อาหารไทย ทุกวันนี้เป็นยังไง กินยังไง
ทุกคน ที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้อย่างน้อยก็คงจะเคยกินอาหารไทยกันมาบ้างแล้วทุกคนเคยสังเกตกันบ้างไหมว่าอาหารไทยที่เรากินกันมันแตกต่างจากเมื่อก่อนยังไงมันมีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง ทุกคนจำได้ไหมตอนเด็กเด็กที่เราอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่มีทั้งลุงป้าน้าอาพี่น้องพ่อแม่ยัดอยู่ในบ้านเดียวกัน ยังจำเสียงของแม่ที่ตะโกนเรียกให้ทุกคนไปกินข้าวพร้อมกันได้อยู่ไหม แม้แต่เสียงของแม่ที่ตะโกนบอกให้ปิดแก๊สด้วยหม้อจะไหม้แล้ว
ยังจำรูปนี้ได้ไหมแกงหม้อใหญ่ใหญ่ที่แม่ทำเอาไว้ทีเดียวกินได้ทั้งบ้านบางทีก็กินกันหลายวันเลย
คงจะเห็นได้ชัดกันแล้วว่าในสมัยก่อนหรือแม้แต่ไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้นวัฒนธรรมการกินอาหารของไทยเป็นการรับประทานกันเป็นครอบครัวพร้อมกันทำอาหารก็เป็นหม้อใหญ่ไม่เร่งรีบมีอาหารหลากหลายตักแกง นั่นที นู้น ที เริ่มเห็นความต่างหรือยังว่าอะไรเปลี่ยนไปบ้าง
ดูอย่างรูปนี้สิครับไม่ว่าจะเป็นการจัดฉากหรือไม่แต่นี่เป็นการยกตัวอย่างที่ดีสำหรับการทานข้าวนิ้วปัจจุบันเห็นได้ถึงความเร่งรีบการทานอาหารแบบจานเดียวเร่งรีบถึงขนาดทานบนโต๊ะกับข้าวเลยทีเดียวไม่มีแกงหม้อใหญ่ไม่มีพี่น้องไม่มีพ่อแม่ไม่มีใคร ซึ่งมันก็เป็นกับผมเหมือนกันในตอนนี้ที่เวลาการกินอาหารของทุกคนไม่ตรงกันแล้วในครอบครัว ผมก็เลยลองมาคิดดูว่าเฮ้ยมันเป็นแบบนี้แต่เมื่อไหร่ ผมคิว่าการเข้ามาของเทคโนโลยีต่างๆเป็นเรื่องที่สำคัญเพราะมันจะเปลี่ยนทัศนคติของเราให้เร็วมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการโลกาภิวัตน์ที่ทำให้ทุกคนติดต่อสื่อสาร กันได้อย่างรวดเร็ว
เวลาทุกนาทีจึงมีค่าทุกคนก็เลยใช้เวลาว่างตัวเองในการรับประทานอาหารทำให้กลายเป็นการทานอาหารแบบจานเดียวมากขึ้นแต่ในบ้าน ผมก็ยังมีหม้อแกงหม้อใหญ่ตั้งอยู่อยู่ดี พูดถึงอาหารแล้วคงจะไม่พูดถึงการพัฒนาของตัวอาหารเองไม่ได้โดยเฉพาะความมีชื่อเสียงของอาหารไทยบนโต๊ะอาหารระดับโลกทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายทั้งการยกระดับอาหารไทยให้เสิร์ฟแม้แต่ในภัตตาคาร การประสมประสานอาหารไทยกับชาติต่างๆทำให้เกิดรสใหม่ขึ้นมามากมาย อีกทั้งการเปิดร้านอาหารไทยในประเทศต่างๆที่ทุกคนก็น่าจะพอรู้กันอยู่ว่าคนต่างประเทศชื่นชอบอาหารไทยขนาดไหน
