เที่ยวเกาหลี 8 วัน “คุณหมอคะขอใบรับรองแพทย์หน่อยค่ะ หนูต้องไปใจมันสั่งมา” : ขาล้าทราเว่ล pantip

ไปต่อกันที่วัดโชเกซา Jogyesa Temple มีโคมสีสันสดใสสวยดีค่ะ ภายในวัดมีคนมาสวดมนต์ค่อนข้างเยอะ



วัดนี้จะมีส่วนพระใหญ่ ที่คนนิยมมาเดินชม กับส่วนของห้องแยก ที่ศาสนิกชนมานั่งสวดมนต์ทำสมาธิ เราก็ต้องกลมกลืนให้ถึงจุดนั้นค่ะ ส้มโอเข้าไปนั่งกะลุงๆป้าๆดูเค้าสวดมนต์กัน เราต้องเข้าถึงบรรยากาศจริง!


เดินผ่านร้านนั่นนี่



เหนื่อยมากๆๆแล้ว ไม่มีแรงจะแวะร้านไหน ใกล้ตายเต็มที ซื้อออมุกร้านป้าขึ้นไปกินที่ห้องกันตาย

จบวันที่ 2 ด้วยความเหน็ดเหนื่อย เดี๋ยวมาต่อกันนะคะ

วันที่ 3 วันนี้จะไปตลาดกวางจาง และพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เรือนจำซอแดมุน Seodaemun Prison History Museum

ตลาดกวางจาง เป็นตลาดใหญ่ ขายทุกอย่างสากเบือยันเรือรบ ในส่วนของอาหาร มักจะเป็นของซ้ำๆๆๆๆ คงจะเป็นของกินที่นิยม แต่สำหรับเรารู้สึกว่าไม่หลากหลายเท่าไหร่








สุดท้ายก็ลองกินเกี๊ยวละกัน น่ากิน แต่รสชาติงั้นๆไม่ถูกปากส้มโอค่ะ



แน่นอนว่า เราก็ต้องลอง ต็อกบ็อกกียอดฮิตที่ใครๆมาเกาหลีก็ต้องกิน อะสั่งมาลอง..

แหลกไม่ลงเลยค่ะ ก็แท่งแป้งคลุกๆซอสอย่างที่คิด แงง ทำไมเรากินไม่อร่อยเหมือนคนอื่นเค้าาา


เดินทางต่อ ระหว่างทางเจอแก๊งค์คุณลุงมาเดินเล่นกัน ประเทศที่อากาศดีๆก็น่าเดินเนอะ

เนื่องจากส้มโอเป็นคนที่ชอบประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมเก่าด้วย ก็เลยอยากไปที่นี่ เรือนจำซอแดมุน


มีป้ายเตือนคงประมาณว่าคนที่เป็นโรคหัวใจควรระวัง เพราะเข้าไปอาจเจอสิ่งที่สะเทือนใจได้



รูปที่กำแพงน่าจะเป็นรูปของคนที่เสียชีวิตที่นี่

ห้องขัง

กรงสำหรับทรมานนักโทษ มีเหล็กแหลมทิ่มน่ากลัวมาก


ตู้ไม้ขังเดี่ยว อันนี้ส่วนตัวรู้สึกสะเทือนใจมาก จะเป็นตู้ไม้ที่ออกแบบมาให้ด้านล่างแคบกว่าด้านบน คือนักโทษจะยืนได้อย่างเดียวเท่านั้นนั่งไม่ได้


มีรูปเก่าให้ดู มีส่วนของห้องสำหรับเก็บและขนย้ายศพ สยองมาก มีหุ่นจำลองจัดแสดงการสอบสวนและทรมาน












บรรยากาศรอบๆ กว้างใหญ่อลังการ สงบเงียบขรึม









มีอนุสาวรีย์รูปถ้วยข้าว แต่จำไม่ได้ว่าสื่อความหมายถึงอะไรค่ะ



หลังจากตรงนี้ก็ไปศาลเจ้าจงมโย แต่พอไปถึงปรากฎว่าหมดรอบเข้าชม อดดูจ้า แล้วต่อด้วยการดั้นด้นไปดูไฟที่ The garden of morning calm การเดินทางค่อนข้าง งง มีการหลงหน่อยๆ นั่งรถไฟใต้ดินก็งง กลายเป็นเลยไปสุดสายยังไม่รู้ตัว โล่งกริ๊บ

