สมัยก่อนพ.ศ.2500 หรือประมาณต้นพ.ศ.2430 คนจีนที่อาศัยในประเทศไทยรับประทานอาหารเช่นอะไรบ้างคะ? pantip

คนจีนในไทยเวลานั้นไม่ใช่กุลีแล้วครับ
ข้าวขาว ไม่ใช่สิ่งหายากเวลานั้น คนจีนจะขยันค้าขาย หามาขายทุกสิ่งอย่าง กิจการยอดนิยมคือชงโกปี้ มีฐานะหน่อยก็ทำทอง มีแค่คนไม่เป็นโล้เป็นพาย จึงยังเป็นกุลีแถวเยาวราช อาหารการกิน ช่วง2500 จะเริ่มจีนผสมไทย ต้นกำเนิดอาหารตามสั่ง ใช้พืชผักในไทยมาทำอาหาร

จากที่เคยฟังอากงอาม่ามา (อากงเกิด 2464 แต่เสียแล้ว / อาม่าเกิด 2467)

บ้านอาม่าค่อนข้างจน เมนูส่วนใหญ่เลยจะเป็นผัก ผักดอง ผักต้ม ผัดผัก กินกับข้าวต้มหรือข้าวสวย นานๆถึงจะได้กินพวกเนื้อหมูเนื้อปลา จนทุกวันนี้อาม่าเรายังติดการกินผักมากกว่าเนื้อ ไม่รู้เพราะเหตุนี้รึเปล่าอายุเลยยืน ปีนี้ 97 แต่แข็งแรงดีค่ะ ยังเดินขึ้นลงบันไดได้ปกติเลย ส่วนกินครบมื้อไหม ไม่ค่อยค่ะ แกบอกถ้าวันไหนขายของไม่ค่อยได้ก็จะอดมื้อเย็น จนมาแต่งงานกับอากงเราตอนอายุ 18 ชีวิตดี กินดีอยู่ดีอยากกินอะไรก็ได้ สบายกลายเป็นคุณนายไปเลย

ส่วนบ้านอากงฐานะค่อนข้างดีค่ะ อยู่กันแบบกงสี เลยจะกินข้าวรวมกันทุกมื้อครบ 3 มื้อ  มื้อเช้าจะเป็นข้าวต้ม กินกับถั่วทอด เต้าหู้ทอด ผัดผัก จับฉ่าย ไข่ทอด ผักดอง เต้าหู้ดอง สลับๆกันไป โดยที่มื้อเช้าจะไม่มีเนื้อสัตว์ค่ะ ส่วนกลางวันกับเย็นจะเป็นข้าวสวยกินกับเมนูต่างๆ อากงบอกว่าที่บ้านต้องมีเมนูปลาตลอด เพราะกินแล้วดีต่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นปลาทอด ปลานึ่ง ปลาต้ม ถ้าเมนูหมูจะเน้นไปทางหมูต้ม หมูตุ๋น ไม่เอาไปทอดค่ะ วัฒนธรรม​การกินของบ้านอากงก็กินกันแบบนี้ลากยาวมาจนเราเกิดเลยค่ะ เราเลยโตมาแบบจับตะเกียบเป็นก่อนช้อนส้อมอีก (บ้านเราข้าวสวยก็กินด้วยตะเกียบค่ะ)

แต่จะมีมื้อน้ำชาด้วยค่ะ คือช่วงประมาณบ่าย 3 อากงจะกินแครกเกอร์กับน้ำชาค่ะ ยุคนั้นขนมฝรั่งค่อนข้างมีราคานะ ถ้าไม่กินแครกเกอร์ก็กินขนมไทยพวกฝอยทอง ทองหยิบ ทองหยอดค่ะ (อาม่าเราทำเอง อาม่าเราทำอาหารและขนมเก่ง)

หลักๆก็ประมาณนี้ค่ะ

ึคนจีน ปี 2430  ทวดเราไปอยู่กับทวดคนจีน
สมัยมาใหม่ ๆ  ข้าวต้มผัดกรวดจริง ๆ (มาใหม่ ๆ นะ ) พอทำมาหากินได้ก็กินข้าวปกติแบบคนลาวนี้ล่ะ(ทวดเป็นลาวมาอยู่กรุงเทพ)

ลองหาอ่านสามเกลอ พล นิกร กิมหงวนดู   มีหลายตอนที่พูดถึงสภาพคนจีนในไทย

ก่อน​ พศ.2500​ นิดหน่อย​ กง(ตา)​ผมคนแต้จิ๋วเปิดร้านขาย​ ข้าวมันไก่​ ข้าวหมูแดง​ บะหมี่เกี๊ยว​ ครับ​

ถ้าเป็นคนแคะ​ ก็จะมีลูกชิ้นแคะ​ เป็นเอกลักษณ์

จำได้สมัยเด็กๆ อากงเล่าว่าตอนมาอยู่ไทยใหม่ๆ กินข้าวต้มใส่หัวมันหรือไม่ก็เผือก
แต่ตอนวัยเด็กก็ยังเห็นอากงเน้นกินข้าวต้มกับพวกถั่วลิสง ผักกาดดอง ผัดผักต่างๆ  เต้าหู้
อันนี้เป็นวิถีชิวิตแบบคนจนนะครับ

..เมื่อก่อน ซื้อข้าวเป็นกระสอบครับ
..แล้วมาเทใส่ตุ่ม ร้านขาย ส่งคนยกกระสอบข้าว ขึ้นหลังจักรยาน (ซึ่งมีอานและ เหล็กเสาตั้งขึ้นมารับกระสอบข้าว)  มาส่งถึงบ้าน
..พี่สะไภ้ จะทำกับข้าว ข้าวใช้วิธีหุงด้วยหม้อ เทน้ำซาวข้าว เป็นข้าวสวย  
..เจ้าของ จะกินก่อน แล้วกับข้าวชุดเดียวกัน คนงานก็มากินถัดไป (ตลกดี)

เตี่ยเคยเล่าให้ฟังครับ ว่า กงนั่งเรือสำเภามาจากจีน เตี่ยเกิดปี 2497 ถ้านับคร่าวๆก็กะประมาณได้ว่า กงน่าจะเข้าไทยมาช่วง247.. – 248..
เตี่ยบอกว่าตอนกงมาใหม่ๆ ก็เป็นกุลีแบกของนี้แหละ ต้มข้าวต้ม กินกับกรวดคั่วเกลือ แล้วก็กับข้าวทั่วไปพวกผัก พวกปลาทูอาหารทะเล
กงเข้ามาแล้วปักหลักอยู่เขตดำเนิน นครปฐม พอกงทำงานเก็บเงินได้ก้อนนึง กงก็มาเปิดร้านตัดเสื้อบุรุษ สมัยก่อนนี้เสื้อผ้าบุรุษก็ตัดใส่กัน
เตี่ยบอกว่าสมัยกงอยู่ ที่บ้านก็จัดเป็นคุณหนูเลย มีคนรับใช้หุงหาอาหาร

ทุกวันนี้ไปแถวดำเนิน เตี่ยยังไปแวะเยี่ยมเพื่อของกงอยู่เลยครับ เปิดร้านตัดเสื้อชายเหมือนเดิม
แต่อาชีพที่ดีตอนนั้นกับตอนนี้ไม่เหมือนกันนะ ยุคสมัยเปลี่ยนอะไรๆก็เปลี่ยน

เกิดไม่ทัน

ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นครับ

คนจีนสมัยก่อนเค้าเน้นให้ลูกหลานทานข้าวเยอะๆ กินกับข้าวน้อยๆ ใครตักกับเยอะมักโดนด่า  ฃ
แต่ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว   คนสมัยนี้กินแต่กับ ไม่กินข้าว เพื่อลดความอ้วนกันเยอะครับ(ผมก็ด้วย)    ถ้าอาม่าอากงมาเห็นลูกหลานกินแต่กับ ไม่กินข้าวในสมัยนี้รับรองว่าโดนด่าเละเทะ 55555

