[CR] รีวิว…เที่ยวบึงกาฬ 2 ภู 4 วัด 2 ตลาด…(ภาค 1 ที่พักและที่เที่ยว) pantip

[CR] รีวิว…เที่ยวบึงกาฬ 2 ภู 4 วัด 2 ตลาด…(ภาค 1 ที่พักและที่เที่ยว)

            สวัสดีอีกครั้งครับชาวพันทิป…หลังจากเที่ยวหนองคายสองสามวันก็มาต่อกันที่จังหวัดสุดท้ายในทริปอีสานของผมรอบนี้แล้วครับ…จังหวัดบึงกาฬเป็นจังหวัดยอดฮิตในตอนนี้ แต่เหมือนกับคนที่มาจะมุ่งไปที่ที่เดียวกันหมด แล้วที่อื่นๆมีอะไรให้เที่ยวบ้าง…ต้องไปดูให้เห็นกับตาแหละครับ

           กระทู้นี้แบ่งเป็นสองส่วนนะครับแยกที่พักที่เที่ยวไว้กระทู้นี้ ส่วนร้านอาหารจะไปอยู่อีกกระทู้หนึ่ง แต่ถ้าเป็นร้านที่แวะทานจะอยู่ในนี้เลย กระทู้ยาวหน่อยครับ เพราะที่เที่ยวที่กินเยอะใช้ได้เลย…เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเลวา…แฮ่…เวลา ไปกันเลยครับ

           การเดินทางจากหนองคายไปบึงกาฬง่ายกว่าจากจังหวัดเลยมาหนองคายมาก…ถึงจะเป็นเส้นทางเลาะแม่น้ำโขงแต่ถนนกว้างกว่า วิ่งสบายกว่าเยอะ ขับรถไม่นานนักก็มาถึงบังกาฬ…ก่อนจะไปเที่ยว เข้าโรงแรมเก็บสัมภาระก่อนครับ

          ตัวเมืองบึงกาฬมีโรงแรมให้เลือกไม่มากนัก และเท่าที่ดู The One Hotel บึงกาฬดูจะมีมาตรฐานที่สุดและให้ความสบายกับผมได้ตลอดทริปเลยจองที่นี่ไป…ตอนที่จองไปโรงแรมร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกันทำให้ประหยัดค่าห้องไปได้โขเลยครับ

          ตัวโรงแรมอยู่ในทำเลที่ดีเลยครับ ใกล้สี่แยกบึงกาฬและที่สำคัญติด Tesco Lotus บึงกาฬแบบติดรั้วเลยครับ มีช่องทางไปโลตัสจากโรงแรมด้วยไม่ต้องเดินออกไปข้างนอก…แจ่ม

          โรงแรมมีที่จอดรถรองรับเยอะมากครับ เพราะมีห้องจัดประชุมขนาดใหญ่อยู่ด้วยเรียกว่าเป็นโรงแรมที่ครบเครื่องในจังหวัดบึงกาฬเลยครับ

          พื้นที่ต้อนรับและเคาท์เตอร์เช็คอินชั้นล่างออกแบบสวยดีครับ มีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นผสมอยู่ด้วยที่นั่งพักคอยแบบไม้ๆตัดกับผนังสีขาวดูอบอุ่นสบายตาดี พื้นที่พักคอยตรงนี้มีที่นั่งให้เลือกหลายจุดอยู่ครับ ส่วนเคาท์เตอร์เช็คอินก็เป็นเคาท์เตอร์ง่ายๆครับ


          คราวนี้ผมพักห้องพัก 2 แบบครับเพราะว่าในคืนสุดท้ายห้องไม่ว่าง ห้องแบบแรกเป็นห้อง “แกรนด์ดีลักซ์” ขนาดห้องใหญ่โตมาก ถ้าอยู่ 2 คนนี่สบายๆเลยครับ ห้องแบ่งเป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนดูโทรทัศน์กับส่วนเตียงนอน ซึ่งถ้าจะดูโทรทัศน์จากเตียงนี่ลำบากเลยครับ โทรทัศน์เล็กไปและรีโมทก็ยิงไม่ถึง ไปนั่งใกล้ๆแล้วกันครับ เตียงนอนใหญ่นอนสบายดีครับ ห้องน้ำขนาดเพียงพอต่อการใช้งานมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆมาให้ครบถ้วน

           คืนสุดท้ายผมย้ายไปห้อง “เดอะ วัน สวีท” ที่เป็นห้องขนาดใหญ่สุดของที่นี่ จริงๆขนาดของห้องผมว่าไม่ต่างจากห้องก่อนหน้านี้มากนักครับ แต่สิ่งที่ต่างคือการแบ่งห้องนอนออกไปแบบเป็นสัดส่วน การตกแต่งห้องจะดูหรูหรากว่าเล็กน้อย เตียงนอนสบายเหมือนกัน

           ห้องน้ำขนาดใหญ่กว่าห้องก่อนหน้านี้ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในห้องน้ำมีมาให้ครบถ้วนหน้าห้องน้ำยังมีโต๊ะแต่งหน้าขนาดค่อนข้างใหญ่อีก 1 ตัว

          ชั้นล่างของโรงแรมมีร้านอาหารด้วยนะครับ บริการอาหารเช้าและมื้ออื่นๆ ผมอยู่ที่นี่หลายวันเลยมีโอกาสได้ทานอาหารมื้อกลางวันของโรงแรม มีอะไรน่าสนใจไปดูกันครับ

           รายการอาหารมีให้เลือกหลากหลายดีครับ จะเป็นกับข้าวหรืออาหารจานเดียวก็ตามสะดวก ราคาเมื่อเทียบว่านี่เป็นอาหารโรงแรมก็ดูจะสมเหตุสมผล ไม่แพงเกินไปแต่ก็ไม่ใช่มื้อราคาถูกแน่นอน ชุดจานช้อนส้อมมาในถุงแยกของใครของมันดูสะอาดดีครับ

          ปริมาณอาหารที่ให้มาเยอะพอสมควรครับ ทานสามคนสบายๆไม่ต้องแย่งกัน ข้าวอบสับปะรดปริมาณเยอะมาก กุ้งตัวโตใช้ได้ รสชาติออกหวานนำนิดๆ เด็กทานได้ผู้ใหญ่ทานดี ราดหน้ามาแนวแปลก เอาเส้นไปทอดก่อน ได้กลิ่นทอดแล้วก็กลิ่นแป้งแปลกปากดี ส่วนรสชาติน้ำราดหน้าผมว่าออกกลางๆหน่อย หมูกรอบก็ดีครับ กรอบสะใจ รสชาติออกเค็มนิดๆ ต้มยำไก่ใบมะขามอ่อนรสชาติจี๊ดจ๊าด เปรี้ยว เผ็ด เค็มครบ