แต่บางคนอาจจะลืมไปว่าสิ่งหนึ่งที่กระทบมากๆกับวงการทุกวงการโดยเฉพาะการทานทานอาหาร คือ โควิด-19
เหมือนที่ผมพูดไปข้างต้นว่าวัฒนธรรมการกินอาหารมันก็เปลี่ยนไปมากแล้วจากเมื่อก่อน แต่พอ โควิด-19 เข้ามาทุกอย่างก็ยิ่งเปลี่ยนไปอีกการทำอาหารทำได้ยากลงไม่สามารถไปซื้อวัตถุดิบได้อย่างใจอยาก กินอาหารข้างนอกก็ไม่ได้แม้แต่เสร็จนั่งกินด้วยกันยังต้องเว้นระยะห่างเลย จึงเกิดนวัตกรรมใหม่ขึ้นมาก็คือการสั่งอาหารแบบเดลิเวอรี่ที่ฮอตฮิตมากในช่วงนี้ ทำให้การสั่งอาหารจากร้านอาหารมีมากขึ้นคนก็ไม่ค่อยทำกับข้าวกันแล้วไม่เชื่อคุณก็ลองนึกดูสิว่าเมื่อวานคุณกินข้าวกับใครบ้างบนโต๊ะคุณมีอะไรบ้างและอาหารที่คุณได้มากินคุณได้มายังไงแค่นี้คุณก็คงจะเห็นความแตกต่างระหว่างอดีตกับปัจจุบันได้มากมายเลยทีเดียวครับ
ยังจำรูปนี้ได้ไหมแกงหม้อใหญ่ใหญ่ที่แม่ทำเอาไว้ทีเดียวกินได้ทั้งบ้านบางทีก็กินกันหลายวันเลย
คงจะเห็นได้ชัดกันแล้วว่าในสมัยก่อนหรือแม้แต่ไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้นวัฒนธรรมการกินอาหารของไทยเป็นการรับประทานกันเป็นครอบครัวพร้อมกันทำอาหารก็เป็นหม้อใหญ่ไม่เร่งรีบมีอาหารหลากหลายตักแกง นั่นที นู้น ที เริ่มเห็นความต่างหรือยังว่าอะไรเปลี่ยนไปบ้าง
ดูอย่างรูปนี้สิครับไม่ว่าจะเป็นการจัดฉากหรือไม่แต่นี่เป็นการยกตัวอย่างที่ดีสำหรับการทานข้าวนิ้วปัจจุบันเห็นได้ถึงความเร่งรีบการทานอาหารแบบจานเดียวเร่งรีบถึงขนาดทานบนโต๊ะกับข้าวเลยทีเดียวไม่มีแกงหม้อใหญ่ไม่มีพี่น้องไม่มีพ่อแม่ไม่มีใคร ซึ่งมันก็เป็นกับผมเหมือนกันในตอนนี้ที่เวลาการกินอาหารของทุกคนไม่ตรงกันแล้วในครอบครัว ผมก็เลยลองมาคิดดูว่าเฮ้ยมันเป็นแบบนี้แต่เมื่อไหร่ ผมคิว่าการเข้ามาของเทคโนโลยีต่างๆเป็นเรื่องที่สำคัญเพราะมันจะเปลี่ยนทัศนคติของเราให้เร็วมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการโลกาภิวัตน์ที่ทำให้ทุกคนติดต่อสื่อสาร กันได้อย่างรวดเร็ว