กว่าจะไปถึงก็ฟ้ามืด มันคือนอกเมือง เงียบ หนาว และอ้างว้างมากกก แทบไม่เจอคน พยายามหาเบาะแสว่าที่ที่เราจะไป มันไปยังไง ก็มีลุง Taxi มาคุย ว่ารถเมล์หมดแล้ว ต้องไป Taxi (ซึ่งหลายบาท) ส้มโอยืนคิดอยู่พักนึง ก็ตัดสินใจไม่ไป เพราะ เราไปถึงก็คงมีเวลาไม่มาก เดี๋ยวงานไฟก็ปิดแล้ว แล้วเราจะจ่ายค่า Taxi แพงๆไปดูแค่แป๊บเดียวทำไม ซึ่ง ก็เศร้าพอสมควร เพราะตั้งใจจะมามาก และกว่าจะมาถึงนี่ก็คือเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ามีดราม่าเป็นเพื่อน


ที่นี่คือที่แรกในชีวิต ที่รู้ว่าหนาวมือแข็งเป็นยังไง นี่แหละเหง๊าาา นี่แหละหนาววว นี่คือความจริง ที่ด๊าย เจอ


แบกสังหารและใจหวิวๆกลับที่พัก วันนี้แทบไม่ได้กินอะไรเลย นี่ก็ดึกแล้ว ได้กินร้านนี้ค่ะ เป็นข้าวจาจังเหมี่ยนไข่ดาว จานใหญ่สั่งจานเดียวกินได้ 2 คน โอ๊ววว สวรรค์ อร่อย จานนี้แหลกลงค่ะ

จบวันที่ 3 เข้านอน คุณแฟนกินยาลดไข้ทุกวัน ส้มโอกินยาภูมิแพ้ทุกวัน สภาพ 2 คนพังมาก เหลืออีกหลายวันรอติดตามกันนะคะ

วันที่ 4 วันนี้เราจะเดินทางข้ามจังหวัดกัน คิดย้อนกลับไปแล้วงงมาก ทำเพื่อ!!! แทนที่จะเที่ยวโซลให้เยอะๆ ดันซ่าอยากข้ามจังหวัด ข้ามไปนู้นเลยค่ะ จากเหนือเราลงใต้ ท่าจะบ้า!!! เช้ามาขนกระเป๋าออกจากที่พัก หาอะไรกินแบบเร็วๆไม่คิดมากเลยเข้าร้านเต๊นท์ค่ะ.. ตัดสินใจผิด เราชาวต่างชาติไม่ควรเข้าร้านเต๊นท์นะคะ มีโอกาสโดนโกง เราควรเข้าร้านที่มีรูปภาพเมนูอาหารพร้อมราคาชัดเจน เพราะร้านนี้.. ส้มโอคิดว่าโดนโกงราคาค่ะ



เดินทางต่อ ที่รถไฟใต้ดิน เจอสายพานสั้นๆสำหรับวางกระเป๋า ตื่นเต้นมาก ชอบ จีเนียส 555+

อันนี้ก็งงเพิ่ม เราต้องไปสถานีรถไฟความเร็วสูงออกนอกเมือง ซื้อตั๋ว แพงใช้ได้เลยค่ะ อย่าลืมว่าเรากำลังข้ามภูมิภาค จากเหนือไปใต้เลยนะ!







นั่งสบายมากจ้า

เราไปเมืองกยองจู Gyeong Ju กันค่ะ จากที่อ่านรีวิว มีที่เที่ยวหลายที่ พอไปถึง.. งง เจ้าหน้าที่สถานีก็ไม่พูดอังกฤษ ผู้คนก็น้อยแทบไม่เจอใครให้ถาม ออกจากสถานีแบบอ้างว้างหวั่นไหว ไม่เจอหรอกค่ะที่เขารีวิวกัน นั่งรอรถเมล์แล้วไปที่หลักๆเลยละกัน โอ๊ยยย งง!

และด้วยความที่เรามูฟจากโซลมาพร้อมกระเป๋าเดินทาง เราเลยจะฝากกระเป๋าเข้าตู้ก่อนนะ เรื่องตู้นี่ระทึกมาก เดี๋ยวมาดูกันว่าระทึกยังไง

เรานั่งรถเมล์ขึ้นเขาไปเที่ยววัดเก่าแก่ วัดบุลกุกซา Bulguksa Temple


ลงรถเมล์แบบงงๆ ไปถามเจ้าหน้าที่เรื่องรอบรถขากลับ ด้วยความที่ภาษาอังกฤษเราอ่อนแอ แถมความจำสั้นด้วย 555+ ถามอยู่หลายรอบ จนได้ไอ้นี่มา ถามว่าดูออกมั้ย.. มีแต่ภาษาเกาหลี.. ขอบใจมากเลยพี่!

