[CR] :::::::::::::::บินไปหาของกินอร่อยๆและไหว้พระที่อุบลราชธานี::::::::::::::: pantip

ภายในศูนย์อาหาร ผู้คนยังไม่มากนัก เนื่องจากยังเช้าอยู่

ข้าวหมกไก่สักจาน

ปิดท้ายด้วยทับทิมกรอบ

เข้าได้เฉพาะผู้โดยสารเท่านั้น ต้องแสดงBoarding passกับบัตรประชาชน

กว่าจะถึงจุดตรวจร่างกายและสัมภาระ ต้องเดินวนเป็นเขาวงกต

ผ่านจุดตรวจค้นเข้ามาแล้ว

ซื้อน้ำมาขวดนึง

เช็คอินผ่านเว็บมาล่วงหน้า เลยต้องมาดูGateกันที่ตรงนี้

เที่ยวบินของฉันFD3370 Gate54 ไกลมากๆ

ดวงอาทิตย์เพิ่งขึ้นได้ไม่นาน

เดินชมเครื่องบินไปเรื่อยๆ

ในที่สุดก็มาถึงGate54

ผู้โดยสารที่มารอขึ้นเครื่อง

เครื่องของเราHS-CBIมาจอดรออยู่แล้ว

เนื่องจากสถานการณ์โควิด จึงเรียกโซน2 แถวที่20-32ขึ้นเครื่องก่อน

คุณKing Powerกำลังจะไปนครพนม

Push backแล้ว

Taxiเพื่อออกไปยังรันเวย์

ไปแล้วนะ

เครื่องบินสูงขึ้นไปเรื่อยๆ

ในที่สุดก็ขึ้นมาอยู่เหนือเมฆ ท้องฟ้าสดใสต่างจากข้างล่างมาก

นั่งชมท้องฟ้ากันให้หายคิดถึง หลังจากที่ไม่ได้บินมานาน

ลูกเรือเริ่มนำอาหารมาเสิร์ฟแก่ผู้ที่สั่งจองอาหารไว้ล่วงหน้า ทำอย่างไรดีล่ะ ยังอิ่มจากข้าวหมกไก่และทับทิมกรอบอยู่เลย

