[CR] รีวิว “Mom Mom’s BBQ” บุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างอาหารเกาหลี 30 เมนูไม่จับเวลา เพียงคนละ 269฿ ติด BTS สะพานควาย
เล่นมือถือไปเรื่อยๆจนเลื่อนมาพบกับโฆษณาร้านปิ้งย่างสไตล์เกาหลีเปิดใหม่ติด BTS สถานีสะพานควายชื่อว่า “Mom Mom’s BBQ” ความน่าสนใจอยู่ที่ราคาเริ่มต้นเพียงคนละ 269 บาทนั่งทานได้ยาวๆไม่จำกัดเวลาโดยเสิร์ฟวัตถุดิบและอาหารเกาหลีปรุงใหม่พร้อมขึ้นโต๊ะรวมกว่า 30 เมนู ใช้เตาอินฟราเรดให้ความร้อนรีดไขมันออกจากเนื้อสัตว์ได้อย่างดีเยี่ยมอีกทั้งยังไร้ควันทานได้อย่างสบายใจ ส่วนวิธีการเดินทางก็สะดวกมากๆหากมาด้วยรถยนต์ให้ปักหมุดที่บิ๊กซีสะพานควายจอด 3 ชั่วโมงแรกคิด 10 บาท ชั่วโมงที่ 4 คิดเพิ่มเป็น 20 บาท ชั่วโมงที่ 5 เป็นต้นไปคิดค่าจอดชั่วโมงละ 50 บาท หากแวะซื้อสินค้าครบ 500 บาทจอดฟรี 5 ชั่วโมง (เกินกว่านั้นคิดราคาชั่วโมงละ 50 บาท) ถ้าเดินทางมาด้วยบริการขนส่งสาธารณะให้ลง BTS สะพานควายประตูทางออก 2 ร้านเป็นตึกแถวอยู่ใต้สะพานลงจากสถานีรถไฟฟ้าพอดี มีจุดสังเกตก็คือตึกสีเทาบานประตูไม้กับกระจกขนาดใหญ่/ดวงไฟ LED เปลี่ยนสีไปเรื่อยๆพร้อมป้ายวงกลมสีขาวสัญลักษณ์จมูกหมูมีใบหูสีชมพูเขียนชื่อภาษาอังกฤษกับเกาหลีแบบนี้แสดงว่ามาถึงแล้วครับ
บรรยากาศภายในร้านมีการตกแต่งเป็นผับเกาหลีพื้นที่เพียง 1 คูหา เปิดให้บริการทั้งหมด 12 โต๊ะ รองรับลูกค้าได้สูงสุดถึง 50 คน แบ่งเป็น 2 ชั้น โดยใช้สไตล์ Loft ตั้งแต่กำแพงลายปูนเปลือยเพดานสูงทำให้ไม่รู้สึกอึดอัด เปิดไฟ LED เขียว/ฟ้า/แดงสลับไปเรื่อยๆ เพิ่มความอบอุ่นด้วยดวงไฟสีเหลือง-สีส้มเปิดแอร์พร้อมพัดลมเย็นฉ่ำชวนให้อยากนั่งนานๆ ส่วนชั้นบนเป็นครัวหลักที่ใช้ปรุงอาหารและมีที่นั่งอีกเล็กน้อยเปิดให้บริการเมื่อชั้น 1 มีลูกค้าแน่นแล้วเท่านั้น แอบสังเกตที่ป้ายสติ๊กเกอร์ตรงกระจกหน้าร้านเขียนว่า Rooftop/Private Party/Meeting Room/Bar และ Cafe ด้วย สอบถามพนักงานได้ความมาว่ากำลังทำอยู่และจะเปิดใช้ในอนาคตหากมีลูกค้ามาให้บริการเยอะขึ้นตามนโยบายของทางร้าน ทุกโต๊ะถูกวางเรียงด้วยเตาอินฟราเรดสมัยใหม่ไร้ควันราคาแพงกับเตาแก๊สเพื่อวางกระทะแบนเกาหลีแท้ๆให้ลูกค้าเลือกได้ด้วยตัวเอง ส่วนเมนูจะมีอะไรให้เราสั่งบ้างมาดูใบรายการที่วางไว้บนโต๊ะกันเลยครับ
รายการอาหารที่ร้านนี้สามารถสั่งได้ทั้งหมด 30 รายการราคาปกติคนละ 299 บาท (เมื่อมาทานเพียงคนเดียว) ลดพิเศษเหลือคนละ 269 บาทเมื่อมาทานตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เด็กส่วนสูงต่ำกว่า 80 ซม. ทานฟรี ถ้าส่วนสูงระหว่าง 80-120 ซม. คิด 135 บาท (จากปกติราคาเต็ม 150 บาท) ประกอบไปด้วยหมูสามชั้นสด-หมักซอสต่างๆ 5 สูตร สันคอหมูหมักซอสโคชูจัง 1 รายการไส้หมูหมักซอสพร้อมย่างอีก 1 นอกนั้นเป็นซุปหม้อร้อน/อาหารทานเล่น/ผักสดกับเครื่องเคียงต่างๆ (มีนอกเหนือจากในใบนี้ด้วย) บุฟเฟ่ต์ที่เห็นทั้งหมดนี้รวมเครื่องดื่มเป็นชาข้าวบาร์เลย์นำเข้าจากเกาหลีเติมได้ไม่อั้นแต่ไม่มีขนมหวานปิดท้าย