อยไปดูเลาจ์แบบเต็มๆอีกทีครับ ก่อนไปดูห้องพักชิม Welcome drink ก่อนครับ เป็นน้ำ ลิ้นจี่ สัปปะรด ใบเตย มะนาว ผสมกันเป็นเครื่องดื่มที่สดชื่นมาก เปรี้ยวนำหวานนิดดื่มแล้วตื่นดีแท้…
อย่างที่บอกไปว่าผมกลับไปพัก 2รอบดังนั้นจะมีห้องพักให้ดู 2 แบบนะครับ So Bangkok Hotel จะตกแต่งโดยอ้างอิงจากธาตุทั้ง 5 คือ ดิน น้ำ เหล็ก ไม้ และไฟ แต่ห้องพักจะตกแต่งตามธาตุ 4 ธาตุคือ ดิน น้ำ เหล็ก และไม้ ส่วนไฟผมเดาเอาเองว่าไปตกแต่งร้านอาหาร Red Oven
ผมจองห้องพักประเภท Comfy ไปซึ่งเป็นห้องพักประเภทแรกที่มีวิวสวนลุมพินี ถ้าเป็นห้องพักประเภท Cozy ซึ่งเป็นห้องพักประเภทเริ่มต้นของโรงแรมจะเป็นวิวฝั่งถนนสาธร ราคาห้องพักตอนที่ไปพักประมาณ 3000 บาทต่อคืน และเมื่อผมเป็นสมาชิกของ Accorplus จึงได้รับการอัพเกรดให้เป็นห้องประเภท So Suite ขนาด 75 ตรม.เลยทีเดียว ใหญ่โตมาก
ห้องประเภทแรกเป็นห้องที่ตกแต่งตามธาตุ “ดิน” ครับให้อารมณ์เหมือนถ้ำตั้งแต่ประตูที่เป็นทรงโค้ง และในห้องพักเอกก็ตกแต่งด้วยเส้นโค้งมีภาพเขียนเหมือนภาพฝาผนังถ้ำ และห้องจะดูมืดๆหน่อย
จุดเด่นของห้องนี้คือห้องนอนครับ ขนาดของห้องค่อนข้างใหญ่จนทีวีในห้องดูเล็กไปเลย เตียงตั้งหันหลังให้หน้าต่างที่เห็นวิวสวนลุมแบบเต็มตา เตียงนอนใหญ่นุ่ม หมอนมีให้เหลือเฟือนอนสบายมากๆ
โต๊ะทำงานตัวเล็กอยู่ด้านหนึ่งของห้อง เหมือนจะไม่เน้นให้ทำงานเท่าไหร่ บนโต๊ะมีขนมเล็กๆน้อยๆและจดหมายต้อนรับที่เขียนด้วยมือจากโรงแรม นั่งทานขนมไปดูวิวไปก็เพลินดี
ตู้เก็บเสื้อผ้าหรือจริงๆควรจะเรียกว่าห้องเก็บเสื้อผ้าจะอยู่ตรงใกล้ๆทางเข้าห้อง ลึกเข้ามาด้านในเป็นห้องน้ำที่ขนาดค่อนข้างใหญ่เลยครับ เข้ามาปุ๊บเจออ่างอาบน้ำก่อนเลย ข้างๆอ่างอาบน้ำเป็นอ่างล้างหน้าแบบ His & Hers ขนาดค่อนข้างใหญ่ครับ ด้านในเป็นห้องอาบน้ำแบบฝั่งบัวส่วนอีกห้องหนึ่งเป็นห้องสุขภัณฑ์
อ่างอาบน้ำขนาดใหญ่พอให้แช่ 2 คนแบบเบียดเล็กน้อยแต่ถ้าแช่คนเดียวนี่นอนสบายเลย อ่างอาบน้ำจะเห็นวิวสี่แยกวิทยุ ตอนกลางคืนถ้าเปิดม่านไว้ก็โป๊แหละ ข้างนอกเห็นข้างในได้แต่ด้วยชั้นที่ค่อนข้างสูงก็อาจจะปลอดภัยหน่อย(มั้ง)