เวลาทุกนาทีจึงมีค่าทุกคนก็เลยใช้เวลาว่างตัวเองในการรับประทานอาหารทำให้กลายเป็นการทานอาหารแบบจานเดียวมากขึ้นแต่ในบ้าน ผมก็ยังมีหม้อแกงหม้อใหญ่ตั้งอยู่อยู่ดี พูดถึงอาหารแล้วคงจะไม่พูดถึงการพัฒนาของตัวอาหารเองไม่ได้โดยเฉพาะความมีชื่อเสียงของอาหารไทยบนโต๊ะอาหารระดับโลกทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายทั้งการยกระดับอาหารไทยให้เสิร์ฟแม้แต่ในภัตตาคาร การประสมประสานอาหารไทยกับชาติต่างๆทำให้เกิดรสใหม่ขึ้นมามากมาย อีกทั้งการเปิดร้านอาหารไทยในประเทศต่างๆที่ทุกคนก็น่าจะพอรู้กันอยู่ว่าคนต่างประเทศชื่นชอบอาหารไทยขนาดไหน
แต่บางคนอาจจะลืมไปว่าสิ่งหนึ่งที่กระทบมากๆกับวงการทุกวงการโดยเฉพาะการทานทานอาหาร คือ โควิด-19
เหมือนที่ผมพูดไปข้างต้นว่าวัฒนธรรมการกินอาหารมันก็เปลี่ยนไปมากแล้วจากเมื่อก่อน แต่พอ โควิด-19 เข้ามาทุกอย่างก็ยิ่งเปลี่ยนไปอีกการทำอาหารทำได้ยากลงไม่สามารถไปซื้อวัตถุดิบได้อย่างใจอยาก กินอาหารข้างนอกก็ไม่ได้แม้แต่เสร็จนั่งกินด้วยกันยังต้องเว้นระยะห่างเลย จึงเกิดนวัตกรรมใหม่ขึ้นมาก็คือการสั่งอาหารแบบเดลิเวอรี่ที่ฮอตฮิตมากในช่วงนี้ ทำให้การสั่งอาหารจากร้านอาหารมีมากขึ้นคนก็ไม่ค่อยทำกับข้าวกันแล้วไม่เชื่อคุณก็ลองนึกดูสิว่าเมื่อวานคุณกินข้าวกับใครบ้างบนโต๊ะคุณมีอะไรบ้างและอาหารที่คุณได้มากินคุณได้มายังไงแค่นี้คุณก็คงจะเห็นความแตกต่างระหว่างอดีตกับปัจจุบันได้มากมายเลยทีเดียวครับ
สมาชิกหมายเลข 4117384
30 มีนาคม เวลา 16:35 น.
30 มีนาคม เวลา 16:35 น.
แหล่งที่มา pantip.com
สังคมเคลื่อนไปแบบไหน ก็ต้องตามไปแบบนั้น อย่าพยายามทำตัว จระเข้ขวางคลอง ไม่งั้นจะกลายเป็น หมาหัวเน่า
มาแบบ สุภาษิต ทั้งเม้นท์ อิอิ
30 มีนาคม เวลา 18:57 น.
ไม่เกี่ยวกับอดีต-ปัจุบันนะ แต่ละบ้านก็กินต่างกัน อย่าเหมารวม
31 มีนาคม เวลา 02:05 น.
31 มีนาคม เวลา 07:54 น.
31 มีนาคม เวลา 09:04 น.
31 มีนาคม เวลา 12:07 น.
แต่บ้านภรรเมีย ตจว. ยังมีอยู่ และ เค้าไม่มีไมโครเวฟ
31 มีนาคม เวลา 13:03 น.
แต่ที่บ้านเคยอยู่กันรวมญาติเยอะมากกก หลายหลังในพื้นที่เดียวกัน
ที่บ้านหลังใหญ่ มีโต๊ะกินข้าว 10 ที่นั่ง ต้องนั่งกันสามรอบ
วันธรรมดา แต่ละครอบครัวย่อยทำกับข้าวมาวางและทยอยกันนั่ง กินเสร็จแล้วเก็บไป
วันเสาร์อาทิตย์ ลุงหรือป้าคนโต จะเป็นเจ้ามือทำอาหารมื้อใหญ่มากพอสำหรับคนห้าสิบคน ใครจะมานั่งกินโต๊ะใหญ่ก็ได้ หรือจะเอาชาม เอาหม้อมาตักกลับบ้านตัวเองก็ได้
ปัจจุบันโต๊ะยังอยู่ แต่คนกินไปรวมกันบนสวรรค์เสียเยอะแล้ว
31 มีนาคม เวลา 14:49 น.
31 มีนาคม เวลา 18:09 น.