          คิดราคาออกมามื้อนี้ 800 บาท ถือว่าราคาสูงเมื่อเทียบกับร้านอื่นๆในย่านนี้ซึ่งมันแน่นอนอยู่แล้ว แต่ถ้าเทียบกับปริมาณและรสชาติผมถือว่าใช้ได้ครับ คุ้มค่าคุ้มราคา

          อาหารเช้าที่นี่ก็หลากหลายดีครับ มีให้เลือกหลายอย่าง มีทั้งอาหารถิ่นอย่างข้าวเปียกเส้น น้ำพริก เป็นอาหารเช้าที่ทานเอาอิ่มได้เลย

          หน้าโรงแรมมีจักรยานให้เช่าปั่นไปเที่ยวได้ แต่ก็ไม่รู้จะปั่นไปไหนล่ะครับ จะไปริมโขงก็ต้องข้ามถนนเส้นใหญ่ให้เสียวสิบล้อเอาไปกิน เอาเป็น ขี่ไปเที่ยวโลตัสแล้วกัน ด้านข้างของอาคารห้องพักมีสระขนาดใหญ่อยู่ ถ้าดูใน Google เดิมจะเป็นสระว่ายน้ำแบบฟรีฟอร์มพร้อมเครื่องเล่น แต่ปัจจุบันไม่รู้ใช่สระว่ายน้ำหรือเปล่า ทรงมันเหมือนใช่แต่มันไม่มีบันไดขึ้นอ่ะ…โอเคครับ ชมโรงแรมมาประมาณหนึ่งแล้ว เก็บกระเป๋าแล้วไปเที่ยวกันดีกว่า

          เริ่มที่แรกซึ่งเป็นที่เที่ยวยอดนิยมของบึงกาฬ “ภูทอก” ทริปอีสานคราวนี้ได้ไปภูทอกสองที่เลย จังหวัดเลยที่หนึ่งและที่นี่…แต่มันช่างต่างกันแบบคนละเรื่องเลยครับ


          ภูทอกจังหวัดบึงกาฬเป็นพื้นที่ทีอยู่ในวัดภูทอก หรือ วัดเจติยาคีรีวิหาร ห่างจากตัวเมืองบึงกาฬประมาณ 47 กม.ใช้เวลาขับรถประมาณ 45 นาที ผมไปถึงวัดแต่เช้าเพราะกลัวว่าถ้าสายๆไปจะร้อน เข้ามาในวัดนึกว่าผิดที่…คือคาดไว้ว่าคนจะเยอะ แต่กลายเป็นว่าไม่มีคนเลยครับ

          จอดรถเสร็จเดินเข้าไปข้างในก็เจอประตูทางขึ้นเขา มีป้ายเตือนและขอความร่วมมืออยู่หลายป้าย โดยสรุปคือเป็นเรื่องการแต่งกายและความสำรวมตอนเดินขึ้นเขา เพราะที่นี่เป็นสถานปฏิบัติธรรม ต้องการความสงบ…ใครมาเยี่ยมเยียนที่นี่ก็เคารพสถานที่ด้วยนะครับ

          ตามประวัติ วัดภูทอกก่อตั้งขึ้นตั้งแต่พ.ศ.2483 โดยพระอาจารย์จวน กุลเชฎโฐ มาบำเพ็ญเพียรอยู่ที่อำเภอเซกา จังหวัดหนองคาย เกิดนิมิตรเห็นปราสาทสวยงามสองหลังอยู่ที่ภูทอกน้อย จึงเดินทางมาตามที่เห็นในนิมิตรเห็นว่าสวยงามร่มรื่นเหมาะแก่การปฏิบัติธรรมจึงปักกรดอยู่ในถ้ำที่ภูทอกนี้ เมื่อชาวบ้านเห็นจึงอาราธนาให้สร้างวัดขึ้นที่นี่

          ปีพ.ศ. 2512 ชาวบ้านได้ร่วมกันสร้างบันไดขึ้นภูทอกจนถึงชั้น 6 กว่าจะสร้างสะพานจนเสร็จเรียบร้อยก็ใช้เวลาไปกว่าห้าปี การสร้างทั้งหมดเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านล้วนๆค่อยๆสร้างทีละนิด เป็นการเจาะหินทำนั่งร้านด้วยไม้ ความยากลำบากขนาดนี้ถ้าไม่ใช่เพราะความศรัทธาอย่างแรงกล้าแล้วน่าจะสร้างได้ยาก

          จากเชิงเขาถึงยอดภูทอกสูงประมาณ 400 กว่าเมตร ชั้น 1-3 เป็นบันไดทางขึ้นที่แทบจะเรียกว่าขึ้นอย่างเดียว กว่าจะถึงชั้น 3 เล่นเอาหอบ ตรงชั้น 4 จะมีทางแยกลัดขึ้นไปชั้น 5 เลยหรือจะเดินสะพานไม้เลาะหน้าผาก็ได้…ตั้งแต่ชั้นนี้เป็นต้นไป ถ้าใครกลัวความสูงไม่แนะนำให้เดินสะพานไม้เด็ดขาดครับ ทางกว้างโคยเฉลี่ยประมาณเมตรกว่า รั้วสูงแค่เอว อาจเกิดอันตรายได้…

v
v
v
v
v
v
v
หากชอบการรีวิวของผม ไปดูรีวิวที่ผมทำไว้ในช่องทางอื่นๆได้นะครับ แนะนำ คอมเม้นท์ตามสบายครับ
——————————————————————————————————
Facebook:  https://www.facebook.com/followmeonearth/

ชื่อสินค้า:   จังหวัดบึงกาฬ

คะแนน:     

0.5
1.0
1.5
2.0
2.5
3.0
3.5
4.0
4.5
5.0


CR – Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • – จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • – ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ

ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น

ความคิดเห็นที่ 1

          แน่นอนว่าการเดินบนสะพานไม้นี้ ถ้าดูจากป้ายเตือนสติที่ติดไว้ตามทางก็จะรู้เลยว่าการเดินบนนี้ต้องใช้สติ ความสงบ ไม่รีบร้อน ค่อยๆเดินค่อยๆก้าว…ชั้น 6 เป็นชั้นที่หวานเสียวที่สุด ผมไม่ใช่คนกลัวความสูงก็ยังอดขาสั่นไม่ได้(ไม่รู้สั่นเพราะเมื่อยหรือเปล่า) แต่วิวบนนี้สวยมากๆครับเดินชมได้รอบเลย เห็นภูทอกใหญ่แบบเต็มตา