ช่วงเย็นให้โรงแรม turndown ให้ วิวตอนกลางคืนสวยไม่แพ้ตอนกลางวันเลยครับ…แต่เมื่อปิดม่านหมดทั้งห้องก็ให้บรรยากาศเหมือนถ้ำที่มีภาพเขียนฝาผนัง ถ้ารู้สึกว่าหลอนก็เปิดม่านนอนก็ได้ครับวิวสวยทีเดียว…เดี๋ยวไปดูกันครับว่าห้องพักอีกห้องเป็นอย่างไร
อีกห้องหนึ่งที่ผมไปพักอยู่ชั้น 25 ชั้นเดียวกับเลาจ์เลยครับเป็นห้องที่ตกแต่งตามธาตุ “น้ำ” ที่ออกแบบให้ความรู้สึกเข้มขรึม หรูหรา อย่างกับสายน้ำที่ดูสงบและลึกลับในเวลาเดียวกัน เปิดประตูเข้าห้องมาจะเจอทางเดินยาวไม่ได้เจอห้องโดยตรง บรรยากาศคล้ายๆคอนโดหรูๆอยู่เหมือนกัน
ห้องนี้จะแบ่งการใช้งานเป็นสัดส่วนมากกว่าห้องเมื่อกี้ครับ ฝั่งนี้จะเป็นห้องนั่งเล่นและทานข้าว ขนาดของห้องก็ใหญ่โตโอ่โถงดีทีเดียวกระจกบานใหญ่ทำให้ห้องดูโปร่งมากขึ้น ส่วนที่เป็นโซฟานั่งเล่นกับส่วนทานอาหารวัสดุตกแต่งตั้งแต่พื้นถึงเพดานมีความแตกต่างกันด้วยนะครับ โซฟาตัวใหญ่นุ่มนั่งสบายหรือจะเอนหลังนอนไปเลยก็ยังได้ ใช้ชีวิตในห้องนี้ได้ทั้งวัน…มีขนมและจดหมายเหมือนเดิม อีกอย่างที่ผมชอบคือความขี้เล่นเล็กๆของโรงแรมที่แฝงอยู่ในคำพูดที่เขียนอยู่บนสิ่งต่างๆ มันทำให้ดูไม่จืดชืดไม่ซ้ำซากดีครับ
ด้านหนึ่งของห้องนี้จะเป็นมุมครัวเล็กๆที่ให้ตู้เย็นแบบเต็มรูปแบบมาเลย่ ติดกันจะเป็นห้องน้ำแบบ powder room ซึ่งไม่มีส่วนอาบน้ำ โถสุขภัณฑ์อยู่ติดกับหน้าต่างที่เห็นวิวสวนลุมและกลุ่มอาคารสูงไกลๆแบบเต็มตา เป็นการขับถ่ายที่วิวสวยมาก
เดินย้อนกลับออกมาหน่อยแล้วเลี้ยวเข้าห้องนอน เข้ามาปุ๊บเจอห้องเก็บเสื้อผ้าก่อนเลยซึ่งที่พิเศษคือมีโต๊ะแต่งหน้าให้ในนี้เลย ตรงข้ามเป็นห้องน้ำซึ่งเดี๋ยวค่อยไปดู เข้ามาด้านในมีโต๊ะทำงาน 1 ตัวนั่งหันหน้าเห็นวิวถนนพระราม4 และกลุ่มอาคาร One Bangkok ที่กำลังก่อสร้างเป็นมุมนั่งทำงานที่วิวดีเลยครับ
ห้องนอนออกแนวขรึมๆมืดๆหน่อย ส่วนตัวห้องนี้นอนดีกว่าห้องก่อนหน้าครับเตียงไม่ต่างกัน หมอนไม่ต่างกันน่าจะอยู่ที่บรรยากาศที่มันอึมครึมและค่อนข้างมืด ตอนนอนเลยหลับสบาย