พอเข้าวัยทำงานช่วงทำงานเลิกงานมาก็ซื้อข้างนอกทานเอาเพราะเหนื่อยมาก อาหารรสชาติถูกปากบ้าง ไม่ถูกปากบ้าง แล้วแต่ดวงว่าเจอร้านไหน
แต่ตอนนี้ตกงานก็เลยทำกับข้าวทุกวันนะคะ ด้วยความที่เรายังว่างงานอยู่เลยมีเวลาค่อนข้างมาก เครื่องปรุงมีแทบทุกอย่างในบ้านคือแบบซื้อไว้หลากหลาย เผื่ออยากทำอาหารต่างชาติบ้าง พอตอนหลังตกงานเครื่องปรุงที่เคยซื้อไว้ช่วยได้เยอะ เวลาทำอาหารก็จ่ายน้อยลงเพราะซื้อแค่ผักกับเนื้อสัตว์เท่านั้น ส่วนใหญ่เวลาเราทำ ณ ปัจจุบันคือ ทำวันละ 1 อย่าง แต่เป็นไซส์ใหญ่กว่าปกตินิดนึง เพราะทำเผื่อคุณพ่อ ตัวเราเอง และใส่กล่องให้แฟนไปทำงาน ส่วนใหญ่ที่บ้านเน้นทานผักกัน และเป็นคนทานง่าย กับข้าว 1 อย่างก็ทานได้แล้ว ที่บ้านเราจะมีคนเอาผักมาขายถูกๆ 3 อย่าง 25 คละได้ ส่วนใหญ่เลยจ่ายค่าผักประมาณ 25 บาท/2วัน แต่อาจมีจ่ายเพิ่มเวลาพริกหรือกระเทียมหมด เฉลี่ย 1 วัน ทั้งผักและเนื้อสัตว์ 3 คน ใช้งบประมาณ 70 บาท
โชคดีอยู่อย่าง คือบ้านใกล้วัด บางทีก็มีกับข้าววัดมา หรือมีคนเอาข้าวสารมาถวายพระเยอะมากช่วงเทศกาล พระท่านก็นำมาแจกจ่ายชาวบ้าน เราเลยได้อานิสงค์ข้าวสารมาประทังชีวิตด้วย แต่ที่น่าแปลกคือ เฉพาะค่าอาหารพอตกงานไม่มีเงิน 500 อยู่ได้เกือบเดือน แต่พอทำงานมีเงิน วันละ 200 แทบไม่พอ
31 มีนาคม เวลา 20:42 น.
ตอนนี้ เราก็ยังทำกินเองให้ทุกคนในครอบครัวทุกวัน ไม่กินข้าวนอกบ้านเลยค่ะ
ส่วนการกินร่วมกัน ร่วมวงก็ต้องยกให้ภาคอีสานกับประเทศลาวค่ะ ตุ้มโฮมกันได้ดีมากค่ะ แบ่งปันอาหาร ทุกคนกับกระติบข้าวเหนียวอันใหญ่ยิ่งค่ะ ซึ่งสำหรับเรา ส่วนตัวก็คือสิ่งที่ยอดเยี่ยมและหน้าชื่นชมมากค่ะ
1 เมษายน เวลา 07:14 น.
กับข้าวทำเยอะ สมัยก่อนไม่มีตู้เย็น ไมโครเวฟ ก็ขยันอุ่นกันหน่อย
สมัยก่อนกับข้าวเหลือก็ใส่ตู้กับข้าวไว้ ถ้าเป็นอาหารแห้งก็ไม่ต้องอุ่น กินได้เลย ถ้าแบบนำ้ก็อุ่นก่อนกิน
สมัยนี้อะไรก็ยัดตู้เย็น จะกินก็เวฟให้ร้อน
สมัยก่อนจะแกงอะไรตำนำ้พริกเองทุกอย่าง ปอกมะพร้าว ขูด คั้นกะทิสดๆ
สมัยนี้ซื้อนำ้พริกสำเร็จ กะทิคั้นสำเร็จ
สมัยก่อนกับข้าวทำเองกินเอง ความหลากหลายน้อย กินกันซำ้ๆ
สมัยนี้ทำเอง ซื้อมากิน ไปกินข้างนอก อาหารมีหลายสัญชาติ หลากหลายดี ชอบ
ก็จะประมาณนี้
1 เมษายน เวลา 15:59 น.