          ผมเดินไปถึงชั้น 6 เดินบนสะพานเลาะริมเขาแล้วใช้ทางลงอีกทางเพื่อลงไปชั้น 5 ซึ่งเป็นทางเดินง่ายๆไม่เลาะเขา ไม่หวาดเสียวอะไร ที่ชั้น 5 นี้มีจุดสำคัญอีกจุดหนึ่งของภูทอกคือ พุทธวิหาร ซึ่งพุทธวิหารนี้อยู่บนหินอีกก้อนหนึ่งที่แยกตัวออกจากภูทอก แต่ก็ไม่ล้ม จากตรงนี้จะมองเห็นภูทอกใหญ่ได้อย่างเต็มตา นอกจากนี้ชั้น 5 ยังประกอบไปด้วยโถงพระพุทธรูป กุฏิพระ และเป็นที่เก็บสังขารของพระอาจารย์จวนด้วย ชั้นนี้ค่อนข้างร่มรื่น อากาศเย็นสบายมากๆ เหมาะแก่การนั่งสมาธิปฏิบัติธรรม

          ใช้เวลาขึ้นและลงภูทอกรวมกันร่วม 4 ชั่วโมงขึ้นแต่เช้าลงมาเกือบเที่ยงใช้พลังงานไปเยอะก็ต้องหาของใส่กลับเข้าไปใช่มั้ยครับ…เอาร้านแถววัดนั่นแหละ ออกจากประตูวัดมานิดเดียวเจอร้าน “สมจิตร” มีไก่ย่างอยู่หน้าร้าน เอาร้านนี้เลยแล้วกัน

          ส้มตำ ไก่ย่าง น้ำตก ข้าวหมูกระเทียมอีกหนึ่ง สั่งตอนหิวก็จะวู่วามแบบนี้ ข้าวหมูกระเทียมอร่อยถูกปากมาก หอมกระเทียม รสชาติเค็มนิดๆมีหวานนิดหน่อย ไก่ย่างหอมเครื่องเทศประมาณหนึ่ง หนังบางกรอบแต่เนื้อข้างในดูจะแห้งไปนิด น่าจะย่างนานไป มื้อนี้รวมๆถือว่าดีเลยครับ อาหารอร่อยใช้ได้เลย ใครลงจากภูทอกมาหิวๆ ร้านนี้ไม่เลวเลยครับ

          ต่อกันที่วัดป่าเมืองเหือง อยู่ที่ตำบลชัยพร เข้าจากถนนชยางกูร เป็นวัดที่ผมบังเอิญไปเห็นใน Google มีรูปพระอุโบสถสีทองสวยงามอยู่หลังหนึ่งเลยเก็บที่นี่ไว้เป็นสถานที่ที่ต้องมาดูให้เห็นกับตา

          วัดป่าเมืองเหืองตามประวัติคาดว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่  8 ปัจจุบันอาจจะยังมีซากของวัดเก่าหลงเหลืออยู่บ้างแต่ก็ผุกร่อนไปตามเวลา วัดป่าเมืองเหืองมีจุดเด่นอยู่ที่ “พระพุทธนาคนิมิตต์” ซึ่งผู้สร้างโบสถ์และพระพุทธรูปองค์นี้เคยให้ข้อมูลไว้ว่ามีพญานาคมาเข้าฝันว่าอยากให้สร้างพระพุทธรูปริมฝั่งแม่น้ำโขง ขณะนั้นผู้สร้างบอกว่าไม่มีกำลังทรัพย์เพียงพอ หากว่าพญานาคบันดาลให้การค้าขายรุ่งเรืองมีทรัพย์สินเงินทองมากพอก็จะสร้างพระพุทธรูปไว้ริมฝั่งแม่น้ำโขง หลังจากนั้นการค้าขายก็รุ่งเรืองอย่างมาก จึงสร้างพระพุทธรูปไว้ที่ริมฝั่งแม่น้ำโขงอย่างที่รับปากไว้

          องค์พระพุทธนาคนิมิตต์เป็นองค์สีดำล้วนแต่ใบหน้าเป็นสีทองอร่ามผู้คนจึงเรียกว่า “พระหน้าทอง” เป็นพระที่มีความศักดิ์สิทธ์เชื่อว่าหากหวังสิ่งใดแล้วขอท่านก็จะสมปรารถนา(ในเรื่องดีๆอ่ะนะ)

          ส่วนพระอุโบสถสีทองวันที่ผมไปกำลังปรับปรุงอยู่ฟากหนึ่งแต่ก็เห็นถึงความสวยวามอลังการ ลวดลายต่างๆวิจิตรสวยงามมาก ยิ่งวันที่ผมไปแดดจัดพระอุโบสถสีทองยิ่งสะท้อนแสงสวยงามขึ้นไปอีก

          ไปวัดกันต่อครับ…ต่อกันที่วัดอาฮงศิลาวาส ห่างจากตัวเมืองบึงกาฬประมาณ 20 กม.ริมถนนชยางกูรเลยครับ มองหาง่าย ถ้าไม่เห็นชื่อวัดให้มองหาป้าย “สะดือแม่น้ำโขง” ก็จะเจอวัดครับ

          วัดอาฮงศิลาวาสก่อตั้งโดยหลวงพ่อลุนเดิมชื่อวัดป่าเลไลย พ.ศ. 2506 หลวงพ่อลุนมรณะภาพลงวัดจึงถูกทิ้งร้างไว้มีเพียงแม่ชีอยู่รักษาวัด ต่อมาหลวงพ่อมหาสมาญ สิริปัญโญ ผ่านมาที่นี่แล้วเห็นว่าวัดร่มรื่น สงบ จึงร่วมกับชาวบ้านปฏิสังขรณ์วัดนี้ขึ้นมาใหม่และตั้งชื่อว่า “วัดอาฮงศิลาวาส”

          จุดเด่นของที่นี่คือวัดอยู่ติดกับแม่น้ำโขงซึ่งส่วนนี้เรียกว่า “สะดือแม่น้ำโขง” เพราะว่าลึกจนไม่สามารถวัดความลึกได้และน้ำค่อนข้างเชี่ยวทำให้การวัดความลึกยากขึ้นไปอีก มีตำนานเล่าว่าเคยมีเณรมาจมน้ำอยู่ตรงนี้ ร่างไปโผล่อีกที่จังหวัดอุบลเลยครับ