หากต้องการเครื่องดื่มอื่นๆก็มีให้สั่งทั้ง น้ำอัดลมขวดละ 15 บาท/เบียร์ขวดละ 90 บาทและโซจูอีกหลากหลายรสชาติราคาขวดละ 140 บาท โดยระบบการสั่งของร้านถ้าไม่อยากกินอะไรให้แจ้งพนักงานก่อนแล้วจะถูกนำมาเสิร์ฟทุกเมนูที่เหลืออย่างละ 1 รายการหากยังไม่อิ่มสามารถสั่งเพิ่มได้อีกเรื่อยๆ จากนั้นชุดชาม/ช้อน/ตะเกียบ/ที่คีบและกรรไกรถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะที่เหลือก็แค่รออาหารต่างๆภายในครัวครับผม
ตามสไตล์ร้านอาหารเกาหลีเครื่องเคียงต่างๆต้องถูกยกออกมาเสิร์ฟก่อนเป็นอันดับแรก เริ่มต้นที่ “กิมจิผักกาดขาวล้วน” และ “กิมจิผักกาดขาวผสมต้นหอม” รสชาติของทางร้านดองมาเค็มนำเปรี้ยวตามไม่ติดหวานแช่เย็นเคี้ยวกรุบกรอบสดชื่น ถ้าชอบความเปรี้ยวอมหวานต้องสั่งเป็น “หัวไชเท้าดอง” หั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าขนาดเล็กจึงซึมซับน้ำดองได้อย่างทั่วถึงจนไม่มีกลิ่นฉุนเฉพาะตัวคงเหลืออยู่ในผัก ถาดต่อไปเป็นวัตถุดิบราคาแพงที่ทางร้านกล้าเอามาเสิร์ฟคือ “บีทรูทดอง” ใช้บีทรูทสีแดงปอกเปลือกเหลือแต่เนื้อสีแดงสดเอามาหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าดองน้ำส้มสายชูผสมน้ำตาล-เกลือตามสัดส่วนให้หวานอมเปรี้ยวแต่คงความกรุบกรอบช่วยกำจัดกลิ่นเฉพาะตัวของบีทรูทที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบออกไปจนหมดสิ้น ถาดต่อไปส่วนตัวไม่ค่อยชอบแต่ร้านนี้ต้องสั่งเบิ้ลรัวๆคือ “ปวยเล้งน้ำมันงา” นำไปต้มจนก้าน-ใบอ่อนตัวและบีบน้ำส่วนเกินเพื่อกำจัดกลิ่นเหม็นเขียว คลุกน้ำมันงากับกระเทียมสดปรุงรสด้วยเกลือโรยงาขาวคั่วแช่เย็นก่อนเสิร์ฟรสชาติกลมกล่อมทานง่ายสุดๆ ส่วนผักอื่นๆสำหรับย่างในเตาก็มีให้สั่งมากมาย ทั้งต้นหอมญี่ปุ่น/กระเทียมสไลด์/แครอท/ฟักทอง/พริกหวาน/เห็ดเข็มทอง/เห็ดออเร็นจิและใบผักกาดหอมหรือจะรวบมาเป็น “ชุดผักรวม” จัดมาอย่างสวยงามทางร้านก็ทำให้ได้ สักพักเนื้อสัตว์ต่างๆที่เราสั่งไปก็ถูกยกออกมาเรียงเต็มโต๊ะ
เมนูแรกเป็นจานโปรดสำหรับชาวไทยและเกาหลีเกือบทุกคนก็คือ “หมูสามชั้น” แต่ดูจากสายตาแล้วคุณภาพไม่ธรรมดา เพราะทางร้านดูเอาใจใส่ตั้งแต่ 1. คัดชิ้นที่มีปริมาณเนื้อ-ไขมันสมดุลกันดีมาก 2. ลอกหนังแข็งและไขมันที่อยู่ใต้ชั้นผิวออกไป ทำให้ได้หมูสามชั้นชิ้นใหญ่ที่มีแต่เนื้อสีชมพูแทรกไขมันสีขาวราวกับก้อนหินอ่อนที่สวยงาม อีกทั้งยกปัญหาเคี้ยวเหนียว-ติดฟันน่ารำคาญออกไปอีกด้วย นอกจากนี้ทางร้านยังนำมาหมักกับซอสต่างๆจนเข้าเนื้อมากถึง 4 สูตรด้วยกันก็คือ “หมูสามชั้นหมักพริกไทยดำ” / “หมูสามชั้นหมักผงกะหรี่” / “หมูสามชั้นหมักนุ่มน้ำมันงา” / “หมูสามชั้นหมักโคชูจัง” จึงสามารถเปลี่ยนรสชาติกับความหอมนุ่มละมุนที่แตกต่างกันในมื้อนี้ได้เรื่อยๆไม่มีเบื่อครับ
