อะไรทำให้ร้าบานคิดว่าร้านอาหารคือแหล่งแพร่เชื้อเหรอครับ pantip

ตอนกินต้องเปิดแมส

สั่งห้ามนั่งแต่ขายส่ง ห่อกลับได้ ไม่ต้องเยียวยามาก

งดคนมากินก็ลดการออกนอกบ้าน?

มันมี evidence based นะเรื่องนี้ คลัสเตอร์ร้านอาหารในต่างประเทศ

ร้านอาหาร คือ เข้าไปกินอาหาร ต้องเปิดหน้ากากอนามัยเพื่อเอาอาหารเข้าปาก
การอยู่นอกบ้านเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่สุด คือ ตอนที่ไม่มีสิ่งป้องกันบนใบหน้านึ้ละครับ
ร้านอาหารไม่ได้มีคุณคนเดียวเข้าไปกิน หากลูกค้าคนอื่น  บังเอิญเขาติดเชื้อ ตัวเองเป็นพาหะ มาก่อนเข้าร้านอาหาร
จากละอองฝอยที่บุคคลที่ 3 จากการพูดคุย (คุยโทรศัพท์) หายใจแรงๆ หรือ ไอ จาม  ไวรัสอยู่ในสารคัดหลั่งล่องลอยไปในอากาศ
ยิ่งถ้าหากร้านอาหารเปิด พัดลม หรือแอร์ ความเสี่ยงก็มีมากขึ้นตามลำดับ ไปเข้าปากเข้าจมูกคุณ พอเห็นภาพอะไรหรือยังครับ

ลืมให้คำตอบแบบเจ้าของกระทู้ถาม  ถึงจะเป็นเพิง เป็นเพิงหมาแหงน  อย่าลืมเรื่องกระแสลมตามธรรมชาติด้วยนะครับ
ลมพัดเอือยๆ ก็พัดหาเจ้าของกระทู้ได้เหมือนกัน  

ทุกอย่างบนโลกเกิดขึ้นได้ทุกหมด  อย่าไปคิดว่ามันจะไม่เกิดกับเราแล้วทำให้การป้องกันของเราลดลง
เห็นบางกระทู้บอกว่า มีสมาชิกบางท่าน ไป comment ว่า covid-19 ติดกันยาก ก็เพราะคิดเสียแบบนึ้ละครับ
คนถึงติดเชื้อกันเยอะเพิ่มมากขึ้น ส่วนหนึ่งเพราะการป้องกันตัวเองลดลง แถมไวรัสก็ระบาดเร็วและรุนแรงขึ้น

การต้องเปิดแมสก์เป็นปัจจัยสำคัญเลยครับ ยิ่วสายพันธุ์เดลต้าติดกันง่ายมาก เปิดแมสก์ยิ่งเสี่ยง

เปิดแมส , คุยกัน

ธุรกิจร้านอาหารส่วนมาเป็นรายย่อย ง่ายต่อการสั่งให้ทำ
รายใหญ่โรงงานต่างๆ ไม่ค่อยกล้าไปแตะ ทั้งที่เสี่ยงกว่า

ทำไมจะไม่เสี่ยง เปิดมาสคคุยกันเจ๊าะแจ๊ะน้ำลายกระเด็น ไอจามหยิบจับช้อนตะเกียบเดียวล้างแบบมักง่ายๆ แล้วมาเสริฟลูกค้าคนต่อไป

เปิดหน้ากากก็เสี่ยงแล้วค่ะ บางร้านจัดโต๊ะนั่งติดๆกันไม่เว้นระยะห่างเลย

แบบนี้

เวลากินต้องเปิดแมส ต่อให้แยกโต๊ะละคนยังชอบคุยมือถือไม่โทรออกก็รับสายคุยเล่นคุยงาน

กินอาหารต้องเปิดแมส

ถ้าเว้นระยะห่าง ร้านก็ต้องทำความสะอาด เช็ดอย่างดี จาน ชาม เครื่องปรุงบนโต๊ะ มีความเสี่ยง

ตัดปัญหา ส่งออนไลน์ กินที่บ้าน

ในโรงงาน กินข้าวก็เปิดแมส เหมือนกัน

แต่ไม่โดนปิด

พี่คนนี้ เดือดทุกวันเลย แต่เข้าใจเค้านะครับ

ก็ไม่ได้คิดไปเอง แถวๆบ้านผมสาธุประดิษฐ์ ร้านข้าวมันไก่ ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านตามสั่ง
ติดจริง ปิดร้านเองจริงๆ รถพยาบาลมารับจริง ลูกค้าที่ติดแล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าติดเพราะรับเชื้อจากที่ร้านหรือที่อื่น

ช่วงที่ยังพอไล่ไทม์ไลน์กันได้ เราจะเห็นตลอดว่าลูกจ้างร้านอาหารร้านนั้นร้านนี้ ติดโควิดกันเยอะ
โดยเฉพาะตามห้างฯต่างๆ เมื่อลูกจ้างติดแล้วคิดว่าลูกค้าที่รับเชื้อไปไม่รู้ตัวมีกี่รายล่ะครับ
พอรับเชื้อไปก็ไล่ไทม์ไลน์ตัวเองไม่ถูกละ ไม่รู้ติดจากไหน
ดาราบางคนที่ติดโควิด ช่วงที่ยังไม่ระบาดพีคๆเปิดไทม์ไลน์มาก็มีร้านอาหารหลายคนเลย