          เท่าที่ยืนดูแม่น้ำโขงตรงนี้จะค่อนข้างกว้างเห็นว่าความกว้างอยู่ระหว่าง 300-400 เมตรขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำในช่วงเวลานั้นๆ ตรงที่มีป้ายสะดือแม่น้ำโขงเป็นจุดที่แม่น้ำขยายเป็นเวิ้งขนาดใหญ่ ผิวน้ำดูนิ่งๆแต่ข้างใต้น้ำแรงแน่นอน ข้อมูลบางแห่งบอกว่าจะเห็นน้ำวน ผมไม่เห็นชัดเจนขนาดนั้นแต่ก็พอจะดูออกว่าน่าจะมีน้ำวนแถวนี้

          ในเขตวัดอาฮงศิลาวาสยังมีอุทยานหินงามอาฮง เป็นสวนหินที่มีหินขนาดค่อนข้างใหญ่ บรรยากาศเย็นสบายจากร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ สนามหญ้าตัดแต่งอย่างดีทำให้ที่นี่ดูไม่รกเลย เดินเล่นได้อย่างสบายใจ หินแต่ละก้อนก็มีลักษณะที่ต่างกันไป เป็นมุมที่ถ่ายรูปได้สวยดีทีเดียวครับ

          ใกล้ๆกับวัดอาฮงศิลาวาสมีแก่งอยู่แห่งหนึ่งเรียกว่าแก่งอาฮง เป็นกลุ่มหินที่อยู่ในแม่น้ำเหมือนจะทำเป็นแหล่งท่องเที่ยว แต่ก็เหมือนกับขาดการดูแล ทางลงมีบันไดลงไปถึงด้านล่างแต่หลังจากนั้นค่อนข้างรกหญ้าสูงดูแล้วไม่ปลอดภัยเท่าไหร่…ไม่เดินต่อไปดีกว่า

          เที่ยววัดกันต่อครับ…วัดที่ไปกันต่อชื่อวัดสว่างอารมณ์ อยุ่ที่ต.โนนสิลา อ.ปากคาด วัดนี้มีอีกชื่อหนึ่งว่า “วัดถ้ำศรีธน” ตัววัดคาดว่าสร้างขึ้นประมาณปีพ.ศ.2425 โดยท้าวขุนไกรที่อพยพมาจากฝั่งประเทศลาว เมื่อมีชาวบ้านมาตั้งรกรากมากขึ้นก็ร่วมกันสร้างวัดในที่ของนายจันทรา ไกรราช ซึ่งเป็นบุตรชายของท้าวขุนไกรและตั้งชื่อว่า “วัดสว่างอารมณ์”

          ภายในวัดมีจุดน่าสนใจหลายจุดเลยครับ เช่น หอระฆังคว่ำที่อยู่บนหินก้อนใหญ่เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อพระใสจำลอง สามารถขึ้นไปชมด้านบนได้ทางขึ้นก็ไม่ได้ลำบากอะไรครับ ด้านบนวิวสวยทีเดียวเห็นวิวรอบด้านเลย นอกจากนี้ยังมีหอระฆังที่ทำจากโอ่งมังกรเป็นร้อยเป็นพันใบสวยแปลกตาดีครับ มีรอยพระพุทธบาทให้ชมซึ่งวัดก็ทำกรงครอบไว้จนแทบจะมองไม่เห็นอะไร

          วัดนี้อาจจะไม่มีตำนาน หรือ พระพุทธรูปองค์ใหญ่โตอะไรนะครับ แต่โดยรวมๆก็เป็นวัดที่สงบร่มรื่นดีพอสมควรเลยถ้าแวะมาที่ปากคาดก็ลองลองมาเยี่ยมชมหอระฆังโอ่งมังกรแล้วก็หอระฆังบนก้อนหินชมวิวก็สวยดีเหมือนกัน

ความคิดเห็นที่ 2

          วัดต่อมาที่ไปเที่ยวคือวัดโพธารามซึ่งเป็นวัดที่อยู่ใกล้ตัวเมืองบึงกาฬที่สุด ห่างจากสี่แยกบึงกาฬแค่ประมาณ 7 กม.เท่านั้น ถือว่าเป็นวัดสำคัญและเป็นศูนย์รวมจิดใจของชาวบึงกาฬ

          ประวัติของวัดโพธารามไม่ชัดเจนมากนัก จากข้อมูลคาดว่าสร้างมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2300 เดิมน่าจะชื่อว่า”วัดโพธ์ศรี” เพราะในวัดมีต้นโพธิ์ใหญ่อยู่ 2 ต้น และคาดว่าเมื่อก่อนพื้นที่บริเวณวัดเป็นป่ารกทึบ มีชาวบ้านอพยพมาจากเมืองยศ ซึ่งอยู่ในบริเวณจังหวัดยโสธรในปัจจุบัน เมื่อมาตั้งรกรากก็เริ่มถางป่าเพื่อจับจองเป็นพื้นที่ทำกิน เมื่อถางไปพบว่ามีพุ่มไม้อยู่พุ่มหนึ่งที่สูงกว่าพุ่มอื่นๆ เมื่อถางออกก็พบกับพระพุทธรูปที่มีเถาวัลย์พันรอบองค์อยู่ นอกจากนี้ยังพบว่าพื้นที่ตรงนี้มีลักษณะเป็นที่บำเพ็ญบุญ พบเครื่องปั้นดินเผาโบราณอีกหลายชิ้นอีกด้วย

          พระพุทธรูปองค์สำคัญของที่นี่คือ “หลวงพ่อพระใหญ๋” พระพุทธรูปปางมารวิชัย ประดิษฐานในพระอุโบสถซึ่งไม่อนุญาตให้สุภาพสตรีเข้าไปสักการะภายในพระอุโบสถ แต่สักการะด้านหน้าได้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกันครับ

          ภายในวัดยังมีพิพิธภัณฑ์วัดโพธารามตั้งอยู่ด้วยครับ เป็นอาคารเล็กๆมีตู้วางอยู่ 4-5 ตู้ภายในตู้จัดแสดงอุปกรณ์ เครื่องใช้โบราณ รวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆที่เก็บขึ้นมาได้จากซากเรือกลไฟโบราณจัดเก็บไว้ในบริเวณใกล้ๆกัน