อ่ะแวะกินกาแฟปรับอารมณ์

ม่ายอร่อย

เดินขึ้นเขาเข้าวัด ระหว่างทางแวะกินเติมพลังค่ะ เพราะเราไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าจะพบเจออะไร อิอิอิ

มาถึงแล้ววว โอววว ตัดสินใจไม่ผิด สวยมาก บรรยากาศดีมาก เก่าแก่สวยงามถูกใจส้มโอมากค่ะ










ชอบมาก มีความสุขมาก ทุกอย่างสวยไปหมด







งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา หลังจากรูปนี้ เราก็วิ่งกันค่ะ วิ่งจริงๆ ถึงเวลารถรอบสุดท้ายแล้ว!

กลับถึงสถานี เหนื่อยแทบขาดใจ

ยังค่ะ ยังไม่จบ จำที่ส้มโอเกริ่นเรื่องตู้เก็บกระเป๋าได้มั้ยคะ.. เราจะอยู่กับมันค่ะคืนนี้

เรา.. เปิดมัน.. ไม่ได้! แล้วเราซื้อตั๋วรถไฟแล้ว เวลารถไฟก็ใกล้มาแล้ว ตอนนี้ก็ดึกแล้ว มือถือเราก็โทรไม่ได้ เจ้าหน้าก็พูดอังกฤษไม่ได้! เราสื่อสารกับเขาไม่ได้เลยทั้งเรื่องตู้ ทั้งเรื่องตั๋วที่เราซื้อไป ในขณะที่พยายามเดินหาคนที่จะคุยด้วยอย่างร้อนรน ก็มีพระเอกหนุ่มวัยรุ่นชาวเกาหลีเข้ามาช่วยเราค่ะ แล้วคือหล่อด้วย!!! โอ๊วเยส! โอ๊วเยส! เค้าโทรหาบริษัทตู้ล็อกเกอร์จนแก้ระบบได้ แล้วเค้าก็คุยกับเจ้าหน้าที่สถานีเปลี่ยนตั๋วเป็นรอบต่อไปให้เรา ขอบคุณและร่ำลากันแบบงงๆช็อคๆแล้วเขาก็หายไป แงง น่าจะถ่ายรูปคู่ไว้ซักหน่อยเนอะ ฮรี่ๆๆ

ดูบรรยากาศสถานีต่างจังหวัด ว่ามันอ้างว้างขนาดไหน

เดินทางต่อไปอีกจังหวัดนึงค่ะ ไปที่ Daegu มาเจอเพื่อนส้มโอค่ะ (คือทำไมชั้นขยันข้ามประเทศอย่างงี้!)

ดึกแล้ว ก็จะเงียบๆหน่อย


ถึงห้องเพื่อนแล้วก็ออกมาเดินเล่นหาอะไรกินให้จบค่ำคืนนี้ วันนี้เราเหนื่อยเหลือเกิน


มีร้านนี้เปิดอยู่ ขายอะไรไม่รู้มีรูปพริกแดงๆ รสชาติพอกินได้ค่ะ กินไปนิดหน่อยกลับบ้านนอน


จบแล้ววันที่ 4 อันแสนเหน็ดเหนื่อยเช่นเคย เดี๋ยวมาต่อนะคะ รอติดตามกันด้วยคร๊า

วันที่ 5 เมือง Daegu ทางตอนใต้ของเกาหลี เราจะอยู่นี่แค่วันเดียว วันนี้ฝนตกพรำๆ มาดูซิว่าจะเที่ยวไหนดี

ภารกิจหลักที่ขาดไม่ได้ เวลาไปต่างจังหวัดบ้านเรา หรือต่างประเทศ คือต้องเดินตลาดท้องถิ่นของที่นั่น ไปกันค่ะ ขึ้นรถเมล์



ถึงตลาดแล้ว



และ ก็ เหมือน เดิม เหมือนที่ส้มโอเล่าถึงตลาดกวางจางที่โซลในวันที่ 3 คือ ของกินจะเหมือนๆๆๆๆๆกันทุกร้าน ก๋วยเตี๋ยวๆๆๆติดๆๆๆกัน ไอ้ของทอดนี่ก็ติดๆๆๆๆสิบร้าน ก็ เอาของทอดนี่ละกัน

