👨🍳มือใหม่ชวนทำ Castella (Kasutera) สปันจ์เค้กของญี่ปุ่น หน้าฉ่ำๆเนื้อฟูๆ
Castella ของญี่ปุ่นเป็นเค้กที่ได้รับอิทธิพลมาจากขนมของ Protugal
(Pão de Ló หรือเรียกอีกชื่อว่า Pão de Castela ขนมปังแห่งแคว้นคาสตีล ญี่ปุ่นเรียกสั้นๆว่า Kasutera)
ช่วงศตวรรตที่ 16 ญี่ปุ่นยังปิดประเทศ แต่จะเปิดเมืองท่าที่ Nagasaki เมืองเดียวให้ติดต่อค้าขายกับต่างชาติ
ชาวโปรตุกีสเข้ามาค้าขายพร้อมกับนำเค้กชนิดนี้มาเผยแพร่ให้คนญี่ปุ่นได้รู้จัก
ญี่ปุ่นดัดแปลงสูตรจนกลายเป็นเค้กของตัวเองไปแล้ว
เค้กนี้ มีส่วนผสมน้อย เน้นที่ไข่และแป้งขนมปัง แต่วิธีทำมีรายละเอียดแตกต่างกันออกไปบ้าง
เราหัดทำจากสูตรของ Cooking with dog ซึ่งมีส่วนผสมน้อย วิธีทำไม่ยุ่งยาก ดูจากต้นฉบับัตามนี้นะคะ
ส่วนผสม
ไขไก่ 6 ฟอง
น้ำตาล 180 กรัม (ลดลงจากต้นฉบับที่ใช้ 200 กรัม)
แป้งขนมปัง 150 กรัม
น้ำผึ้ง 3 ชต.
น้ำร้อน 3 ชต.
Coffee Sugar Crystal น้ำตาลกรวดโรยก้นถาดพิมพ์เพื่อเพิ่มความหอมและสีสวยของน้ำตาลไหม้
28 มีนาคม เวลา 15:57 น.
ตีไข่กับน้ำตาล แล้วตั้งในหม้อน้ำร้อน ตีต่อจนไข่เริ่มอุ่นขึ้นนิด ยกลงตีจนขึ้นฟูขาว
เติมน้ำผึ่งที่ผสมน้ำร้อน ตีให้เข้ากัน
เติมแป้งที่ร่อนแล้ว แบ่งเป็น 3 ครั้ง
เทใส่พิมพ์รองด้วยกระดาษ (ซื้อกระดาษรองจากร้าน Daiso)
ตามสูตรเค้าโรยน้ำตาล Coffee Sugar Crystal ก้นถาดเพื่อให้ได้สีสวย แต่เราไม่มี ลองโรยน้ำตาลธรรมดา ไม่ช่วยอะไร😂
แล้วใช้ไม้แหลมจุ่มเค้กลากเป็นเส้นไปมาเพื่อทำให้ฟองอากาศลดลง
ปล. สูตรดั้งเดิมใช้พิมพ์ไม้เพื่อที่จะใช้เวลาอบนานๆให้เนื้อเค้กค่อยๆสุก
ที่จริงทำได้ 3 ชิ้น แต่เรามีพืมพ์เหลี่ยมแค่ 2 อัน เลยเทพิมพ์กลมอีก 1 อัน
ไฟ 170 ซซ 15 นาที
ลดไฟลง 160 ซซ 50 นาที
เตาของเรามีปัญหาไฟบน เลยต้องปิดหน้าด้วยฟรอยด์ ต้องเพิ่มเวลาอบอีก 20 นาที
ก่อนอบ กระแทกถาดเพื่อลดฟองอากาศไม่มากพอ หน้าเลยฟู พอเย็นแล้วเหี่ยว
อบเสร็จแล้วห่อแช่ตู้เย็นค้างไว้ 1 คืนเพื่อให้เค้กเซตตัว
เราใช้พิมพ์ขนาดเล็ก ต้องตัดขอบทิ้ง 4 ด้านยิ่งเล็กลง ควรใช้พิมพ์สี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ แล้วค่อยตัดแบ่งจะดีกว่า
ขนมค่อนข้างหวาน ใช้แป้งหนักก็จริงแต่ใช้ไข่เยอะและตีจนฟู เนื้อขนมไม่หนักเกินไป
รับประทานกับเครื่องดื่มร้อนๆเข้ากันดีและเก็บไว้ได้นานประมาณ 1 สัปดาห์
สนุกกับการทำขนมกันนะคะ
28 มีนาคม เวลา 16:01 น.