          เรือกลไฟลำนี้ชาวบ้านกู้ขึ้นมาจากแม่น้ำโขง หลังจากศึกษาข้อมูลต่างๆพบว่าเป็นเรือสัญชาติฝรั่งเศส เป็นเรือประเภทเรือจักรเดี่ยว น่าจะเป็นเรือที่ใช้รับส่งผู้โดยสารและส่งสินค้าไปมาระหว่างเวียงจันท์กับสะหวันนะเขต ตัวเรือสร้างเมื่อพ.ศ. 2466 ที่ประเทศฝรั่งเศสและอัปปางลงเมื่อพ.ศ. 2490

          สถานที่ศักดิ์สิทธ์อีกที่หนึ่งที่แวะไปในทริปนี้คือ วังเจ้าปู่สุริยะวงศ์ชัยนาคราชราชา หรือ ศาลปู่อือลือ ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับบึงโขงหลง

          ประวัติของสถานที่แห่งนี้ยาวเหยียดเลยครับ โดยสรุปประมาณว่า เมื่อก่อนพื้นที่ตรงบึงโขงหลงเป็นเมืองชื่อว่า “รัตพานคร” มีพระอือลือราชาเป็นผู้ครอง เจ้าชายฟ้ารุ่งซึ่งเป็นหลานของพระอือลือราชาได้อภิเสกสมรสกับ นาครินทรานี ซึ่งเป็นพระธิดาของพญานาคราชแห่งเมืองบาดาลที่แปลงกายเป็นมนุษย์ งานอภิเสกสมรสใหญ่โตมโหฬาร ซึ่งถือเป็นการเชื่อมสัมพันธ์ระหว่าง พระอือลือราชาและพญานาคราช

          เจ้าชายฟ้ารุ่งกับเจ้าหญิงนาครินทรานีอยู่กินกัน 3 ปีแต่ก็ไม่สามารถมีลูกด้วยกันได้ทำให้เกิดความเศร้าโศกเสียใจอย่างมาก และเมื่อเจ้าหญิงนาครินทรานีล้มป่วย ร่างก็กลับสู่ร่างพญานาคตามเดิมถึงจะร่ายมนต์ใหม่ก็ไม่เป็นผล ทำให้พระอือลือราชาและชาวเมืองรัตพานครไม่พอใจอย่างมาก ขับไล่เจ้าหญิงนาครินทรานีกลับลงเมืองบาดาลตามเดิม โดยให้พญานาคราชมารับตัวกลับ

          ก่อนกลับลงเมืองบาดาล พญานาคราชขอเครื่องกกุธภัณฑ์ของตระกูลคืน แต่พระอือลือราชาไม่ให้เพราะไปแปรเป็นอย่างอื่นไปเสียแล้ว พญานาคราชกริ้วมากและประกาศว่าจะทำลายเมืองรัตพานครโดยคงเหลือวัดไว้ 3 แห่ง คืนนั้นพญานาคราชยกพลมาถล่มเมืองรัตพานคร ไม่มีใครรอด เหลือวัดที่อยู่รอดอยู่ 3 แห่งคือ วัดดอนแก้ว(วัดแก้วฟ้า) วัดดอนโพธิ์(วัดโพธิสัตว์) และวัดดอนสวรรค์(วัดแดนสวรรค์)

          เมืองรัตพานครถล่มกลายเป็น “บึงหลงของ” ซึ่งต่อมาเพี้ยนเป็น “บึงโขงหลง” ส่วนพระอือลือราชาถูกพญานาคราชจับตัวไว้และสาปให้เป็นนาคเฝ้าอยู่ในบึงโขงหลงชั่วนิรันดร์จนกว่าจะมีเมืองเกิดใหม่ในดินแดนแห่งนี้จึงจะพ้นคำสาป

          นอกจากไหว้ศาลปู่อือลือตรงนี้แล้ว หลายท่านที่มาเที่ยวที่บึงโขงหลงก็มักจะนึ่งเรือไปสักการะศาลปู่อือลือกลางบึงโขงหลงที่เกาะดอนโพธิ์ซี่งไป-กลับน่าจะใช้เวลาชั่วโมงกว่าถึงสองชั่วโมง

          เปลี่ยนบรรยากาศไปเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติบ้างครับ มาบึงกาฬทั้งทีไม่มาหินสามวาฬก็ยังไงอยู่ หินสามวาฬเป็นส่วนหนึ่งของภูสิงห์จังหวัดบึงกาฬ อยู่ห่างจากสี่แยกบึงกาฬประมาณ 25 กม. ขับรถแป๊บเดียว

          การขึ้นภูสิงห์จะต้องใช้รถของเจ้าหน้าที่ขึ้นไปนะครับ ห้ามนำรถขึ้นไปเองค่ารถก็เหมาเลย 500 บาทซึ่งน่าจะเป็นเพราะโควิดเลยต้องเหมารถเพราะเคยได้ยินว่าก่อนหน้านี้หนึ่งคันจะขึ้นได้ 10 คน รถเต็มก็ออก…การท่องเที่ยวบนนี้จะใช้เวลารวมประมาณ 2 ชั่วโมงซึ่งเจ้าหน้าที่กำหนดมาเลยนะครับ แต่ 2 ชั่วโมงก็ถือว่าเพียงพอ

         โดดขึ้นท้ายรถแล้วก็นั่งดมฝุ่นกันได้เลย…การท่องเที่ยวภูสิงห์จะเริ่มที่ “ลานธรรม” สักการะหลวงพ่อพระสิงห์ก่อน ซึ่งตรงลานะธรรมนี้จะมีหินก้อนใหญ่อยู่ก้อนหนึ่ง ด้านหนึ่งของหินนี้จะเหมือนสิงห์กำลังหมอบอยู่

          เสร็จจากลานธรรมก็นั่งรถยาวๆกันไปที่หินสามวาฬเลย ระหว่างทางก็กินฝุ่นกันไปนั่งโขยกเขย่ากันไปสักพักก็ถึงหินสามวาฬ ซึ่งเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติโดยแท้เลยครับเป็นหินที่ยื่นออกไปจากหน้าผา 3 ก้อนเรียงกัน เมื่อมองจากมุมสูงจะเหมือนวาฬพ่อแม่ลูก…โดยวาฬพ่อจะมีขนาดใหญ่ที่สุด วาฬแม่อยู่ตรงกลางจะยื่นไปข้างหน้ามากที่สุด ส่วนวาฬลูกขนาดเล็กที่สุดและไม่มีเส้นทางให้เดินขึ้นไปชมวิวได้ ก่อนหน้านี้ไม่นาน(ประมาณ 75 ล้านปีที่แล้ว) หินสามวาฬเป็นหินแผ่นเดียวกันขนาดใหญ่ หลังจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกหินเริ่มมีรอยแตก หลังจากนั้นรอยแตกเริ่มใหญ่และห่างออกจากกันเรื่อยๆจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกและการกัดกร่อนทำให้กลายเป็นหินสามวาฬแบบในปัจจับัน