ถ้าใครไม่ชอบหมูสามชั้นที่ร้านก็มีให้สั่งเป็น “สันคอหมู” เป็นแบบหมักซอสโคชูจังรสหวานเผ็ดนิดๆพร้อมย่างชิ้นใหญ่และหนาพิเศษปริมาณเนื้อแดงเยอะแทรกไขมันเป็นลายหินอ่อนละเอียดจึงนุ่มเคี้ยวง่าย โดยการย่างบนเตาแสงอินฟราเรดนั้นช่วยรีดน้ำมันออกมาได้เยอะมากอยู่แล้ว ทำให้การกินหมูย่างเกาหลีมื้อนี้ไม่ได้รู้สึกเลี่ยนเร็วนักถึงแม้จะเป็นส่วนที่มีไขมันเยอะมากก็ตาม เมนูต่อไปแม้แต่ภัตตาคารย่าน “Korean Town” ก็ไม่ค่อยมีเสิร์ฟและมักจะอยู่ในระดับราคาบุฟเฟ่ต์ค่อนข้างสูงคือ “ไส้หมูย่าง” สูตรของที่ร้านเลือกใช้เฉพาะลำไส้เล็กล้างจนสะอาดไร้กลิ่นเหม็นคาวหั่นเป็นท่อนเล็กก่อนจะหมักด้วยหมักด้วยซอสซีอิ๊วรสหวานเค็มหอมกลิ่นน้ำมันงาก่อนเสิร์ฟ ถือว่าเป็นวัตถุดิบที่ต้องใช้เวลาในการเตรียมการค่อนข้างนานกว่าจะคุณภาพดีระดับนี้ แต่เอามาเสิร์ฟให้ทานไม่อั้นประทับใจมากเลยครับผม
เมนูต่อมาไม่มีให้สั่งในรายการบุฟเฟ่ต์แต่วันที่เราไปถึงทางร้านกำลังจัดโปรโมชั่นให้ลูกค้าฟรีทุกโต๊ะก็คือ “บูเดจิเก” ปกติราคาหม้อละ 159 บาท ถ้าสั่งคู่กับบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างลดราคาพิเศษเหลือเพียงหม้อละ 99 บาท ซึ่งประกอบไปด้วยวัตถุดิบต่างๆมากมายทั้งเส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเกาหลี/ปูอัด/เต้าหู้ปลา/ไส้กรอกรมควัน/โบโลน่า/หอมหัวใหญ่/ฟักทอง/แครอท/เห็ดออเร็นจิ/เห็ดเข็มทองและต้นหอมญี่ปุ่น ก่อนเปิดเตาแก๊สใส่น้ำซุปโคชูจังรสหวานเผ็ดร้อนลงไปปล่อยให้เดือดเต็มที่ก็พร้อมทานได้ทันที คีบทานเส้นกับเครื่องต่างๆภายในหม้อจนหมดแล้วเรายังสามารถสั่งวัตถุดิบอื่นๆจากรายการบุฟเฟ่ต์ลงไปต้มกลายเป็นเมนูเกาหลีแบบใหม่ตามความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละท่านได้เลยครับผม
เมนูเกาหลีปรุงสำเร็จพร้อมทานของที่ร้านก็รสชาติไม่ธรรมดาเริ่มจาก “ต๊อกโปกี” เป็นแป้งข้าวยาวทรงกระบอกเอามาต้มในซุปสาหร่ายผสมแองโชวี่ตากแห้งเกาหลีปรุงรสด้วยโคชูจังให้เค็มกลมกล่อมหวานนำมีความเผ็ดร้อนเล็กน้อย เพิ่มโปรตีนอีกหน่อยด้วยลูกชิ้นปลาก่อนจะโรยหน้าด้วยต้นหอมญี่ปุ่นก่อนเสิร์ฟ โดยสูตรของที่ร้านนี้จะมีความคล้ายครีมนมผสมอยู่จึงละมุนนุ่มนวลทานง่าย ต๊อกต้มมาสุกใสดูดซึมซับน้ำซอสเข้าไปอย่างเต็มที่เพราะตุ๋นไฟอ่อนๆพร้อมทานอยู่เสมอ หม้อต่อไปเป็นซุปที่ทุกร้านอาหารเกาหลีต้องเสิร์ฟคือ “ซุปกิมจิ” สูตรของร้านนี้ใช้กิมจิทำมือเองรสชาติเค็มนำไม่เปรี้ยวแบบแกงส้มไทย อีกทั้งหมูสามชั้น-เต้าหู้ที่ใส่ลงไปถูกตุ๋นกับเท็นจังรสหวานเค็มกลมกล่อมเข้าเนื้อก่อนเอามาผสมกับกิมจิจึงมีมิติความอร่อยมากกว่าร้านอื่นๆ พนักงานที่เสิร์ฟแอบเดินมาบอกเคล็ดลับพิเศษก็คือวางหม้อตุ๋นบนไฟเบานานๆทั้งหม้อให้ทุกอย่างกลมกล่อมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันจนได้รสชาติดีเยี่ยมอย่างที่เห็นครับผม