ฟีลเหมือนแหนมค่ะ แหนมที่ไม่เปรี้ยว ไส้เป็นแป้ง ก็พอกินได้ไม่ขี้เหร่

พลาดไม่ได้คือหากาแฟกิน


เที่ยวมา 5 วันแล้ว! ในที่สุดก็เจอร้านกาแฟที่รสชาติกินได้ ร้านนี้อร่อยเลย และใช่ค่ะเรายังคงป่วยกันทุกวัน ทั้งเป็นไข้และหวัดเมาน้ำมูกซี๊ดซ้าดเป็นจังหวะแบบเร้กเก้

ตามแพลนคือเราจะขึ้นเขาลูกนั้น มองไปนู้นนน ที่มีหมอกฝนทั้งเขาเห็นมั้ยคะ ฝนเริ่มตกหนัก อากาศหนาววว มีความกังวลว่าไปได้ป่าววะ ถ้ามันขึ้นเขาลงห้วยไม่มีรถ พายุเข้ากลับไม่ได้จะทำไง เราไม่รู้อะไรข้างหน้าเลย พักประชุมกันก่อนละกัน เข้าไปแวะฉี่ในขนส่งสักนิด

และเราก็เจอนี่.. เอิ่มพี่คะ.. เราต้องหันหน้าน้องน้อยไปทางไหน.. อะคะ?

หลังจากใช้การคำนวณทางฟิสิกส์ ก็รู้แล้วว่าหันไปทางไหน ใครมีประสบการณ์ Comment ไว้เลยนะ 555+

เนื่องจากสภาพอากาศที่น่ากังวล องค์ประชุมมีมติเปลี่ยนแพลน ไปที่เที่ยวใกล้หน่อยดีกว่า

ไปยังจุดหมาย Songhae Park เขื่อนที่ล้อมรอบด้วยภูเขา ลงรถเมล์แล้ว เดินค่ะ

ผ่านสวนสาธารณะ ผ่านลานจอดรถใหญ่ วี๊ด วิ๊ววว

เดินค่ะพี่ๆ อย่าท้อใจ

เบื้องหลังคนป่วยหนัก ที่มาทรหดกับส้มโอ

ใกล้แล้วค่ะ ฝนตก เปียก หนาว และป่วย แต่นี่คือการผจญภัย

ถึงยังง่ะ

ถึงแล้ว

ก็จะเป็นวัดเก่าสวยๆ แล้วก็บรรยากาศเขื่อน



จริงๆถ้าขึ้นไปเดินด้านบนรอบเขื่อน จะมีจุดเที่ยวน่าสนใจอยู่อีก แต่เราไม่ไหวแล้วค่ะ เดินฝ่าสภาพอากาศมาไกลพอสมควร เหนื่อยมาก เลยตัดสินใจกลับ สำหรับส้มโอการมาที่นี่ถือว่าประทับใจนะ บรรยากาศดี อิ่มเอมในความอดทนของเรา 555+



กลับเข้าเมือง เพื่อนพาไปกินหมูย่างค่ะ รีบเข้าร้านแล้วบอกว่าลืมกระเป๋าตังกันเถอะ

เพื่อนชั้นสวย ถ้ามันเลี้ยงก็จะบอกว่าสวย ถ้าไม่เลี้ยงก็ไม่สวย จบ

ส้มโอผู้ใสซื่อได้ทำการขออนุญาตเพื่อนลองกินโซจู เพราะว่าเราเลิกดื่มมาเกือบสิบปีแล้ว เราบริสุทธิ์และอ่อนต่อโลกมาก ฮรี่ๆๆๆ เพื่อนก็เลยจัดให้ค่ะ

ไปหาขนมกระแทกปากกันต่อ

วัยรุ่นฝั่งนู้นหาเรื่องเหรอ รึจะเอา!

เข้าร้านเถอะ

ได้อันนี้มา


กลับห้องกินสตรอเบอรี่ที่ซื้อมาจากตลาด ไม่อร่อย ใครบอกนักบอกหนาว่าสตอเกาหลีอร่อยมาก ไม่นะ สตอแม่กำปองอร่อยกว่า 555+

นอนแล้วนะคะ รอติดตามวันต่อไปด้วยคร๊า

วันที่ 6 เราจะขึ้นรถไฟความเร็วสูงจาก Daegu กลับโซล ซื้อนมมากินด้วย กล่องน่ารัก

มาถึงโซลก็เข้าที่พักก่อน วันนี้นอนที่ Little star guesthouse ที่พักโอเค อยู่ในย่านที่อยู่อาศัยระดับกลาง เงียบสงบ แต่ไม่สะดวกในการเดินทางนะคะ กว่าจะเดินถึงสถานีรถไฟใต้ดินคือไกลคือเหนื่อยมากกก