          บนนี้ลมแรงเลยครับ มีสีบอกเขตที่สามารถเดินได้แต่ไม่มีรั้วอะไรเดินระวังหน่อยก็ดีนะครับ มุมมหาชนคงเป็นนายแบบนางแบบอยู่บนวาฬพ่อ แล้วช่างภาพอยู่บนวาฬแม่ ถ่ายไปก็เหมือนยืนอยู่บนหินขนาดใหญ่ลอยฟ้า

           เดินกลับจากหินสามวาฬมาที่จอดรถ ด้านข้างที่จอดรถจะมีจุดชมวิวอีกฝั่งหนึ่งให้เดินไปชม ลักษณะเป็นหินก้อนใหญ่โล่งๆที่คล้ายๆกับหินสามวาฬเพียงแต่มันไม่ยื่นออกไปข้างหน้าเท่านั้นแต่ก็ได้วิวกว้างสุดลูกหูลูกตาเช่นเดียวกัน

          ขึ้นรถไปกันต่อครับ ป้ายต่อไปจุดชมวิวหินช้างและประตูสวรรค์…จุดชมวิวหินช้างเป็นจุดแวะสั้นๆ มีหินก้อนใหญ่ลักษณะเหมือนช้างแปลกตาดีครับ ถัดจากจุดชมวิวหินช้างไปนิดเดียวก็ถึงประตูสวรรค์ ลักษณะเป็นหินขนาดใหญ่ 2 ก้อนตั้งเป็นกำแพง มีช่องว่างตรงกลางเหมือนว่าหินโดนผ่าออกจากกัน พอไปยืนถ่ายรูปตรงช่องว่างเลยสวย พี่เจ้าหน้าที่บอกว่าถ้ามาถูกเวลาพระอาทิตย์จะส่องตรงลงมาที่ประตูพอดี ถ้าถ่ายรูปตอนนั้นจะได้รูปแบบอลังการ…ส่วนหินก้อนใหญ่ด้านขวามือพี่เจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นหินคิงคอง เพราะแสงเงาตกกระทบดูเป็นหน้าคิงคอง…อันนี้เห็นด้วยตามนั้นเลยครับเหมือนคิงคองมากๆ

         ป้ายสุดท้ายสำหรับการทัวร์ภูสิงห์คือจุดชมวิวส่างร้อยบ่อ…ชื่อส่างร้อยบ่ออาจะจะฟังดูแปลกๆ คำว่า”ส่าง” แปลว่าหลุม แปลว่าที่นี่มีหลุมเป็นร้อยบ่อ พี่เจ้าหน้าที่บอกว่าถ้าเป็นหน้าฝน น้ำจะเต็มแต่ละบ่อถ่ายรูปสวยมากๆ มาตอนนี้ก็จะแห้งๆหน่อย วิวตรงนี้ก็สวยใช้ได้อยู่ครับ เป็นวิวโล่งๆ มองได้ไกลๆเห็นตัวเมืองบึงกาฬได้เลย…โชคดีที่ผมขึ้นภูสิงห์แต่เช้าเพราะยังไม่ทันที่ผมจะลงมาดี ก็มีกรุ๊ปทัวร์ชุดใหญ่ขึ้นมา ตรงหินสามวาฬคงวุ่นวายไม่น้อย

          ตอนเที่ยวอยู่หินสามวาฬถามพี่เจ้าหน้าที่ว่าแถวนั้นมีร้านอาหารอะไรน่าสนใจบ้าง พี่เจ้าหน้าที่ก็นึกอยู่นานน่าจะเห็นเราเป็นคนต่างถิ่นเลยพยายามนึกร้านที่มันดีหน่อยให้ ผมเลยบอกว่าเอาร้านที่พี่กินแล้วว่าอร่อยนั่นแหละ…พี่เจ้าหน้าที่ตอบกลับมาว่า “ครัวอ้อมบ้านทุ่ง”

          ครัวอ้อมบ้านทุ่งเป็นร้านอาหารตามสั่งข้างทางนี่แหละครับ อยู่ใกล้ๆบริษัทเซาท์แลนรีซอร์สจำกัด เป็นร้านง่ายๆเลยครับ รสชาติอาหารจัดจ้านตามแบบร้านอาหารตามสั่งมือหนัก ตำทะเลเค็มนัวเผ็ดอร่อยมากและกลิ่นปลาร้ามาเต็ม 2 รูจมูก สีน่ากลัวแต่รสชาติดีทีเดียว อาหารจานเดียวก็อร่อยครับเข้มข้น เป็นร้านเล็กๆที่ใช้ได้เลย

ความคิดเห็นที่ 3

          บึงกาฬมีถนนคนเดินด้วยนะครับ…แต่เมื่อเทียบกับถนนคนเดินที่หนองคายแล้วที่นี่เล็กกว่าเยอะแต่ได้บรรยากาศริมโขงเหมือนกัน ที่นี่ไม่ได้มีทุกวันนะครับมีเฉพาะศุกร์-เสาร์เท่านั้น ของที่ขายเยอะเท่าที่ดูเช่น เสื้อผ้า อาหาร และเคสมือถือ…เห็นหลายร้านมาก รุ่นที่กรุงเทพฯไม่มีขายแล้วก็มาเจอได้ที่นี่…เออ ดีแฮะ

          ที่นี่ดีอย่างตรงที่จอดรถค่อนข้างเยอะถึงบางจุดจะไกลนิดหน่อยแต่ก็ถือว่าเยอะอยู่ครับ…เดินไปเดินกลับ สูดอากาศสดชื่น ได้ของกลับบ้านเป็นเคสมือถือกับแมลงทอด…

          ตื่นเช้าอีกวันไปตลาดเช้าไทย-ลาว เปิดวันอังคารและวันศุกร์ตอนเช้าถึงประมาณเที่ยง…ตลาดนี้เรียกว่า “ตื่นตาตื่นใจ” เลยครับ ขนาดของตลาดค่อนข้างใหญ่แผงขายของตั้ง 2 ฝั่งถนนยาวเป็นกิโลได้ รถราก็คับคั่งเดินก็ระวังหน่อยครับ