ห้องน้ำไม่ได้รู้สึกกว้างขวางโอ่โถงแบบห้องเมื่อกี้ แต่การใช้งานก็ครบถ้วนครับ ห้องอาบน้ำรวมที่อาบน้ำแบบฝักบัวและอ่างอาบน้ำไว้ด้วยกัน อ่างอาบน้ำขนาดเท่าเดิมแต่การตกแต่งขอบอ่างต่างออกไปไม่ได้วางลอยตัว อ่างล้างหน้าก็เป็นแบบ His & Hers แต่ไม่ได้ใหญ่มากนัก โถสุขภัณฑ์อยู่ด้านในสุด สงบ เงียบ นั่งสมาธิได้อย่างสบายใจ
กลางคืนหลัง Turndown แล้วก็จะได้ความสงบพร้อมนอนประมาณนี้ ทั้ง 2 ห้องมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนทั้งรูปแบบการตกแต่าง การใช้งาน สำหรับผมถ้าคนชอบความหวือหวา ห้องธาตุ “ดิน” จะดูตื่นเต้นหวือหวากว่า แต่ถ้าเป็นคนขรึมๆและชอบฟังค์ชันการใช้งานที่ชัดเจนห้องธาตุ “น้ำ” ตอบโจทย์มากกว่า…นี่แค่ห้องพักยังไม่ได้ไปดูส่วนอื่นๆเลย เดี๋ยวมาต่อครับ
v
v
v
v
v
v
v
หากชอบการรีวิวของผม ไปดูรีวิวที่ผมทำไว้ในช่องทางอื่นๆได้นะครับ แนะนำ คอมเม้นท์ตามสบายครับ
——————————————————————————————————
Facebook: https://www.facebook.com/followmeonearth/
CR – Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
- – จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
- – ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
9 มีนาคม เวลา 11:43 น.
ไปทานอาหารกลางวันกันครับ จอง Sunday brunch เอาไว้ราคาท่านละประมาณ 2000 กว่าบาท(แน่นอนว่าสมาชิก Accorplus ลด 50%) ห้องอาหาร Red Oven เป็นห้องอาหารที่ไว้ทานอาหารเช้าด้วยนะครับ ร้านเปิดแล้วเข้าไปข้างในได้เลย
ไลน์อาหารค่อนข้างหลากหลายมากครับ ซีฟูดมีแน่นอน ฟัวกราส์มีแน่นอน และไลน์อาหารนานาชาติไทย ฝรั่ง ญี่ปุ่น จีนก็มีให้เลือกทานตามความชอบ ไลน์ของหวานก็น่าตื่นตาไม่น้อยครับ เลือกทานยากอีกแล้วสิ
หนึ่งอย่างที่ผมไม่เคยคาดหวังเลยกับบุฟเฟโรงแรมคือซีฟูด เพราะไม่มีทางสดสุดๆแน่นอนและที่นี่ผมก็ว่าอย่างนั้นอาหารทะเลหลายอย่างหมดความหวานไปแล้วแต่ไม่ถึงขั้นแย่นะครับ…แค่ทานได้แต่ไม่ว้าว ฟัวกราส์สั่งได้เรื่อยๆ(และดูจะเป็นที่นิยมเลย) ทอดมาดีครับผิวกรอบนิดๆส่วนด้านในยังนุ่มและแน่นอนว่าหอมกลิ่นฟัวกราส์ ลอบสเตอร์ให้คนละครึ่งตัวปรุงมาเค็มเล็กน้อยแต่เนื้อผมว่ามันยุ่ยไปหน่อยไม่รู้ตั้งใจให้เทกซเจอร์เป็นแบบนี้หรือเปล่านะครับ ส่วนที่ชอบเลยคือแกะครับ นุ่มอร่อยมาก ไม่เหนียว มีกลิ่นเฉพาะตัวแต่ไม่สาบมาก เกรวีค่อนข้างกลมกล่อม ของหวานก็ดีครับ มีให้เลือกหลากหลายมาก…จบมื้อนี้ ถ้าเทียบกับโรงแรมระดับเดียวกันอย่าง Sofitel สุขุมวิท ผมชอบอาหารที่นี่มากกว่าโดยภาพรวมครับ
