ห่อหมกกะกล่ำปลี ที่กินได้ทั้งกระทง pantip

                            สวัสดีค่ะ  วันนี้จะมาชวนทำ ห่อหมกกะหล่ำปลี ที่กินได้ทั้งกระทง  เพราะเราไม่ได้ใช้ใบตองทำกระทง
                            เราใช้ กะหล่ำปลีมาทำกระทงเลยค่ะ  จขกท.จำได้ว่า เมื่อตอนเด็กๆ แม่เคยสอนให้ทำห่อหมกปลาช่อน
                           ซึ่งใช้วิธีแบบชาวบ้านทำกัน  คือต้องตำน้ำพริกแกงเอง และผสมเครื่องทุกอย่างด้วยวิธีการ กวน ในอ่าง
                           เป็นอ่างดินเผา ที่เอามารองน้ำข้าว เมื่อตอนเด็กๆที่บ้านหุงข้าวด้วยเตาฟืน ต้องเช็ดน้ำ และ ดงข้าว
                           จำได้ว่า การทำห่อหมก ช่างยุ่งยากซะจริงๆ เพราะต้องกวนส่วนผสมที่มีน้ำกะทิ ใสๆ ให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน
                           ต้องให้มีความข้นคลั่ก  กว่าจะนำไปนึ่งได้
                                      มาถึงตอนนี้ เราเป็นแม่บ้านยุคใหม่แล้วค่ะ ทำอาหารก็ประยุกต์ใช้อุปกรณ์ ที่มีในครัว เพื่อความ
                           สะดวกและรวดเร็วขึ้น เรามาดูส่วนผสมกันค่ะ

                   พริกแกงเผ็ด ไข่ไก่ เนื้อปลานิล (ลอกหนังออกจะดีมาก) กะทิกล่อง  กะหล่ำปลีหัวเล็ก ใบโหระพา ใบมะกรูด พริกแกงเผ็ด
                   กุ้ง หรือปลาหมึก หรือไม่ใส่ถ้าไม่ชอบ วิธีทำก็ง่ายๆไม่ยุ่งยาก
                   นำเนื้อปลา พริกแกง ไข่ ใบมะกรูดซอย กะทิครึ่งกล่อง ปรุงรสด้วยเกลือ หากชอบหวานก็ใส่น้ำตาลปึกลงไปนิดหน่อย

                             จขกท. ใช้โถปั่น สารพัดประโยชน์ (ซื้อในลาซาด้า 219 บาท รวมส่ง )  ใส่ส่วนผสมลงไป แล้วปั่น ปั่น ปั่น
                             กดแค่ 3 ครั้ง เปิดออกมาดู ส่วนผสมเข้ากันเนียนกริ๊บ เหนียวหนึบ แอบชิมโดยการใช้นิ้วจิ้ม  แล้วมาแตะ
                             ปลายลิ้นดู เราจะพอรู้รสชาด ว่าถูกใจเราหรือยัง             จากนั้น มาเตรียมกระทงกะหล่ำปลีค่ะ


                               คว้าน ตัดเอาแกนกลางที่แข็งๆ ออกไปก่อนนะคะ เราจะลอกใบกะหล่ำออกมาได้ง่ายขึ้น
                               จากนั้นก็วางลงในถ้วย ที่เราจะใช้นึ่ง ถ้วยน้ำพริกก็ใช้ได้นะคะ วันนี้ จขกท.ใช้เป็นพิมนึ่งขนมค่ะ

                                   คำนวนขนาดของใบกะหล่ำว่าใหญ่แค่ไหน ก็หาภาชนะขนาดพอๆกันมารองค่ะ
                                   หั่นใบโหระพา เป็นชิ้นเล็กๆ วางรองก้นกระทง ใครหาใบยอได้ ก็จะดีค่ะ อร่อยด้วย

                          ตักเนื้อปลาที่เราปั่นเอาไว้ ลงไป ไม่ต้องเต็มใบกะหล่ะนะคะ เดี๋ยวเนื้อปลาจะฟู ล้นออกมาเละเทะ

                          นำลงนึ่งไฟแรง ประมาณ 10 นาทีปลาจะเริ่มสุก ถ้าเราจะใส่เนื้อสัตว์อื่นๆ เป็นท็อปปิ้ง ก็ใส่ตอนนี้เลยค่ะ
                          ระหว่างรอปลาสุก เราแว๊บมาเตรียมกะทิสำหรับราดหน้าห่อหมกกัน  กะทิที่เหลืออีกครึ่งกล่อง นำตั้งไฟ
                          พอเดือด ใส่แป้งข้าวเจ้า หรือแป้งข้าวโพด ผสมน้ำนิดหน่อย ค่อยๆเหยาะลงไป คนๆ เมื่อกะทิเดือดปุดๆ
                          มีความข้นเล็กน้อย ก็ปิดไฟ บางคนอาจใช้หัวกะทิ สดๆเลยก็ได้ แต่กะทิจะไม่ลอยหน้า ขาวๆ ยั่วน้ำลาย
                          กะทิจะละลายหายเข้าไปในเนื้อห่อหมกในเวลาต่อมานะคะ  แนะนำว่า ไม่ควรเหยาะเกลือในกะทิอีกนะ
                          เพราะห่อหมกเราเค็มแล้ว ใช้กะทิราดหน้า เพื่อเพิ่มความ มัน หวานตัดความเค็มค่ะ
                         
                         
                                เหยาะกะทิ ที่เราเตรียมไว้ลงไป แล้วค่อยวางกุ้งค่ะ ปิดฝา นึ่งต่ออีก 10 นาที

                                หากไม่ใส่ท็อปปิ้งอะไรเพิ่ม ก็นึ่งเนื้อห่อหมกยาวๆ ประมาณ 15 นาที แล้วเปิดฝา เช็คความสุกของ
                                เนื้อห่อหมก ลองใช้ส้อมจิ้มดู ถ้าไม่มีเนื้อติดขึ้นมา ก็คือสุก  จขกท.แบ่งนึ่งครั้งละ 10 นาที เพราะ
                                น้ำในตัวกุ้งจะออกมาซึมลงไปในเนื้อห่อหมก ก็เลยต้องนึ่งให้นานขึ้นอีกนิด เพื่อความ สุก ทั่วถึง
                                เมื่อเรายกถ้วยออกมา จะมีน้ำรายล้อมกระทงกะหล่ำปลีเรา รินทิ้งไปเลยค่ะ  จากนั้นตักออกมาใส่
                                จาน ราดกะทิ โรยใบมะกรูดซอย และพริกแดงเลยค่ะ

                           จขกท.เคยเปลี่ยนจากพริกแกงแดง มาเป็นพริกแกงเขียวหวาน ก็อร่อยไม่แพ้กันค่ะ

                                    ส่วนผสม ตามในภาพ จะทำได้ประมาณ 5 เสริฟนะคะ แต่กะหล่ำปลี ยังเหลือ เอามาผัดน้ำปลา
                                    กินในมื้อต่อไปได้ค่ะ  เป็นการทำห่อหมก โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชม. โดยเริ่มเตรียมของ ตั้งแต่
                                    ตี 5 เสร็จประมาณ 6 โมงเช้า  จขกท.ทำไปใส่บาตรพระ เนื่องในวันคล้ายวันเกิด วันนี้ค่ะ
                                                  เก็บตัวอยู่บ้าน เราก็ทำอาหารกินเองแบบ สวยงามได้ค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