          ของขายที่นี่มีสารพัดเลยครับ ตั้งแต่ต้นไม้ ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร สมุนไพรพื้นบ้าน ข้าวของเครื่องใช้ อาหารต่างๆ เดินเพลินจริงๆครับ ของแปลกที่ผมไม่เคยเห็นเยอะแยะไปหมด ที่แปลกสุดน่าจะเป็นหนังควายตากแห้ง เห็นขายอยู่หลายร้านก็สงสัยว่าเอาไปทำอะไร จนได้คำตอบมาว่าเป็นของกิน

          เดินไปเดินมาเจอร้านขายปอเปี๊ยะอยู่ร้านหนึ่ง เห็นปอเปี๊ยะอันใหญ่อยู่เต็มรถเลยเข้าไปซื้อ ป้าขายแท่งละ 10 บาท(ถ้าจำไม่ผิด) เลยซื้อมา 3 แท่ง…ป้าหยิบปอเปี๊ยะแล้วตัดใส่ถุงอย่างคล่องแคล่ว ด้วยความที่ผมสนิทกับคนง่ายเลยชวนป้าคุย…เท่านั้นแหละป้าเล่ายาวเลย คุยไปคุยมาเพลินๆป้าหยิบปอเปี๊ยะมาอีก 2 อันตัดใส่ไปในถุงบอกกลัวไม่อิ่ม สรุปสั่ง 3 ชิ้นป้าแถมมา 2 ชิ้น นี่ป้าขายเอามันใช่มั้ยครับ

          มาที่นี่ไม่ต้องมาตั้งแต่ตลาดเปิดนะครับ ใน Google บอกว่าตลาดเปิดหกโมงเช้า ผมว่าไปสักเจ็ดโมงครึ่งแปดโมงตลาดจะเต็มพอดี และเผื่อเวลาสักชั่วโมงสองชั่วโมงค่อยๆเดินไปครับ ถ้าแฟนไม่ชอบเดินตลาดไม่ต้องพามาครับให้นอนรอที่โรงแรมไปเดี๋ยวจะบ่นตลอดทาง…

          จบทริปบึงกาฬและอีสานเหนือแต่เพียงเท่านี้ครับ ส่วนร้านอาหารต่างๆในบึงกาฬที่ไปชิมมาขอยกไปกระทู้ถัดไปนะครับ ไม่งั้นมันจะยาวเหยียดเดี๋ยวจะเลื่อนอ่านจนตาลายเสียก่อน ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ สวัสดีครับ

ความคิดเห็นที่ 4

ขอบคุณสำหรับรีวิว น่าไปตามรอยมากเลยค่ะ อาหารก็น่าอร่อย อมยิ้ม36

ความคิดเห็นที่ 4-1

ลองไปเที่ยวดูครับ…จังหวัดนี้มีดีใช้ได้เลย

ความคิดเห็นที่ 5

เพี้ยนชอบเพี้ยนลาเวนเดอร์

ความคิดเห็นที่ 5-1

เพี้ยนขอบคุณ

ความคิดเห็นที่ 6

เคยขึ้นวัดภูทอก 1 ครั้ง เมื่อประมาณ 2 ปีก่อน ตอนนั้นน้ำหนักประมาณ 90 กว่า ๆ     พอมานั่งนึกตอนนี้ ยังนึกเลย ตอนนั้นคิดยังไงถึงกล้าขึ้นไป
บางจุด ยอมรับว่าเสียวจริง ๆ ขนาดถึงกับต้องคลาน จึงจะไปต่อได้ เพราะขาก้าวไม่ออก 555

แก้ไขข้อความเมื่อ

ความคิดเห็นที่ 6-1

บางช่วงต้องเอี้ยวหลบหิน ผมก็เหวอๆเหมือนกันครับ

ความคิดเห็นที่ 7

พาพันขอบคุณ

ความคิดเห็นที่ 7-1

ขอบคุณที่อ่านเช่นกันครับ

ความคิดเห็นที่ 8

อมยิ้ม04ขอบคุณที่แบ่งปัน ไปมาปีมี่แล้ว ช่วงกพ. ขึ้นภูทอกตอนเที่ยงตรงแดดเปรี้ยงมาก เพี้ยนเพลียดีที่กินข้าวหน้าวัด ก่อนขึ้น ไม่งั้น น่าจะลมจับ

ความคิดเห็นที่ 8-1

ขอบคุณที่อ่านเช่นกันครับ…ผมขึ้นไปตอนเช้า ลงมายังเสื้อเปียกเลยครับ ขึ้นตอนเที่ยงนี่…ไม่อยากคิด

ความคิดเห็นที่ 9

สวยน่าไปมากค่ะ ขอบคุณที่แบ่งปันนะคะ

พาพันขอบคุณ

ความคิดเห็นที่ 9-1

ขอบคุณที่อ่านเช่นกันครับ

แหล่งที่มา pantip.com
ปลาชิกคักต้มส้มแบบปักษ์ใต้ในวันครอบครัว pantip

ปลาชิกคักต้มส้มแบบปักษ์ใต้ในวันครอบครัว pantip

ปลาชิกคักต้มส้มแบบปักษ์ใต้ในวันครอบครัว      สวัสดีค่ะเพื่อนๆ วันนี้เป็นวันครอบครัวทำให้ที่บ้านเลยพร ...
ทำกินง่ายๆ : ผัดพาสต้ารูปโบว์ใส่อกไก่และไข่ pantip

ทำกินง่ายๆ : ผัดพาสต้ารูปโบว์ใส่อกไก่และไข่ pantip

ทำกินง่ายๆ : ผัดพาสต้ารูปโบว์ใส่อกไก่และไข่ ทำกินง่ายๆ : ผัดพาสต้ารูปโบว์ใส่อกไก่และไข่ ส่วนประกอบ: ...
คั่วกระเพรา “กระต่ายป่าหมักไวน์ขาว” 🐰 ใส่กระเพราแดง+ยี่หร่ากับดีปลี  😋🍷 pantip

คั่วกระเพรา “กระต่ายป่าหมักไวน์ขาว” 🐰 ใส่กระเพราแดง+ยี่หร่ากับดีปลี 😋🍷 pantip

คั่วกระเพรา “กระต่ายป่าหมักไวน์ขาว” 🐰 ใส่กระเพราแดง+ยี่หร่ากับดีปลี 😋🍷 คั่วกระเพราแห้งๆ เนื้อน่องกระ ...
ทำกินง่ายๆ: ผัดคะน้าหน่อไม้ทะเล pantip