หม้อต่อไปถูกยกมามองผ่านๆนึกว่าซุปน้ำใสธรรมดาแต่ที่จริงมันคือ “ซุปสาหร่ายเกาหลี” โดยเบสพื้นฐานตั้งต้นมาจากคอมบุต้มกับดาชิใส่หมูสามชั้นตุ๋นจนได้ความกลมกล่อม-อูมามิ ส่วนชิ้นเนื้อสาหร่ายละลายกระจายอยู่ในชามซดร้อนๆคล่องคอดี เมนูถัดมาเป็นอาหารสุดฮิตยามเช้าที่เร่งรีบของคนเกาหลีนั่นคือ “คิมบับ” ใช้ข้าวญี่ปุ่นเมล็ดอ้วนกลมปรุงรสเค็มอ่อนๆห่อด้วยสาหร่ายแผ่นทาน้ำมันงาสอดไส้ด้วยเครื่องต่างๆอัดแน่นทั้ง แฮม/ไชเท้าดอง/แตงกวา/แครอทและไข่เจียวเส้นไว้กินเล่นเปล่าๆหรือจุ่มลงในต๊อกโปกีแทนซอสสไตล์เกาหลีแท้ๆก็อร่อยไปอีกแบบนึงครับผม
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
บรรยากาศภายในร้านมีการตกแต่งเป็นผับเกาหลีพื้นที่เพียง 1 คูหา เปิดให้บริการทั้งหมด 12 โต๊ะ รองรับลูกค้าได้สูงสุดถึง 50 คน แบ่งเป็น 2 ชั้น โดยใช้สไตล์ Loft ตั้งแต่กำแพงลายปูนเปลือยเพดานสูงทำให้ไม่รู้สึกอึดอัด เปิดไฟ LED เขียว/ฟ้า/แดงสลับไปเรื่อยๆ เพิ่มความอบอุ่นด้วยดวงไฟสีเหลือง-สีส้มเปิดแอร์พร้อมพัดลมเย็นฉ่ำชวนให้อยากนั่งนานๆ ส่วนชั้นบนเป็นครัวหลักที่ใช้ปรุงอาหารและมีที่นั่งอีกเล็กน้อยเปิดให้บริการเมื่อชั้น 1 มีลูกค้าแน่นแล้วเท่านั้น แอบสังเกตที่ป้ายสติ๊กเกอร์ตรงกระจกหน้าร้านเขียนว่า Rooftop/Private Party/Meeting Room/Bar และ Cafe ด้วย สอบถามพนักงานได้ความมาว่ากำลังทำอยู่และจะเปิดใช้ในอนาคตหากมีลูกค้ามาให้บริการเยอะขึ้นตามนโยบายของทางร้าน ทุกโต๊ะถูกวางเรียงด้วยเตาอินฟราเรดสมัยใหม่ไร้ควันราคาแพงกับเตาแก๊สเพื่อวางกระทะแบนเกาหลีแท้ๆให้ลูกค้าเลือกได้ด้วยตัวเอง ส่วนเมนูจะมีอะไรให้เราสั่งบ้างมาดูใบรายการที่วางไว้บนโต๊ะกันเลยครับ
รายการอาหารที่ร้านนี้สามารถสั่งได้ทั้งหมด 30 รายการราคาปกติคนละ 299 บาท (เมื่อมาทานเพียงคนเดียว) ลดพิเศษเหลือคนละ 269 บาทเมื่อมาทานตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เด็กส่วนสูงต่ำกว่า 80 ซม. ทานฟรี ถ้าส่วนสูงระหว่าง 80-120 ซม. คิด 135 บาท (จากปกติราคาเต็ม 150 บาท) ประกอบไปด้วยหมูสามชั้นสด-หมักซอสต่างๆ 5 สูตร สันคอหมูหมักซอสโคชูจัง 1 รายการไส้หมูหมักซอสพร้อมย่างอีก 1 นอกนั้นเป็นซุปหม้อร้อน/อาหารทานเล่น/ผักสดกับเครื่องเคียงต่างๆ (มีนอกเหนือจากในใบนี้ด้วย) บุฟเฟ่ต์ที่เห็นทั้งหมดนี้รวมเครื่องดื่มเป็นชาข้าวบาร์เลย์นำเข้าจากเกาหลีเติมได้ไม่อั้นแต่ไม่มีขนมหวานปิดท้าย หากต้องการเครื่องดื่มอื่นๆก็มีให้สั่งทั้ง น้ำอัดลมขวดละ 15 บาท/เบียร์ขวดละ 90 บาทและโซจูอีกหลากหลายรสชาติราคาขวดละ 140 บาท โดยระบบการสั่งของร้านถ้าไม่อยากกินอะไรให้แจ้งพนักงานก่อนแล้วจะถูกนำมาเสิร์ฟทุกเมนูที่เหลืออย่างละ 1 รายการหากยังไม่อิ่มสามารถสั่งเพิ่มได้อีกเรื่อยๆ จากนั้นชุดชาม/ช้อน/ตะเกียบ/ที่คีบและกรรไกรถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะที่เหลือก็แค่รออาหารต่างๆภายในครัวครับผม