ไหนๆก็อยู่ห้องอาหารนี้แล้วไปดูอาหารเช้าเลยแล้วกันครับ…วิวตอนเช้าสวยดีครับแสงแดดเช้าฉาบให้สวนลุมออกสีทองๆหน่อย ไลน์อาหารเช้ามีให้เลือกหลากหลายทีเดียวครับ มีลิ้นจี่ เงาะ แล้วก็ลำใยกระป๋องด้วยครับไม่รู้ทานกับอะไร เลยตักมาทานทั้งอย่างนั้นเลย ใครคิดว่าจะทานอาหารเช้าเบาๆ มาที่นี่ลำบากหน่อยครับ ของน่าทานเยอะไปหมด…เป็นมื้อเช้าที่ดีเลยครับ
ชั้นล่างของโรงแรมเป็นที่ตั้งของร้าน ChocoLab เป็นคาเฟ่เครื่องดื่มและช็อกโกแลต ถ้ามีคูปอง welcome drink…ขอเล่าเรื่อง welcome drink ก่อนครับ แก้วที่ทานตอนเช็คอินก็ welcome drink นะครับและยังมีคูปอง welcome drink ให้อีก แถมปกติ welcome drink ของโรงแรมอื่นๆจะเป็น 1 ใบต่อการพัก 1 ครั้ง…แต่ที่นี่เป็น 1 ใบต่อวัน วันรุ่งขึ้นก็มีใบใหม่มาสอดใต้ประตู…คูปอง welcome drink มาแลกที่นี่ก็ได้ครับ ได้กาแฟแล้วก็ซื้อช็อกโกแลตขึ้นไปทานอีกสักหน่อยเป็นชิ้นเล็กๆ อร่อยใช้ได้อยู่ครับ
9 มีนาคม เวลา 12:31 น.
ไปดูสระว่ายน้ำบ้างครับ…ตัวสระว่ายน้ำขนาดไม่ใหญ่โตอะไรมากนักแต่วิวนี่สวยจัดเลยครับ ถ้าพักห้องที่เป็นวิวถนนสาธรก็มานั่งชมวิวฝั่งสวนลุมที่ตรงนี้ได้ครับ ถ้ากลางวันกลัวร้อน(ซึ่งก็ร้อนนั่นแหละ)ก็มาช่วงค่ำๆก็ได้ครับวิวกลางคืนสวยไม่แพ้กัน จากสระว่ายน้ำเดินทะลุอาคารไปอีกฝั่งจะเป็นที่นั่งพักผ่อนอาบแดด(อันร้อนแรงอย่างกับไฟตู้ไมโครเวฟ) เป็นวิวฝั่งถนนสาธรครับ
ไปชมเลาจ์กันครับ อยู่ชั้นที่ 25 เป็นห้องขนาดค่อนข้างใหญ่เพดานสูง ถ้ามองอาคารโรงแรมจากฝั่งถนนสาธรจะเห็นช่องอยู่ช่องหนึ่งตรงอาคารซึ่งก็คือเลาจ์นี่แหละครับ
ที่เลาจ์นี้มีบริการชายามบ่ายและอาหารเรียกน้ำย่อยมื้อค่ำด้วยนะครับ ถ้าพักอยู่ชั้น 25 อยู่แล้วนี่เดินมาใช้บริการสบายเลยครับ เลาจ์ตกแต่งสีสันสดใส มีโต๊ะให้เลือกนั่งเยอะพอสมควรเลย ถ้าช่วงบ่ายที่นั่งริมหน้าต่างฝั่งถนนสาธรจะรับแดดแบบเต็มๆวิวสวยแต่ร้อนแน่นอน