แล้วร้านอาหารเป็นที่ๆคนมารวมกัน ถอดแมสก์เพื่อกิน เปิดปากมีการปล่อยสารคัดหลั่ง
เป็นการกระทำที่เสี่ยงมากอยู่แล้วไม่ต้องสืบเลย
แล้วพอติดก็มักไม่รู้ว่าติดจากไหน พูดกันแบบนี้ทั้งนั้นถูกมั้ยล่ะ แต่ถ้าไล่ไทม์ไลน์พบว่ามีไปร้านอาหารด้วย
มันก็มีความเป็นไปได้มากว่าร้านอาหารก็เป็นที่เสี่ยง คนในร้านก็เสี่ยงทั้งหมดนั่นแหละ หลักฐานก็มีอยู่

อยู่ที่ว่าชาวเน็ตจะพิจารณาตามข้อเท็จจริง หรือจะเฮโลเชื่อตามกันที่เขาบอกต่อๆกันมาแล้วหลับตาข้างนึง
ทำเป็นมองไม่เห็นปัญหาแล้วก็มั่วตามเขาไป

มันเป็นที่รวมคน​ แล้วจะรู้ไหมใครเป็นอะไรบ้าง

ก็ตามต่างประเทศที่ทำกันอะ เขามีงานวิจัยรองรับ

กินอาหารร่วมกันนี่เสี่ยงสุดแล้วค่ะ เพราะมันต้องเปิดแมสก์ หลายคนเลยที่เรารู้จัก ติดจากการกินอาหารร่วมกัน ทั้งที่เวลาอื่นก็ใส่แมสก์ดิบดี พอถึงเวลาเที่ยง นั่งล้อมวงกินข้าวด้วยกันซะงั้น

พอเค้าให้แยกกินโต๊ะใครโต๊ะมัน ก็ดราม่าอีก บอกว่ามาจากบ้านเดียวกัน ตอนอยู่บ้านก็กินด้วยกัน ทำไมมาร้านไม่ให้นั่งด้วยกัน ทั้งที่ความจริงเค้าก็ขอร่วมมือแล้วว่าถึงจะอยู่บ้านเดียวกันก็ควรแยกกันกิน ไม่ควรกินรวมกัน จะได้ไม่ติดยกบ้าน

อีกอย่างต่อให้ไปนั่งกินคนเดียว น้องพนักงานเสิร์ฟก็เสี่ยงค่ะ เพราะหน้ากากหลักๆ มันป้องกันคนป่วยไม่ให้แพร่เชื้อ ไม่ได้ป้องกันการรับเชื้อเท่าไหร่ ถ้ามีคนติดมานั่งถอดแมสก์กินข้าว น้องพนักงาน(ซึ่งใส่แมสก์)ก็ยังมีความเสี่ยงสูงที่จะต้องติดโควิดจากลูกค้า

เราว่าซื้อขายให้ไปกินที่บ้านหรือเดลิเวอรี่ดีแล้วค่ะ เพราะขณะซื้อขายใส่แมสก์ทั้งคู่

ร้านข้างทาง ใครสั่งปิด?
เค้าให้ขายแบบซื้อกลับได้

คุณกล้าเสี่ยงเหรอ ลค. อาจจะติดโควิดมากินที่ร้าน ได้หยุดจริงๆล่ะงานนี้

ได้ยินสัมภาษณ์คุณหมอค่ะ สืบสวนโรคแล้วปรากฏว่าติดจากการรับประทานอาหารร่วมกันเป็นจำนวนมากค่ะ
เพราะเป็นเวลาที่ไม่ระวังตัวที่สุดแล้ว

ทานข้าว เปิดจมูก ปาก

ดูคลัสเตอร์ สมศักดิ์ เทพสุทิน สิครับ  ติดกันเกือบทั้งงาน

ไม่ใช่ไอเดียรัฐบาลหรอกคุณหมอต่างหาก คุณหมอเป็นคนบอกให้รัฐบาลออกคำสั่งเหตุผลตามที่ความเห็นข้างบนบอก รัฐบาลตอนนี้คิดไรไม่ออกแล้วมึนไปหมดไม่รู้จะแก้ปัญหายังไง วัคซีนฉีดไม่ได้ตามเป้า ยอดผู้ติดเชื้อก็ไม่ลด ดูทรงแล้วน่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากคลัสเตอร์โรงงานอุตสาหกรรม ที่จะทยอยเปิดตัวตามๆกันมา