ตามสไตล์ร้านอาหารเกาหลีเครื่องเคียงต่างๆต้องถูกยกออกมาเสิร์ฟก่อนเป็นอันดับแรก เริ่มต้นที่ “กิมจิผักกาดขาวล้วน” และ “กิมจิผักกาดขาวผสมต้นหอม” รสชาติของทางร้านดองมาเค็มนำเปรี้ยวตามไม่ติดหวานแช่เย็นเคี้ยวกรุบกรอบสดชื่น ถ้าชอบความเปรี้ยวอมหวานต้องสั่งเป็น “หัวไชเท้าดอง” หั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าขนาดเล็กจึงซึมซับน้ำดองได้อย่างทั่วถึงจนไม่มีกลิ่นฉุนเฉพาะตัวคงเหลืออยู่ในผัก ถาดต่อไปเป็นวัตถุดิบราคาแพงที่ทางร้านกล้าเอามาเสิร์ฟคือ “บีทรูทดอง” ใช้บีทรูทสีแดงปอกเปลือกเหลือแต่เนื้อสีแดงสดเอามาหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าดองน้ำส้มสายชูผสมน้ำตาล-เกลือตามสัดส่วนให้หวานอมเปรี้ยวแต่คงความกรุบกรอบช่วยกำจัดกลิ่นเฉพาะตัวของบีทรูทที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบออกไปจนหมดสิ้น ถาดต่อไปส่วนตัวไม่ค่อยชอบแต่ร้านนี้ต้องสั่งเบิ้ลรัวๆคือ “ปวยเล้งน้ำมันงา” นำไปต้มจนก้าน-ใบอ่อนตัวและบีบน้ำส่วนเกินเพื่อกำจัดกลิ่นเหม็นเขียว คลุกน้ำมันงากับกระเทียมสดปรุงรสด้วยเกลือโรยงาขาวคั่วแช่เย็นก่อนเสิร์ฟรสชาติกลมกล่อมทานง่ายสุดๆ ส่วนผักอื่นๆสำหรับย่างในเตาก็มีให้สั่งมากมาย ทั้งต้นหอมญี่ปุ่น/กระเทียมสไลด์/แครอท/ฟักทอง/พริกหวาน/เห็ดเข็มทอง/เห็ดออเร็นจิและใบผักกาดหอมหรือจะรวบมาเป็น “ชุดผักรวม” จัดมาอย่างสวยงามทางร้านก็ทำให้ได้ สักพักเนื้อสัตว์ต่างๆที่เราสั่งไปก็ถูกยกออกมาเรียงเต็มโต๊ะ
เมนูแรกเป็นจานโปรดสำหรับชาวไทยและเกาหลีเกือบทุกคนก็คือ “หมูสามชั้น” แต่ดูจากสายตาแล้วคุณภาพไม่ธรรมดา เพราะทางร้านดูเอาใจใส่ตั้งแต่ 1. คัดชิ้นที่มีปริมาณเนื้อ-ไขมันสมดุลกันดีมาก 2. ลอกหนังแข็งและไขมันที่อยู่ใต้ชั้นผิวออกไป ทำให้ได้หมูสามชั้นชิ้นใหญ่ที่มีแต่เนื้อสีชมพูแทรกไขมันสีขาวราวกับก้อนหินอ่อนที่สวยงาม อีกทั้งยกปัญหาเคี้ยวเหนียว-ติดฟันน่ารำคาญออกไปอีกด้วย นอกจากนี้ทางร้านยังนำมาหมักกับซอสต่างๆจนเข้าเนื้อมากถึง 4 สูตรด้วยกันก็คือ “หมูสามชั้นหมักพริกไทยดำ” / “หมูสามชั้นหมักผงกะหรี่” / “หมูสามชั้นหมักนุ่มน้ำมันงา” / “หมูสามชั้นหมักโคชูจัง” จึงสามารถเปลี่ยนรสชาติกับความหอมนุ่มละมุนที่แตกต่างกันในมื้อนี้ได้เรื่อยๆไม่มีเบื่อครับ
ถ้าใครไม่ชอบหมูสามชั้นที่ร้านก็มีให้สั่งเป็น “สันคอหมู” เป็นแบบหมักซอสโคชูจังรสหวานเผ็ดนิดๆพร้อมย่างชิ้นใหญ่และหนาพิเศษปริมาณเนื้อแดงเยอะแทรกไขมันเป็นลายหินอ่อนละเอียดจึงนุ่มเคี้ยวง่าย โดยการย่างบนเตาแสงอินฟราเรดนั้นช่วยรีดน้ำมันออกมาได้เยอะมากอยู่แล้ว ทำให้การกินหมูย่างเกาหลีมื้อนี้ไม่ได้รู้สึกเลี่ยนเร็วนักถึงแม้จะเป็นส่วนที่มีไขมันเยอะมากก็ตาม เมนูต่อไปแม้แต่ภัตตาคารย่าน “Korean Town” ก็ไม่ค่อยมีเสิร์ฟและมักจะอยู่ในระดับราคาบุฟเฟ่ต์ค่อนข้างสูงคือ “ไส้หมูย่าง” สูตรของที่ร้านเลือกใช้เฉพาะลำไส้เล็กล้างจนสะอาดไร้กลิ่นเหม็นคาวหั่นเป็นท่อนเล็กก่อนจะหมักด้วยหมักด้วยซอสซีอิ๊วรสหวานเค็มหอมกลิ่นน้ำมันงาก่อนเสิร์ฟ ถือว่าเป็นวัตถุดิบที่ต้องใช้เวลาในการเตรียมการค่อนข้างนานกว่าจะคุณภาพดีระดับนี้ แต่เอามาเสิร์ฟให้ทานไม่อั้นประทับใจมากเลยครับผม