ทำกินง่ายๆ: ผัดคะน้าหน่อไม้ทะเล pantip

ทำกินง่ายๆ: ผัดคะน้าหน่อไม้ทะเล ทำกินง่ายๆ: ผัดคะน้าหน่อไม้ทะเล หน่อไม้ทะเล เป็นชื่อเรียก หอยชนิดหนึ ...
วาฟเฟิลตาข่ายใบเตย. pandan waffle pantip

วาฟเฟิลตาข่ายใบเตย. pandan waffle pantip

วาฟเฟิลตาข่ายใบเตย. pandan waffle ขอแนะนำ วาฟเฟิลตาข่ายใบเตย น้องขนมที่แสนอร่อย ฟินสุดหยุดไม่ได้ อร่ ...
【วันนี้กินอะไร #22】เต้าหู้อ่อนผัดหมูสับ อาหารง่ายๆในวันเนา 🍚🥢 pantip

【วันนี้กินอะไร #22】เต้าหู้อ่อนผัดหมูสับ อาหารง่ายๆในวันเนา 🍚🥢 pantip

【วันนี้กินอะไร #22】เต้าหู้อ่อนผัดหมูสับ อาหารง่ายๆในวันเนา 🍚🥢 สวัสดีวันเถลิงศกค่ะ ช่วงสงกรานต์นี้ จข ...
ตะลุยกินถิ่นกรุงเก่า 19 ร้านอยุธยา ถ้าได้มาต้องห้ามพลาด pantip

ตะลุยกินถิ่นกรุงเก่า 19 ร้านอยุธยา ถ้าได้มาต้องห้ามพลาด pantip

ตะลุยกินถิ่นกรุงเก่า 19 ร้านอยุธยา ถ้าได้มาต้องห้ามพลาด ก๋วยเตี๋ยวเรือ โรตีสายไหม หรือจะกุ้งแม่น้ำตั ...
ถ้าโดนแม่ค้าหาบเร่มาขายของ แล้วเราปฏิเสธไม่ซื้อ แต่โดนแม่ค้ากัด แบบให้เราได้ยิน ถ้าเป็นคุณจะทำยังไงต่อ pantip

ถ้าโดนแม่ค้าหาบเร่มาขายของ แล้วเราปฏิเสธไม่ซื้อ แต่โดนแม่ค้ากัด แบบให้เราได้ยิน ถ้าเป็นคุณจะทำยังไงต่อ pantip

ถ้าโดนแม่ค้าหาบเร่มาขายของ แล้วเราปฏิเสธไม่ซื้อ แต่โดนแม่ค้ากัด แบบให้เราได้ยิน ถ้าเป็นคุณจะทำยังไงต ...
[CR] ร้านไฉนโภชนา ไก่ย่าง 🐔พังโคน สกลนคร ภาพรวมเยี่ยมเลยครับ 🤤😅😋✌ pantip

[CR] ร้านไฉนโภชนา ไก่ย่าง 🐔พังโคน สกลนคร ภาพรวมเยี่ยมเลยครับ 🤤😅😋✌ pantip

[CR] ร้านไฉนโภชนา ไก่ย่าง 🐔พังโคน สกลนคร ภาพรวมเยี่ยมเลยครับ 🤤😅😋✌ ร้านไฉนโภชนา ไก่ย่างอร่อย ที่ อ.พั ...
ซดน้ำร้อนๆ กับเมนู ต้มจืดผักกาดดองใส่กระดูกหมูอ่อน pantip

ซดน้ำร้อนๆ กับเมนู ต้มจืดผักกาดดองใส่กระดูกหมูอ่อน pantip

ซดน้ำร้อนๆ กับเมนู ต้มจืดผักกาดดองใส่กระดูกหมูอ่อน วันนี้ เสือหิวไปเดินตลาดสด หันไปเห็นแม่ค้าพ่อค้า  ...
โสดๆเหงาๆก็เข้าครัวทำ “ข้าวผัดน้ำพริกเผากุ้ง” กินสิ! pantip

โสดๆเหงาๆก็เข้าครัวทำ “ข้าวผัดน้ำพริกเผากุ้ง” กินสิ! pantip

โสดๆเหงาๆก็เข้าครัวทำ “ข้าวผัดน้ำพริกเผากุ้ง” กินสิ! ใบโหระพา หอมมาก หอมโชยมาเวลารดน้ำ ทำให้นึกถึงหอ ...
อยากทราบว่าผู้คนที่ไม่ชอบรับประทานแมลงทอด เพราะอะไร? pantip

อยากทราบว่าผู้คนที่ไม่ชอบรับประทานแมลงทอด เพราะอะไร? pantip

อยากทราบว่าผู้คนที่ไม่ชอบรับประทานแมลงทอด เพราะอะไร? คือมีคำถามที่อยากถามความรู้สึกของผู้คนที่ไม่ชอบ ...
[CR] ตะวันรอน ที่ริมโขง หนองคาย ข้าวต้มร้านดี ดี โภชนา🍵😋 พักที่ รร.ช่อฟ้า แกลอรี่ ริมโขงผ่อนคลายดีครับ 😃🍷 pantip

[CR] ตะวันรอน ที่ริมโขง หนองคาย ข้าวต้มร้านดี ดี โภชนา🍵😋 พักที่ รร.ช่อฟ้า แกลอรี่ ริมโขงผ่อนคลายดีครับ 😃🍷 pantip

[CR] ตะวันรอน ที่ริมโขง หนองคาย ข้าวต้มร้านดี ดี โภชนา🍵😋 พักที่ รร.ช่อฟ้า แกลอรี่ ริมโขงผ่อนคลายดีคร ...
[CR] ++Review… สุขสันต์วันสงกรานต์ ไปเที่ยวกาญ กันดีกว่า++ pantip

[CR] ++Review… สุขสันต์วันสงกรานต์ ไปเที่ยวกาญ กันดีกว่า++ pantip

[CR] ++Review… สุขสันต์วันสงกรานต์ ไปเที่ยวกาญ กันดีกว่า++     สวัสดีครับ เพิ่งผ่านทริป มาสดๆร้อนๆ เ ...
ทำกินง่ายๆ: แก๋งผักปั๋งใส่จิ้นส้ม (แกงผักปลังใส่แหนม) pantip

ทำกินง่ายๆ: แก๋งผักปั๋งใส่จิ้นส้ม (แกงผักปลังใส่แหนม) pantip

ทำกินง่ายๆ: แก๋งผักปั๋งใส่จิ้นส้ม (แกงผักปลังใส่แหนม) ทำกินง่ายๆ: แก๋งผักปั๋งใส่จิ้นส้ม (แกงผักปลังใ ...