มีส่วนกลางเล็กๆ เราไม่ได้ใช้หรอก




วางกระเป๋าแล้วออกไปตามหาของกิน หิวมาก จุดมุ่งหมายเราคือบุฟเฟ่ต์ปูดอง!!! แต่หาไม่เจอสักที หลงทิศ เดินจนเบื่อ ไส้จะขาดแล้ว หันซ้ายขวาเข้าร้านนี้กินรองท้องก่อนแล้วกัน

อร่อยค่ะ รึเราหิว สั่งบิบิมบับ กับ ต้มมาม่าบ้านเรานั่นเอง 555+


เข้าไปเดินทัวร์ในมินิมาร์ทนี้นิดนึง เหมือนตลาดติดแอร์เลย ของเยอะมาก




แอบถ่ายน้องคนนี้ข้ามถนน น่าร้ากกก

ต่อค่ะ หาร้านปูดอง ชื่อร้าน Hongik Ge Jang น่าจะเป็นที่นิยมนะคะเพราะพี่ Taxi รู้จัก


มีบุฟเฟต์หลายเซตหลายราคาให้เลือก เราไปนั่งโต๊ะเตี้ยกัน

มาแล้ววว ส่วนตัวส้มโอคิดว่าคุ้มมาก ฟินนน กินไม่จำกัด รสชาติก็ปูดองอะค่ะ เค็ม กินได้ไม่เยอะหรอก 555+

เดินเล่น Hongdae ก็ทั่วๆไปค่ะ เหมือนที่คนอื่นเค้ารีวิวกัน มีวัยรุ่นโชว์เต้น โชว์ร้องเพลง มีร้านค้า ร้านแบรนด์นั่นนี่


หาขนมกินดีกว่า เอาร้านนี้ค่ะ Obsessed with Chocolate โอ่ว เย่!


ได้อันนี้มา



เข้าบ้านนอนก่อน พรุ่งนี้เราจะไป Everland จ้าาา เจอกันวันที่ 7 นะคะ

วันที่ 7 เป้าหมายเดียวของวันนี้คือสวนสนุก Everland! ก่อนอื่น ชุดต้องพร้อม!


การเดินทาง ไม่ง่ายค่ะ ขึ้นรถไฟใต้ดินไปย่านกังนัม – เดินหาป้ายรถเมล์ – รอรถเมล์ – ขึ้น Shuttle bus ไป Everland

ความเหนื่อยคือ เราหาจุดขึ้นรถเมล์ที่ถูกต้องไม่เจอ ตรงไหน ฝั่งไหน ป้ายไหน เล่นเอาท้ออยู่พอสมควร



ถึงล๊าววว มันคือนอกเมือง หนาวมากกก


เล่นเครื่องเล่น อันนี้ขึ้นไปแล้วน่ากลัวมากกก เห็นส้มโอมั้ยคะ


นั่งรถดูสัตว์ มีหิมะละลายเหลือให้เห็นนิดนึง



นั่งเรือลงน้ำ มันส์ดีน้ำสาด





เข้าปราสาทผีสิง บรึ๋ยยย




รถไฟเหาะเล็ก มีเล็กกับซูปเปอร์ใหญ่ เราลองแค่อันเล็กค่ะ 555+


แล้วก็เล่นอันอื่นๆๆๆอีก แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา ก่อนกลับแวะร้านของที่ระลึกกัน



กลับเข้าเมือง เหนื่อยมากกก เพลียแทบหลับ นัดเจอเพื่อนหาข้าวกินที่เมียงดง

กินข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่นร้านนี้ เชฟชื่อดัง ชื่ออะไรไม่รู้นะคะ 555+




เดินเล่นนิดหน่อยหาของใหม่ๆกิน

ได้อันนี้มา ขนมปังไข่ งั้นๆง่ะ

แป้งต๊อกสลับกับชีส ก็ พอกินได้

หมดแรงสุดๆวันนี้ เพื่อนเกาหลีเดินตามส้มโอแทบไม่ไหว สภาพใกล้ตายแล้ว 555+

กลับบ้านนอนกัน พรุ่งนี้วันที่ 8 วันสุดท้ายแล้ว ฝากติดตามไปกับส้มโอด้วยนะคะ

วันที่ 8 วันสุดท้ายที่เราจะอยู่เกาหลีแล้ว จะสั่งลาที่ไหนบ้างตามส้มโอมาค่ะ พลาดไม่ได้เลยคือต้องแวะเช็ดน้ำมูกตลอดทาง แงงงง