เมนูต่อมาไม่มีให้สั่งในรายการบุฟเฟ่ต์แต่วันที่เราไปถึงทางร้านกำลังจัดโปรโมชั่นให้ลูกค้าฟรีทุกโต๊ะก็คือ “บูเดจิเก” ปกติราคาหม้อละ 159 บาท ถ้าสั่งคู่กับบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างลดราคาพิเศษเหลือเพียงหม้อละ 99 บาท ซึ่งประกอบไปด้วยวัตถุดิบต่างๆมากมายทั้งเส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเกาหลี/ปูอัด/เต้าหู้ปลา/ไส้กรอกรมควัน/โบโลน่า/หอมหัวใหญ่/ฟักทอง/แครอท/เห็ดออเร็นจิ/เห็ดเข็มทองและต้นหอมญี่ปุ่น ก่อนเปิดเตาแก๊สใส่น้ำซุปโคชูจังรสหวานเผ็ดร้อนลงไปปล่อยให้เดือดเต็มที่ก็พร้อมทานได้ทันที คีบทานเส้นกับเครื่องต่างๆภายในหม้อจนหมดแล้วเรายังสามารถสั่งวัตถุดิบอื่นๆจากรายการบุฟเฟ่ต์ลงไปต้มกลายเป็นเมนูเกาหลีแบบใหม่ตามความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละท่านได้เลยครับผม
เมนูเกาหลีปรุงสำเร็จพร้อมทานของที่ร้านก็รสชาติไม่ธรรมดาเริ่มจาก “ต๊อกโปกี” เป็นแป้งข้าวยาวทรงกระบอกเอามาต้มในซุปสาหร่ายผสมแองโชวี่ตากแห้งเกาหลีปรุงรสด้วยโคชูจังให้เค็มกลมกล่อมหวานนำมีความเผ็ดร้อนเล็กน้อย เพิ่มโปรตีนอีกหน่อยด้วยลูกชิ้นปลาก่อนจะโรยหน้าด้วยต้นหอมญี่ปุ่นก่อนเสิร์ฟ โดยสูตรของที่ร้านนี้จะมีความคล้ายครีมนมผสมอยู่จึงละมุนนุ่มนวลทานง่าย ต๊อกต้มมาสุกใสดูดซึมซับน้ำซอสเข้าไปอย่างเต็มที่เพราะตุ๋นไฟอ่อนๆพร้อมทานอยู่เสมอ หม้อต่อไปเป็นซุปที่ทุกร้านอาหารเกาหลีต้องเสิร์ฟคือ “ซุปกิมจิ” สูตรของร้านนี้ใช้กิมจิทำมือเองรสชาติเค็มนำไม่เปรี้ยวแบบแกงส้มไทย อีกทั้งหมูสามชั้น-เต้าหู้ที่ใส่ลงไปถูกตุ๋นกับเท็นจังรสหวานเค็มกลมกล่อมเข้าเนื้อก่อนเอามาผสมกับกิมจิจึงมีมิติความอร่อยมากกว่าร้านอื่นๆ พนักงานที่เสิร์ฟแอบเดินมาบอกเคล็ดลับพิเศษก็คือวางหม้อตุ๋นบนไฟเบานานๆทั้งหม้อให้ทุกอย่างกลมกล่อมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันจนได้รสชาติดีเยี่ยมอย่างที่เห็นครับผม
หม้อต่อไปถูกยกมามองผ่านๆนึกว่าซุปน้ำใสธรรมดาแต่ที่จริงมันคือ “ซุปสาหร่ายเกาหลี” โดยเบสพื้นฐานตั้งต้นมาจากคอมบุต้มกับดาชิใส่หมูสามชั้นตุ๋นจนได้ความกลมกล่อม-อูมามิ ส่วนชิ้นเนื้อสาหร่ายละลายกระจายอยู่ในชามซดร้อนๆคล่องคอดี เมนูถัดมาเป็นอาหารสุดฮิตยามเช้าที่เร่งรีบของคนเกาหลีนั่นคือ “คิมบับ” ใช้ข้าวญี่ปุ่นเมล็ดอ้วนกลมปรุงรสเค็มอ่อนๆห่อด้วยสาหร่ายแผ่นทาน้ำมันงาสอดไส้ด้วยเครื่องต่างๆอัดแน่นทั้ง แฮม/ไชเท้าดอง/แตงกวา/แครอทและไข่เจียวเส้นไว้กินเล่นเปล่าๆหรือจุ่มลงในต๊อกโปกีแทนซอสสไตล์เกาหลีแท้ๆก็อร่อยไปอีกแบบนึงครับผม
******* เกิน 10,000 ตัวอักษร ขออนุญาตเขียนรีวิวต่อในช่อง Comment แทนนะครับ *******
ชื่อสินค้า: Mom Mom’s BBQ
คะแนน:
0.5
1.0
1.5
2.0
2.5
3.0
3.5
4.0
4.5
5.0
CR – Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
- – จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
- – ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
Food Addicts
9 มีนาคม เวลา 12:24 น.