ก็เลยให้ใส่ถุง ลงไปกินเป็นมื้อกลางวันข้างล่างแทน

มองเห็นพื้นดินข้างล่างชัดเจน

แม่น้ำมูลเส้นเลือดใหญ่ของเมืองอุบลฯ

เครื่องบินผ่านใจกลางเมืองในระดับต่ำ

ผ่านถนนสายหลักของตัวเมืองอุบลฯ

เข้าสู่เขตสนามบินแล้ว

สัมผัสพื้นอย่างนุ่มนวลเช่นทุกครั้ง

เนื่องจากยังอยู่ในสถานการณ์โควิด จึงใช้วิธีปล่อยผู้โดยสารลงจากเครื่องทีละ 3 แถว

ได้กลับมาสนามบินอุบลราชธานีอีกครั้ง หลังจากไม่ได้มา 5 ปีเต็ม

ขอบคุณที่บินมาส่งโดยสวัสดิภาพนะ

ทั้งรถมีฉันเพียงคนเดียว รู้สึกเหมือนเป็นVIPอีกแล้ว

ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก็มาถึงโรงแรมที่พักของเรา

โรงแรมลายทองที่พักของเราในครั้งนี้

ทางเข้าด้านหน้า

เข้ามาด้านในแล้ว

ไปเช็คอินกันที่ตรงโน้น

พนักงานหิ้วกระเป๋าพามายังหน้าลิฟต์

ขึ้นมาถึงชั้น 4 แล้ว

ทางเดินหน้าห้องพัก

ถึงจะไม่ใช่คีย์การ์ด แต่ก็ต้องเสียบกุญแจเพื่อให้ระบบไฟทำงาน

ห้องพักเมื่อแรกเห็น

ที่นอนของเรา 2 คืนนี้

ครั้งนี้พัก 2 คืนเลยต้องเอากระเป๋ามา เผื่อจะเอาหมูยอใส่กลับไปด้วย

น้ำดื่มมีให้ถึง 4 ขวด อยู่บนโต๊ะ 2 ขวดและในตู้เย็นอีก 2 ขวด

มีเก้าอี้อีก 1 ตัวริมหน้าต่าง

บนโต๊ะมีชากาแฟและกาต้มน้ำพร้อม

มีเสื้อคลุมอยู่ในตู้ 2 ชุด

ไม้แขวนมีหลายอัน

ในถุงจะเป็นไดร์เป่าผม

โถสุขภัณฑ์พร้อมสายฉีด

และอ่างอาบน้ำ

ข้าวไก่ผัดพริกเสฉวน

เปิดออกมาแล้ว

เปลี่ยนบรรยากาศจากกินบนเครื่องมากินในโรงแรมแทน ส่วนโค้กเอาไปใส่ตู้เย็นไว้กินพรุ่งนี้

สระมีขนาดกำลังดี ไม่ใหญ่นัก

อีกมุมหนึ่ง

ถ้ามีเวลาจะลองแวะมาเล่นน้ำ

ไม่ถึง 5 นาทีTaxiก็มาแล้ว ราคาจะคิดตามมิเตอร์เริ่มต้นที่ 2 กม.แรก 40 บาท+ค่าเรียกอีก 20 บาท

ไปอุบลครั้งนี้ใช้บริการรถTaxiหลายครั้ง เพราะสะดวกและไม่แพง โทรเรียกแต่ละครั้งไม่เคยรอรถนานเกิน 5 นาทีเลย

จุดหมายแรกของเราในทริปนี้คือร้านDao Coffee ร้านกาแฟชื่อดังจากเมืองปากเซ สปป.ลาว

เลือกที่นั่งตามอัธยาศัย

ที่นั่งด้านใน

นั่งข้างนอกน่าจะดีกว่า ปลอดโปร่งโล่งสบาย

มาร้านนี้ต้องไม่พลาดไข่กระทะอาหารเวียดนามชื่อดัง เสิร์ฟพร้อมขนมปังแผ่น

หมูยอและกุนเชียงจัดเต็ม ส่วนไข่เกินกว่า 1 ฟองแน่ๆ

ปิดท้ายด้วยลาเต้หอมกรุ่น

วันนี้ตั้งใจว่าจะไหว้ 3 วัด ส่วนที่เหลือจะเป็นวันพรุ่งนี้ เริ่มกันวัดแรกที่วัดพระธาตุหนองบัว

วัดพระธาตุหนองบัวตั้งอยู่ที่กม.ที่ 3 ถนนธรรมวิถีแยกจากถนนชยางกูรไปทางทิศตะวันตกประมาณ 500 เมตร

สถาปัตยกรรมที่น่าสนใจคือพระธาตุศรีมหาโพธิ์ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ครบรอบ 25 ศตวรรษ

ประวัติของพระธาตุหนองบัว

จำลองแบบมาจากเจดีย์ที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย

เดี๋ยวเราจะเข้าไปชมด้านในกัน

ต่อมาจึงได้มีการสร้างพระธาตุองค์ใหญ่ครอบพระธาตุองค์เล็กอย่างที่เห็นกันทุกวันนี้

ลวดลายอันวิจิตรของเสาแต่ละต้น

ผู้คนแวะเวียนกันเข้ามกราบสักการะกันตลอด

พระอุโบสถของวัด รูปทรงแปลกตา

รูปแกะสลักเทียนพรรษาอันงดงาม

พระพุทธเมตตา

ข้ามถนนไปรอรถสองแถวหน้าธนาคารไทยพาณิชย์ฝั่งตรงกันข้ามกับตลาดหนองบัว

ลองขึ้นรถสาธารณะดูบ้าง โดยขึ้นสองแถวสาย11สีฟ้า ค่ารถคนละ 10 บาทตลอดสาย

มาลงยังทุ่งศรีเมือง

พระอุโบสถของวัดนี้สร้างตามแบบพระอุโบสถวัดเบญจมบพิตรในกรุงเทพฯ จึงมีลักษณะเด่นที่เป็นศิลปะภาคกลางที่มาอยู่ในแดนอีสาน

ภายในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองคือพระแก้วบุษราคัม

เข้ามาภายในพระอุโบสถแล้ว

พระแก้วบุษราคัมมีขนาดหน้าตักกว้าง 3 นิ้ว สูง 5 นิ้ว เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยศิลปกรรมสมัยเชียงแสน เป็นพระพุทธรูปที่มีมาก่อนตั้งเมืองอุบลราชธานีเสียอีก เชื่อกันว่าถ้าได้มาไหว้ขอพร จะทำให้มีความร่มเย็นเป็นสุข ครอบครัวอบอุ่นสามัคคี

วัดศรีอุบลรัตนารามเป็นวัดธรรมยุติกนิกายอีกวัดหนึ่งสร้างมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4

พิพิธภัณฑ์ศรีอุบลรัตนาราม

พระพุทธรูปภายในพระวิหาร

ส่วนวิหารเล็กๆนี้ตั้งอยู่ด้านหน้าวัด

ภายในประดิษฐานพระพุทธปางประทานพรทรงเครื่องอย่างสวยงาม

เข้ามาภายในบริเวณวัดแล้ว

มีป้ายเชิญชวนไปนมัสการขอพรพระสัพพัญญูเจ้าในพระอุโบสถ

พระอุโบสถมีขนาดกว้าง 20 เมตร ยาว 34 เมตร สูง 22 เมตร สถาปนิกผู้ออกแบบคือหลวงสถิตย์นิมานกาล(ชวน สุปิยพันธ์) นายช่างทางหลวงแผ่นดิน ลักษณะของพระอุโบสถ แบ่งเป็นสามส่วน คือ ส่วนหลังคาเป็นศิลปะแบบไทย ส่วนกลางเป็นศิลปะแบบตะวันตก และส่วนฐานเป็นศิลปะแบบขอม

พระสัพพัญญูเจ้าพระเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยหล่อด้วยโลหะผสมขัดเงา พระพุทธลักษณะสัดส่วนคล้ายกับพระพุทธชินราชที่จังหวัดพิษณุโลก(จึงได้รับการขนานนามว่าพระพุทธชินราชแห่งอีสาน) ถือว่าเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของเมืองอุบลองค์หนึ่ง เชื่อกันว่าถ้าได้มาไหว้ขอพรแล้ว จะทำให้มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด มีวิสัยทัศน์

เบื้องหน้าพระสัพพัญญูเจ้าซึ่งเป็นพระประธาน

วัดสุปัฏนารามวรวิหารเป็นวัดธรรมยุติกนิกายวัดแรกของจังหวัดอุบลราชธานี จัดสร้างโดยพระราชศรัทธาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 โดยได้เริ่มสร้างวัดในปี พ.ศ. 2396  พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าๆ พระราชทานนามว่า วัดสุปัฏนาราม อันหมายถึงวัดที่มีสถานที่ตั้งเหมาะสมเป็นท่าเรือที่ดี

ลงมายังด้านล่างแล้ว

ริมฝั่งแม่น้ำมูลที่ในอดีตเคยเป็นท่าเรือมาก่อน

แม่น้ำมูลยามบ่าย มีที่ออกไปยืนชมทัศนียภาพและให้อาหารฝูงปลาที่มีอยู่อย่างมากมาย

จุดชมวิวพื้นเป็นตะแกรงเหล็กมองลงไปเห็นเบื้องล่าง

คงต้องกลับขึ้นไปด้านบนแล้ว

ครบ 3 วัดตามที่ตั้งใจไว้แล้วสำหรับวันนี้ อีก 6 วัดจะพยายามไปให้ครบในวันพรุ่งนี้

มาถึงร้านปากหม้อญวนชื่อดังของเมืองอุบลฯ ยังมีเหลืออยู่ ต้องแวะชิมเสียหน่อย

ปากหม้อเป็นอาหารเวียดนามชนิดหนึ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาถึงเมืองอุบลฯ

อร่อยสมคำร่ำลือจริงๆ ร้านนี้ไม่มีชื่อร้านแต่ชาวบ้านนิยมเรียกกันว่าร้านปากหม้อหุ่นยนต์เพราะคนทำปากหม้อทำงานเหมือนเครื่องจักรแบบหุ่นยนต์จริงๆ

เราจะมาสักการะขอพรศาลหลักเมืองกันก่อนเหมือนเช่นทุกครั้งที่มาเมืองอุบลฯ

ศาลหลักเมืองที่อยู่ติดกับทุ่งศรีเมืองตรงข้ามศาลากลางจังหวัด

ขอให้เดินทางท่องเที่ยวโดยปลอดภัย ดินฟ้าอากาศแจ่มใส และที่สำคัญขอให้ได้กลับมาสักการะท่านบ่อยๆ

นั่งรถสองแถวสาย11สีฟ้าสายเดิมในราคา 10 บาทตลอดสาย มาจนหมดระยะ

รถสายนี้มาหมดระยะที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่าที่อยู่ออกมาย่านชานเมือง

เข้ามาด้านในแล้ว ได้เย็นฉ่ำชื่นใจหน่อย แถมยังมีห้องน้ำสะอาดๆให้เข้าด้วย

แต่คงไม่กินอาหารอะไร เพราะเป้าหมายมื้อเย็นของฉันอยู่ที่ตลาดโต้รุ่งที่จะเปิดขายประมาณ 17.00น.

ซื้อเพียงแค่ชามะนาวแก้วใหญ่มาจิบดับร้อนฆ่าเวลาเล่นโซเชียลไปเรื่อยๆ

จิบเครื่องดื่มท่ามกลางแอร์เย็นๆในหน้าร้อนชมวิวไปเพลินดีเหมือนกัน จะเห็นว่าห้างตั้งออกมาอยู่นอกเมืองจริงๆ

นั่งรถกลับมาลงยังทุ่งศรีเมือง

เข้ามาด้านในแล้ว

อภิมหาเทียนพรรษาเฉลิมพระเกียรติสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบของรัชกาลที่ 9

เข้าไปชมกันใกล้ๆ

อีกมุมหนึ่ง

ลวดลายอันวิจิตรและงดงาม

มีสนามเด็กเล่นด้วย

เด็กโตขึ้นมาหน่อยก็มาเล่นSURFSKATE BOARDกัน

ถือว่าเป็นสวนสาธารณะที่เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัยจริงๆ

เดินมานิดเดียวก็จะมาถึงตลาดโต้รุ่งที่จะเริ่มขายเวลาประมาณ 17.00น.ของทุกวัน

มีอาหารจำนวนมากให้เลือกกินตามใจชอบ

เป้าหมายของฉันในการมาอุบลฯครั้งนี้คืออาหารเวียดนาม วันนี้กินไปแล้ว 2 อย่างคือไข่กระทะและปากหม้อญวน จะกินอะไรอีกดีล่ะ

เริ่มด้วยข้าวคลุกแหนม 40 บาท

ตามมาด้วยข้าวเกรียบปากหม้ออีก 40 บาท

ชอบอาหารเวียดนามตรงที่มีผักเยอะๆ

มื้อนี้ 100 บาท ถามว่ากินหมดไหม ไม่หมดหรอกค่ะ สั่งมาเพื่อจะได้มีรูปและเรื่องราวมาทำรีวิว แต่ทุกอย่างอร่อยมาก

อิ่มแล้ว โทร.เรียกTaxiนั่งกลับมายังโรงแรม ถือว่าสะดวกมาก

ร้านนี้อยู่ตรงข้ามโรงแรม สังเกตเห็นมีGrabตลอดเวลา แสดงว่าอร่อย เอาไว้มื้อเย็นพรุ่งนี้แล้วกัน

ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาติดตามชม

ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นและกด+ กดLikeให้กำลังใจกัน

พบกันใหม่กับรีวิวเที่ยวอุบลฯตอนจบได้แล้วที่
            https://pantip.com/topic/40653428

สวัสดีค่ะ