Seedless Blackberry Jam
คุ้ยเจอลูก Blackberry ในตู้แช่แข็ง
เป็นลูกที่เก็บจากต้นปลูกเองตั้งแต่ปีที่แล้ว จากลูกสีดำกลายเป็นสีแดง เลยเอามาแยมไว้กินกับขนม
ส่วนตัวไม่ชอบเมล็ดข้างในกรุบๆของลูกBlackberry เลยจัดการแยกเมล็ดออกก่อนโดยการขูดกับกระชอน
ใครมีเครื่องแยกกากก็สะดวกขึ้นมาก
เสร็จแล้วใส่น้ำตาล 2 ช้อน น้ำเลมอนนิดหน่อย ตั้งไฟกวนจนหนึบๆเท่านั้น
ไม่ได้ใส่เจลาติน
Blackberry บ้านเราเปรี้ยวปรี๊ดดดด ขนาดเติมน้ำตาลแล้วยังเปรี้ยวอยู่
กินกับครัวซองค์กรอบๆมันๆ เข้ากั๊นเข้ากัน อร่อยมาก (ครัวซองค์ที่ซื้อมาที่อร่อย😆)
เอาเนื้อเค้ก Castella ที่หั่นออก มาใส่ถ้วย ตีครีมชืสกับนมข้นหวานและน้ำเลมอน ราดลงไป
ราดซอสBlackberry โปะหน้าด้วยสตรอเบอรี่
กลายเป็นเค้กเบอรี่รวม
28 มีนาคม เวลา 16:03 น.
ที่นี่เรียก Castella ว่าเค้กไข่ไต้หวันค่ะ
ไม่แน่ใจว่าสูตรแบบเดียวกันหรือเปล่าค่า
28 มีนาคม เวลา 19:24 น.
เวลาอบของไต้หวันจะใช้น้ำใส่ในถาดตอนอบด้วย
ของไต้หวันก็น่ารับประทานมากๆนะคะ
29 มีนาคม เวลา 07:10 น.
29 มีนาคม เวลา 00:15 น.
29 มีนาคม เวลา 07:10 น.
29 มีนาคม เวลา 06:15 น.
29 มีนาคม เวลา 07:11 น.
ของโปรดที่บ้าน ปรกติซื้อ Fukusaya (ต้างคาว) เมื่อก่อนต้องไปเดินหาในห้างไดมารู เดี่ยวนี้สบายที่สนามบินด้านในมีขายทุกสนามบิน
29 มีนาคม เวลา 07:58 น.
ปกติแม่ไม่ค่อยกินเค้กเพราะใช้นมเนย แต่พวก Castella เซนเบ้ กินได้เยอะเลยซื้อบ่อยค่ะ
เฮียนำเสนอยี่ห้อนี้ค่ะพี่ฟ้า ไม่ใช่ของดั้งเดิมจากนางาซากิ แต่เป็นสูตรที่ไปเรียนมาแล้วมาทำที่โตเกียว
ตอนเด็กเฮียเค้ากินเลยจำได้แม่น
https://www.bunmeido.co.jp/item/113
29 มีนาคม เวลา 10:59 น.
ส่วนใหญ่ก็จะซื้อก่อนวันกลับ ประมาณทุ่มกว่าๆ ก่อนห้างไดมารูปิด ซื้อแบบเร็วๆ เพราะเล็งๆ ไว้แล้ว รวมถึงบรรดาขนมของฝากทั้งหลาย
โดยส่วนตัวไม่ค่อยชอบซื้อสนามบินมันค่อนข้างเป็นมาตรฐานของฝากเกินไป (เหมือนกันไปหมด 555)
เดี๋ยวรอบหน้าถ้ามีโอกาสจะลองทานดู ขอบคุณมากครับ
ปล. ดูจากในรูปของร้าน ดูแล้วเนื้อจะไม่แน่น (หนัก) เท่าของค้างคาว
ปล. เค็กไข่ใต้หวัน เนื้อนุ่มกว่า เบากว่า ก็เลยน้ำหนักค่อนข้างเบาหวิว
29 มีนาคม เวลา 13:14 น.
29 มีนาคม เวลา 15:16 น.
29 มีนาคม เวลา 16:24 น.
3 เมษายน เวลา 08:47 น.
14 เมษายน เวลา 14:58 น.
15 เมษายน เวลา 16:55 น.