9 มีนาคม เวลา 12:24 น.
แหล่งที่มา pantip.com
นอกจากนี้ก็ยังมี “ไส้กรอก” ที่ร้านใช้เป็นแบบไก่รมควันเกรดทั่วไปสอดคล้องราคาบุฟเฟ่ต์หั่นชิ้นพอดีคำสำหรับใส่ในหม้อบูเดจิเกหรือจะเอามาย่างบนเตาอินฟราเรดก็ได้ตามใจ ใครที่เป็นสายคาร์โบไฮเดรตไม่งั้นจะรู้สึกไม่ค่อยอยู่ท้องทางร้านก็มี “ข้าวเกาหลี” เป็นข้าวสวยเมล็ดรีแต่ไม่ยาวเท่าหอมมะลิของไทยหุงมานุ่มหอมแต่ไม่หนึบหนับมันวาวเหมือนของญี่ปุ่นถือเป็นข้าวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่น้องพนักงานยืนยันเลยว่าเป็นสายพันธุ์เกาหลีแท้ๆ โรยด้านบนด้วยงาดำเพิ่งสีสันอีกนิดหน่อยทานคู่กับปิ้งย่าง/ซุปหรือบูเดจิเกร้อนๆก็ฟินถึงใจ แล้วอย่างที่เราบอกไปในเบื้องต้นว่าบุฟเฟ่ต์รวมเครื่องดื่มเป็น “ชาข้าวบาร์เลย์” นำเข้าจากประเทศเกาหลีมีกลิ่นหอมใบชาผสมมอลต์สดชื่นเพิ่มน้ำเชื่อมลงไปนิดหน่อยให้หวานกำลังดีซึ่งต่างจากภัตตาคารหลายแห่งที่มักจะเสิร์ฟแบบจืดกันเป็นส่วนใหญ่ ส่วนน้ำจิ้มที่ร้านเสิร์ฟให้ด้วยกัน 3 สูตรก็คือ 1. ซัมจังสีแดงเข้มข้น 2. เท็นจังเกาหลีปรุงรสพิเศษ 3. น้ำจิ้มซีฟู้ดสไตล์ไทย ตอนนี้เมนูทุกอย่างที่สั่งไปมาวางบนโต๊ะครบหมดแล้วจัดการถ่ายรูปให้เรียบร้อยแล้วมาเริ่มเปิดเตาย่างพร้อมลุยกันได้เลยครับ
เตาย่างที่ร้านนี้ใช้ของดีมีคุณภาพอย่าง “Sheepola” ที่ให้ความร้อนจากด้านบนด้วยโคมไฟยิงแสงอินฟราเรดสีส้มส่งตรงเข้าไปที่อาหารเพื่อทำให้สุก ด้านล่างเป็นกระทะเคลือบเทฟล่อนกันติดมีช่องระบายไขมันส่วนเกินให้ไหลลงในช่องตรงกลาง พร้อมคุณสมบัติพิเศษคือสามารถกดปุ่มให้กระทะหมุนเพื่อกระจายความร้อนได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น ส่วนวิธีการใช้ก็ง่ายๆแค่เอาเนื้อสัตว์ที่เราอยากทานลงไปวางในกระทะจากนั้นหมุนไฟไปที่เบอร์ 1-2 แนะนำว่าไม่เกินนี้เพราะเตาร้อนแรงและเร็วมากซึ่งเนื้ออาจจะไหม้ก่อน แล้วเปิดสวิตช์ให้กระทะหมุนไปเรื่อยๆจนกว่าจะสุก 1 ด้านจึงค่อยพลิกแล้วปล่อยให้เตาย่างต่อจนได้ระดับความสุกที่ต้องการทั้งชิ้น ใช้ที่คีบกับกรรไกรตัดให้เป็นชิ้นพอคำก็พร้อมลุยได้ทันทีซึ่งระหว่างนี้แนะนำให้เปิดอินฟราเรดเบาๆเพื่อรักษาอุณหภูมิของเนื้อสัตว์ให้อุ่นพร้อมกินอยู่เสมอด้วยครับ
เนื้อสัตว์ต่างๆส่วนใหญ่ถูกหมักมานุ่มเข้าเนื้อและมีรสชาติเป็นของตัวเองอยู่แล้วนิดหน่อย แต่ถ้าจิ้มกับซอสสูตรพิเศษของทางร้านจะช่วยเพิ่มความอร่อยให้เพิ่มมากยิ่งขึ้นอีกหลายเท่า เริ่มต้นที่ 1. ซอสเท็นจังหรือซีอิ๊วเกาหลีที่ปรุงรสให้เค็มหวานอมเปรี้ยวนิดๆพอกลมกล่อมผสมน้ำมันงาแล้วโรยหน้าด้วยงาขาวคั่วหอมๆ สัมผัสของน้ำจิ้มค่อนข้างใสแต่โดยรวมถือว่าทานง่ายได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ช่วยเพิ่มความกลมกล่อมให้หมูย่างปกติอร่อยขึ้น เหมาะกับสายเน้นเนื้อที่ไม่อยากห่อผักให้เปลืองพื้นที่ในกระเพาะ 2. ซอสซัมจังหรือน้ำจิ้มปิ้งย่างสไตล์เกาหลีแท้ซึ่งสูตรของที่ร้านนี้ปรุงใหม่ให้รสชาติเปรี้ยวหวานหอมกลิ่นซอสโคชูจังผสมน้ำมันงาเข้มข้นกินเปล่าๆก็อร่อย หรือจะนำไปห่อด้วยผักสดเพิ่มกิมจิ/กระเทียมสไลด์/พริกหยวกหรือข้าวสวยลงไปก่อนห่อเข้าปากก็อร่อยได้อารมณ์เดียวกับในซีรีส์ชื่อดัง 3. น้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรของทางร้านเน้นทานได้ง่ายๆทุกคนจึงไม่ค่อยจี๊ดจ๊าดถึงเครื่องเผ็ดเปรี้ยวหอมมะนาวโดนใจ จึงได้รสชาติจุดตรงกลางเน้นความกลมกล่อมเข้ากับหมูย่างราวกับกำลังทานเมนู “หมูมะนาว” หรือจะเอาไว้จิ้มทานกับปูอัดก็เข้ากันอีกแบบนึงครับ นอกจากนี้ยังมีเมนู “สามชั้นพันเห็ดเข็มทอง” ด้วยแต่วันที่เราไปทานสามชั้นสไลด์บางหมดพอดี โดยชุดเริ่มต้นที่ทางร้านเสิร์ฟมาก็แทบจุกแล้วได้สั่งจานที่ชอบมาเพิ่มอีกนิดหน่อย เรียกพนักงานมาคิดเงินกันเลยครับผม
มื้อนี้ผมมาด้วยกันกับแฟน 2 คนจ่ายไปแค่ 538 บาท (ไม่มี Vat. กับ Service Charge มาบวกเพิ่ม) อีกทั้งทางร้านยังรับจ่ายผ่านโครงการ “คนละครึ่ง” ก็เหลือแค่คนละ 134.50 บาท เทียบกับคู่แข่งที่อยู่ใกล้กันในย่านนี้ถือว่าเหนือกว่าทุกด้าน ทั้งวัตถุดิบ/ราคา/รสชาติ/นั่งได้ไม่จำกัดเวลาไปจนถึงที่ตั้งร้านติด BTS สะพานควายแบบไม่ต้องเดินไกลจนเหนื่อยแบบนี้ร้าน “Mom Mom’s BBQ” จึงไม่มีเหตุผลที่ควรจะพลาดเลยแม้แต่น้อย ดีขนาดนี้ได้รับคะแนนความอร่อยและคุ้มค่าสุดๆไปเลย 5 ดาวเต็มครับ 🌟🌟🌟🌟🌟
พิกัด : BTS สะพานควาย ทางออก 2 เลขที่ 670/54 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. 10400
เปิดให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุดตั้งแต่เวลา 11.00-22.00 น. (อาจมีการปรับเปลี่ยนตามนโยบายของรัฐบาล)
โทร. 061-791-7952
Facebook : www.facebook.com/Mom-Moms-BBQ-106948135251381
ลิงค์ Google Maps : https://goo.gl/maps/8v9sWadGjx67bQKe6
ตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <
อย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเราด้วยนะ 😘😘😘
9 มีนาคม เวลา 12:30 น.
9 มีนาคม เวลา 16:14 น.
9 มีนาคม เวลา 18:55 น.
10 มีนาคม เวลา 07:33 น.
10 มีนาคม เวลา 12:04 น.
10 มีนาคม เวลา 13:18 น.
10 มีนาคม เวลา 13:52 น.
11 มีนาคม เวลา 09:43 น.
12 มีนาคม เวลา 00:10 น.
12 มีนาคม เวลา 09:52 น.
12 มีนาคม เวลา 16:03 น.