จขกท ตั้งใจจะเขียนบทละคร หรีอ นิยาย หรือเปล่า

สมัยนั้นระบบ home delivery มีมาตั้งนานแล้วก่อน line , panda ด้วยซ้ำ ห้างฝรั่งทำเสีย ก็ระบบหาบเร่ของไทยไง มาตรงเวลาเปะได้ยินเสียงมาแต่ไกล เดี๋ยวกะลอจี้ คูใช่ ห่อหมก ผลไม้ ปลาเค็ม ย้อมผ้า ปักชุนผ้า รับแก้ผ้า สั่งล่วงหน้าได้

หมอดูนก พ่อสื่อแม่สื่อส่งแฟนถึงที่ ดึกๆก็มี เสียงป๋อกๆ บะหมี่ เกี๊ยว โบ๊กเกี๋ย ไม่เสียค่าส่งสักบาท

มีเรื่องเล่าตลกร้ายของคนจีนยุคนั้นคือ ปลาทูเค็มตัวหนึ่งแขวนไว้กลางวงอาหาร มองปลาเค็มไปก็โซ้ยม่วย(ข้าวต้ม) ไป ใช้รสทิพย์คิดไป

ลูกนั่งมองปลาเค็มด้วยความเวทนาตัวเองอยู่นาน ตาพ่อเห็นดังนั้นก็ตวาดว่า ตี๋ลื้ออย่าจ้องปลาเค็มนานเดี๋ยวมันจืดหมด ต้องเก็บไว้กินอีกนาน

ทวดก๋งเราก็โล้สำเภามาจากเมืองจีน แม่เราเป็นหลานที่สนิทกับทวดก๋งมาก จนพูดจีนกับทวดก๋งได้คล่อง
แม่เล่าให้ฟังว่า เวลาทวดก๋งหุง/ต้มข้าว จะต้องใส่มัน เผือก ลงไปด้วยทุกครั้ง กับก็กินน้อยๆ เพราะเขาชินมาจากเมืองจีน
ที่ลำบากต้องประหยัด เวลากินจะได้อิ่มไว ไม่เปลืองข้าวเปลืองกับ

พ่อผมเกิดปี 2485  เป็นรุ่นสอง ปู่มาจากเมืองจีน เสื่อผืน หมอนใบจริงๆ  มาถึงเมืองไทยปี 2480 กว่าๆ

พ่อเล่าให้ผมฟังบ่อยๆว่า สมัยเด็กๆจนมากๆ  กินข้ามต้มกับมัน กับเผือก  ผักดอง   เนื้อสัตว์ประเภท หมู ไก่ หรือไข่ อะไรพวกนี้ไม่ค่อยได้กินหรอก  อาหารทะเลได้กินตอนย้ายจากนครปฐมไปอยู่ชลบุรี  สมัยนั้นได้กินกั้งซึ่งเป็นเนื้อสัตว์ราคาถูก คนไม่นิยมกินกัน  และได้กินพวกปลาเล็กปลาน้อยตามแต่จะแบ่งมาได้

ส่วนใครมีหน้าที่ไปซื้อข้าวสาร  ก็พ่อผมนี่แหละ  อากง อาม่า ต้องทำงาน   คนจีนสมัยก่อนที่ยังตั้งตัวอยู่ ครอบครัวที่ยังปากกัดตีนถีบ ไม่ได้มีเงินมีทองมาซื้อกับข้าวทำอาหารหลากหลายหรอกครับ  อาหารก็จะวนๆแบบง่ายๆ  ส่วนว่าจะกินกี่มื้อ  ก็อดมื้อกินมื้อนี่แหละ   แล้วที่ถามว่าซื้อข้าวสารกันอย่างไร เป็นกระสอบ หรือเป็นแบบไหน   พ่อบอกว่า อย่าไปพูดถึงข้าวเป็นกระสอบเลย ไม่มีปัญญาซื้อขนาดนั้น  ใช้คำว่า ข้าวสารกรอกหม้อจะดีกว่า  คงน่าจะนึกออกว่า กว่าจะได้ข้าวสารมามันยากเพียงใด