ชุดน้ำชายามบ่ายไม่ได้จัดแบบหรูหราอะไรแต่ทานเอาอิ่มได้เลยมาสองคนทุกอย่างก็คูณสอง ส่วนอาหารเรียกน้ำย่อยมื้อเย็นก็มีหลายอย่างทานเอาอิ่มได้อีกนั่นแหละ เครื่องดื่มถ้าจำไม่ผิดชื่อ Bangkok Sunset ได้ความเปรี้ยวหวานของลิ้นจี่(กระป๋อง) ทำให้เครื่องดื่มสดชื่นขึ้น มีเรื่องเดียวที่อยากให้ปรับปรุงคือน่าจะมีชื่ออาหารที่อยู่ในจานให้ดูหน่อย…คือบังเอิญทานบลูชีสไปเต็มคำเพราะดูไม่ออกว่าเป็นบลูชีส…กว่าจะทานหมดทรมานสุดๆ
วิวกลางคืนสวยดีครับ เลาจ์เปิดถึงห้าทุ่มแต่แค่ช่วงสามทุ่มก็เงียบแล้ว ถ้าไม่อยากอยู่ในห้องก็มานั่งตรงนี้ได้หรือจะออกไปชมวิวถนนกรุงเทพฯกลางคืนก็ตามสะดวก
โดยรวมผมว่า So Bangkok เป็นโรงแรมที่ดีเลยครับ ชอบตรงห้องพักที่ตกแต่งแบ่งเป็น Theme ต่างๆ ถ้าจะพักให้ครบมาได้ 4 รอบเลย วิวก็ถือว่าสวยที่สุดวิวหนึ่งของกรุงเทพฯที่ผมเคยเห็น ส่วนพนักงานบริการดีและเป็นกันเองดีครับ ถ้าเทียบกับโรงแรมเครือเดียวกันอย่าง Banyan tree ที่อยู่ใกล้ๆกัน ที่นี่จะไม่หรูหราเท่า(แต่ก็ไม่ต่างกันเยอะ) หวือหวาและวัยรุ่นกว่าและแน่นอนวิวดีกว่า…ถ้างบไม่ถึง Banyan tree หรืออยากลองพักโรงแรมที่มีการตกแต่งห้องแตกต่างกัน ลองมาพักที่นี่ดูครับ…สวัสดีครับ
9 มีนาคม เวลา 13:10 น.
9 มีนาคม เวลา 15:33 น.
9 มีนาคม เวลา 20:48 น.
9 มีนาคม เวลา 16:27 น.
9 มีนาคม เวลา 20:48 น.
9 มีนาคม เวลา 16:31 น.
9 มีนาคม เวลา 20:49 น.
9 มีนาคม เวลา 19:27 น.
9 มีนาคม เวลา 20:49 น.
9 มีนาคม เวลา 19:54 น.
9 มีนาคม เวลา 20:50 น.
10 มีนาคม เวลา 00:37 น.
10 มีนาคม เวลา 09:20 น.
10 มีนาคม เวลา 00:45 น.
10 มีนาคม เวลา 09:20 น.
10 มีนาคม เวลา 08:39 น.
10 มีนาคม เวลา 09:21 น.
10 มีนาคม เวลา 12:08 น.
10 มีนาคม เวลา 13:18 น.
10 มีนาคม เวลา 16:07 น.
11 มีนาคม เวลา 08:49 น.
11 มีนาคม เวลา 10:16 น.
11 มีนาคม เวลา 15:53 น.
12 มีนาคม เวลา 10:12 น.
12 มีนาคม เวลา 13:09 น.
12 มีนาคม เวลา 15:54 น.
12 มีนาคม เวลา 19:07 น.
14 มีนาคม เวลา 15:28 น.
15 มีนาคม เวลา 08:06 น.
15 มีนาคม เวลา 11:31 น.
15 มีนาคม เวลา 16:01 น.
หะ-รู-หะ-รา มากครับ
16 มีนาคม เวลา 13:12 น.
16 มีนาคม เวลา 15:06 น.