ลองนึกภาพในหนังที่คนพูดมีควันออกจากปาก เพราะความเย็นจึงเห็นควัน เมืองร้อนบ้านเราลมจากปากไม่เห็นเป็นควัน แต่ลมปากกระจายได้เร็ว เหมือนเราเหม็นกลิ่นปากของบางคน หรือการผายลมกลิ่นก็นำไปด้วยอากาศ
ฉะนั้นเชื้อโควิดจะแพร่ด้วยเหตุฉะนี้ ไม่รวมถึงความสอาดของคนทำอาหาร มือหยิบจับอะไรนัก มันเสี่ยงทั้งนั้นค่ะ
ขนาดอาหารกล่องยังมีลูกหนูแถมมาด้วย.. ลองนึกสภาพครัวของร้านค้าดู มันน่าขยะแขยงขนาดไหน?
ปกป้องตนเองกันนะคะ ในบ้านก็ต้องสวมแมสก์เมื่อใกล้กัน เงินทอง จดหมาย จับแล้วล้างมือค่ะ

ประเทศอื่นเค้าก็ทำกันคุณเอ้ย

ตอนนี้เห็นใจธุรกิจร้านอาหารมาก

ในวงร้านสภากาแฟ (ร้านน้ำชา-กาแฟ-ข้าวต้มยามเช้ามืด, บางร้านเปิดตลอดวันเพราะขายของชำ-โชว์ห่วยควบคู่)

ซึ่งเป็นวิถีปกติของชาวบ้านในชนบท มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารพูดคุยปกติ-น้ำชา-กาแฟเป็นเรื่องรอง อาหารหลักและโอชะยิ่งกว่า คือ เรื่องชาวบ้าน > จึงเป็นหลักแพร่เชื้อไม่ต่างกับจุดเสี่ยงอื่นๆ ส่วนใหญ่ใส่แมสใต้คาง ใช้ชีวิตปกติ บ้างก็ไม่ใส่แมสกันเลย นั่งเม้าท์กันเป็นก๊กเป็นแก๊งค์ขาใครขามันเป็นแหล่งแพร่เชื้อโควิดที่พบเจอได้ง่ายมากแถบชนบท

บางคนบางพื้นที่ในชนบทที่ติดเชื้อ เปิดเผยไทมไลน์เช้าถึงค่ำมืด = บ้าน > ร้านน้ำชา > เข้าสวน > กินน้ำสมุนไพร? > ร้านน้ำชา > เข้าสวน > กินน้ำสมุนไพร? > บ้าน ….

ชาวบ้านบางคนบางพื้นที่ในชนบทเขาไม่กลัว เพราะไม่ตระหนักและยังไม่ได้รับผลกระทบจริงจัง ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง ฯลฯ

เราเจอบางร้านนี่ใส่แมสเฉพาะตอนลูกค้าเข้าด้วยซ้ำนะ ดึงแมสขึ้นลง ไม่ใช้เจลล้างมือหลังจากดึงแมสขึ้นอีก?

มีการเดินทางของพนักงานจากบ้านไปยังร้านอีก โดยเฉพาะแรงงานที่ไม่ใช่คนไทย

ในร้านอาหาร

1 ต้องถอดหน้ากากเวลากิน

2 กินแล้วสำลักไอนี่เรื่องใหญ่นะ

3 ใส่พริกไทยมากจามออกมาฟู่ดหนึ่งนี่ฝันร้ายกันทั้งร้านเลย

นโยบายตีขลุมมโนเอาเอง
คือมันอาจจะมีติดบ้างแหละ​  แต่ไม่ขนาดคลัสเตอร์แน่นอนถ้ามีการจัดการดี
นี่เอะอะจะไม่ให้ติดเลยปิดทั้งปีมันก็ไม่หมดหรอก
ยิ่งคนบอกร้านเพิงข้างทางยังมีละอองเนี่ย
ชีวิตนี้คงต้องอยู่แต่ในห้องปลอดเชื้อแล้วละ

เรื่องของเรื่องคือ

ต้องหาแพะรับบาป ให้ได้

ในกรณีนี้ คือ ร้านอาหาร

บนรถเมล์  ไม่มีใครถอดแมสก์ กินอาหารสักหน่อย

ทั้งคนขับ   พกส . และ ผดส. ยังติดเชื้อกันทุกวัน

จานชามช้อนส้อมที่วางโดยไม่มีอะไรปิด ไม่เสี่ยงเหรอครับ คนมีเชื้อเดินผ่าน คุย จามใส่ จบครับ คนทำล้างมือก่อนจับไหม วันก่อนซื้อขนมในตลาด วางไว้แบบเปิด มีแค่แผ่นพาสติกปิดหน้าร้าน ถึงบ้านยังต้องอุ่นร้อนก่อนกิน

จะอดตายแล้วค่ะ

ที่ผมเห็นนะครับ

ลูกค้าที่กำลังกินเสร็จใช้กระดาษเช็ดปาก แล้ววางไว้ที่โต๊ะ

พนักงานมาเก็บโต๊ะ เก็บกระดาษที่เช็ดปากนั้นไปด้วย พนักงานนั้นยกจากเมนูใหม่ลงถาด ยกถาดไปเสริฟ ลูกค้ากิน

เสี่ยงไม่เบานะครับ

โรคนี้มีมาปีครึ่งแล้ว ทุกวันนี้ก็ยังมีคำถามแบบนี้อีก