ที่จะบอกว่าลูกสาวคนจีนสมัยก่อนจะทำอาหารเก่ง ก็คงไม่ได้เป็นแบบนี้ทุกบ้าน  อาผมก็ไม่ได้ทำอาหารเก่ง  เพราะไม่มีใครสอนนะ  ทุกคนต้องทำงาน แล้วก็ไม่ได้มีเงินทองมากมายมาสรรหาเมนูนั่นนี่นู่นทำ  พอตั้งตัวได้แล้ว ก็ทำอาหารได้แต่ประเภทง่ายๆ

ตอนเด็กๆแม่จะหุงข้าวแบบเช็ดน้ำ ไม้ขัดหม้อคือไม้เรียวด้วย
ทุกคนที่โตแล้วจัดเวรหุงข้าว เป็นคนภาษาแคะ กับข้าวเลยกินสไตน์แคะ
พ่อแม่มีลูก7คน ต้องกินข้าวพร้อมๆกันไม่งั้นกับข้าวจะไม่พอ
แต่รู้สึกอบอุ่นดีครับ ตอนนี้60กว่าแล้วนึกถึงวัยเด็กแล้วมีความสุขดีครับ

ลุงก็หุงแบบนี้ ไม้ขัดข้าวสองข้างไว้ยกเอาน้ำเทออก แต่แม่ไม่ทิ้ง แม่ชอบกินเพราะอย่างไรก็มีสารอาหาร+แป้งผสมอยู่บ้าง ตอนนั้นเป็นเด็ก 7 ขวบก็ช่วยแล้ว หม้อข้าวหนักมาก ช่วยหุ่งแบบนี้ทำให้ข้อมือแข็งแรง ตอนอยู่ ป.5 อาจารย์พละจัดแข่งตั้งกบในห้องประชุม ลุงชนะเลิศ เพราะข้อมือแข็งแรง ตั้งกบได้นานที่สุด การตั้งกบคือ นั่งยองๆ แล้วเอาเข่าแนบแขนสองข้างแล้วยกตัวขึ้นท่าทางเลียนแบบกบ

กินหมูมากกว่ากินไก่ เพราะยังไม่มีฟาร์มไก่อย่างในปัจจุบัน
ไก่โดยเฉพาะไก่ทั้งตัวเป็นอาหารที่ได้กินตอนเทศกาลไหว้เจ้าเท่านั้น

     …ผมกำลังคิดว่า  ลองอ่านหนังสือ”อยู่กับก๋ง”ดูมั๊ยครับ

ช่วงเวลาในเรื่องอาจจะไม่เป๊ะตามที่คุณเจ้าของกระทู้ต้องการ แต่การบรรยายวิถีชีวิตหลายอย่างก็น่าจะพอทำให้เห็นภาพได้น่ะครับ
ผมชอบอ่านผลงานของ”หยก บูรพา”หลายเล่มเลยครับ  เกี่ยวกับคนจีนโพ้นทะเล  ธรรมเนียมต่าง ๆ แต่เป็นแบบแทรกไปในตัวเรื่องไม่ใช่บทความวิชาการน่ะครับ  อ่านเพลินดี😊

ต้องอ่าน จดหมายจากเมืองไทย ของโบตั๋น

น่ากินข้าวต้ม กับก็จะเป็นพวก ผักดอง หนำเลี๊ยบ หมูทอดซีอิ้ว หมูสามชั้นผะโล้ หัวไชโป๊ว ถั่วลิสงคั่วเกลือ ปลานึ่ง ปลาเค็มทอด
ผัดใบปอ หมูแผ่น หมูหยอง ผัดผัก ต้มจับฉ่าย เห็นอาม่าชอบกินทำประมาณนี้  
แต่สมัยก่อน พ.ศ.2500 ไม่รู้เหมือนกัน