กินกาแฟก่อนสิ ร้านนี้ออกแนวพาสเทลเนอะน่ารักดี Cafe skon


สั่งกาแฟ กับสกอนมาลอง กรุบกริบ



คุณเพื่อนดันอยากลองก๋วยเตี๋ยวน้ำตกไทย อ่ะกิน ไม่ใช่เข้าได้เลยนะคะ ต้องเชคอินลงคิวจ้าาา




วันนี้จะไป อีฮวา มหาวิทยาลัยหญิงล้วนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ส่องสาวๆกันจ้า ระหว่างทางไปอีฮวาก็จะมีร้านขายของเยอะมากกก คือเป็นย่านช้อปปิ้งเลย เจอร้านชาไข่มุกเราต้องลองหน่อย





ก็โอเคค่ะ มาตรฐาน

เดินเล่นชมมหาลัยสวยๆ

















วันสุดท้ายแระ เริ่มอ้างว้างแระ ไปเหนื่อยที่ไหนต่อดี สำหรับส้มโอไม่มีการพักนะคะ เราจะตะลอนๆจนกว่าเครื่องจะออก!

ในวันนี้ ทุกสถานี ไม่มีล็อกเกอร์ว่างเลย! ต้องเที่ยวพร้อมลากกระเป๋าทั้งวันค่ะ เหนื่อยมาก โอ๊ยยย

ไปพิพิธภัณฑ์ศาลเจ้าจอลทูซัน Jeoldusan Martyrs’ Shrine



เข้าไปข้างในเจอเจ้าหน้าที่ พอรู้ว่าเราไม่ใช่คนเกาหลี ก็ เริ่ม พาเราทัวร์ พร้อมบรรยายอย่างตั้งใจ..


แล้วคือ ภาษาอังกฤษเราก็อ่อนแอคุณนึกออกมะ 555+ แต่เราเห็นเค้าตั้งใจมาก เราเลยต้องตั้งใจฟัง ตั้งใจ เอ้าจับให้ได้ ว่าเค้าพูดอะไร ดึงศักยภาพของเราออกมาค่ะ!




บรรยายประวัติศาสตร์อย่างจริงจัง คุณเจ้าหน้าที่เห็นส้มโอสนใจฟัง เอ่ออ่าอ๊าอ่าฮ๊า แด็ดสไร๊ท เหรียลลิ ไปกะเขา มีการซักถามกันนะ เอ้อเว้ย เขาก็มีความสุข เราก็มีความสุข ใจดีมากๆ อยากให้รางวัลเลย น่ารักมากๆ



สักพักก็ปล่อยเราเดินชมรอบๆ


เดินเล่นข้างนอกสบายๆ








ก่อนลาจากเกาหลีในทริปนี้ จะกินไอ้ซี่โครงหมูที่มีชีสๆให้ได้ เจอแล้วจ้า James cheese



มาล๊าววว

เครื่องเคียง

เค้าจะมาตัดแล้วพันชีสให้เรา ก็อร่อยดีค่ะ

มีเบียร์หลายรสมาก จัดมา 4 เลยจ๊า กินได้นะแปลกดี


จบแล้วทริปเกาหลี 2019 ของส้มโอ จะปิดท้ายด้วยบรรยากาศรถไฟใต้ดินในวันทำงานให้ชมกัน คนเยอะแล้วก็ส่วนใหญ่จะใส่สีดำหมดเลย ที่เกาหลีมีกฏหมายเรื่องสิทธิส่วนบุคคลนะคะ ดังนั้นเวลาเราถ่ายรูปก็ต้องเลี่ยงๆหน่อยไม่ถ่ายหน้าคนโดยตรงค่ะ แล้วก็จากที่เห็น คนเกาหลีติดมือถือมากกว่าคนไทยมากกกกก ทุกคนดูมือถือตลอดๆๆๆๆๆๆเวลาจริงๆ


สถานีย่านทำงานก็จะดำล้วนขรึมๆหน่อย สถานีอื่นๆก็จะมีคุณลุงคุณป้าหลากหลายสไตล์หน่อย





ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ ขอบคุณมากๆคร๊า

< Check in – Mar 2019 >
#AdayWithส้มโอ #ขาล้าทราเว่ล