สปาเกตตีปลาสลิด เมนูพาสต้าง่ายๆสไตล์ฟิวชัน จับสปาเกตตีผัดกับน้ำมันสมุนไพร โปะเนื้อปลาสลิดทอดกรอบ อร่อยดูดีครบสูตรทั้งรูป รส และกลิ่น จัดเลยสักจานสำหรับคนพิเศษ
เส้นพาสต้าทําอะไรได้บ้าง ? หลายคนคุ้นเคยกับเมนูพาสต้าซอสมะเขือเทศ หรือเมนูสปาเกตตีคาโบนารา แต่สำหรับคนมีแฟนขี้เบื่อต้องเจอเมนูพาสต้าฟิวชันจานนี้เลย กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำสปาเกตตีปลาสลิด สูตรจาก นิตยสาร Gourmet & Cuisine คิดค้นโดย เชฟยีสต์-นกุล กวินรัตน์ เฮดเชฟประจำร้าน The Never Ending Summer และ The Summer House Projectจับสปาเกตตีผัดกับน้ำมันพริกแห้งและน้ำมันโหระพา คลุกเคล้ากับปลาสลิดทอด อูย… น่ากินสุด ๆ เลยจ้า
ส่วนผสม สปาเกตตีปลาสลิด
• เส้นสปาเกตตีต้มสุก 150 กรัม
• น้ำมันพริกแห้งและน้ำมันโหระพาอย่างละ 1/2 ช้อนโต๊ะ
• ใบโหระพา 10-15 ใบ (สำหรับผัดและตกแต่ง)
• พริกแห้ง 5 เม็ด (สำหรับผัดและตกแต่ง)
• กระเทียมสับละเอียด 2 กลีบ
• เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
• พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
• เนย 2 ช้อนชา
• ปลาสลิดทอดกรอบ 2 ตัว
วิธีทำสปาเกตตีปลาสลิด
• 1. ทำน้ำมันพริกแห้งโดยใส่พริกแห้งลงในน้ำมัน นำไปตั้งไฟให้เริ่มร้อน ยกลง พักไว้ให้เย็น กรองน้ำมันไว้ (น้ำมันโหระพาใช้วิธีทำเดียวกัน)
• 2. ใส่น้ำมันพริกแห้งและน้ำมันโหระพาทั้ง 2 ชนิดลงในกระทะ ใส่กระเทียมสับลงไปเจียวให้หอม เร่งไฟแรง ใส่เส้นสปาเกตตี
• 3. ใส่เกลือ พริกไทย และเนย ตามด้วยใบโหระพาและปลาสลิดทอดกรอบ คลุกเคล้าให้เข้ากันเร็ว ๆ ตักใส่จาน
• 4. ตกแต่งด้วยพริกแห้งและใบโหระพา เสิร์ฟ
หมายเหตุ : การทอดปลาสลิดให้กรอบ : เทคนิคการทอดรอบแรกต้องทอดพอสุกแล้วทิ้งไว้ให้เย็น จากนั้นทอดด้วยไฟแรงอีกครั้ง ปลาสลิดที่ได้จะทั้งหอมและกรอบ เก็บไว้ได้นาน แถมไม่เหม็นหืน
วันหยุดนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดคุณแฟนด้วย เอาใจด้วยการทำเมนูสปาเกตตีปลาสลิดกินกันสองต่อสองท่ามกลางแสงเทียนดีกว่า สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่ชอบกินเมนูเส้นสไตล์ฟิวชันจัดเลยค่ะ รับรองอร่อยจนต้องเบิ้ลแน่นอน
เชฟยีสต์กับอาหารไทย (ฟิวชัน) ที่หลงรัก จากนิตยสาร Gourmet & Cuisine
ฉบับนี้ G&C คว้าตัวเชฟยีสต์-นกุล กวินรัตน์ เฮดเชฟประจำร้าน The Never Ending Summer และ The Summer House Project ที่กำลังเป็นกระแสสุดฮอตในโลกโซเชียลของสาวๆ มานั่งพูดคุยกัน
เกือบ 2 ชั่วโมงเราพบว่าเชฟไม่ได้มีดีแค่ความหล่อเหลาละมุนละไมเท่านั้น แต่ภายใต้หนวดเคราคมเข้มและแววตาชวนต้องมนต์ เชฟยีสต์ยังมีฝีมือทำอาหารที่น่าสนใจไม่แพ้บุคลิกภายนอก ถึงแม้เชฟไม่ได้เดินทางสายอาหารมาตั้งแต่แรก แต่ด้วยอาการป่วยที่ทำให้ต้องกินอาหารสูตรคุณหมอตลอด 3 เดือนจึงจำเป็นต้องเข้าครัว จนเริ่มรู้สึกสนุกไปกับของเล่นชิ้นใหม่อย่างหม้อใบใหญ่ กระทะใบจิ๋ว และตะหลิวอันน้อย ฯลฯ ช่วงเวลานั้นเองคำว่า “เชฟ” จึงได้เริ่มต้นทำหน้าที่ของตัวเองอย่างสมบูรณ์
“ก่อนมาทำงานที่นี่ผมเคยลองเปิดร้านอาหารเล็ก ๆ กับเพื่อน ทำเบเกอรี่และอาหารง่าย ๆ อยู่ช่วงหนึ่ง แล้วรู้สึกว่าความรู้ยังไม่พอ เลยตัดสินใจไปเรียนทำอาหารที่ฝรั่งเศส จากนั้นก็มีโอกาสฝึกงานและทำงานในร้านมิชลินสตาร์ จุดเปลี่ยนที่ทำให้ได้ความรู้มากขึ้นก็คือตอนนี้ครับ ที่นั่นไม่ง้อลูกจ้าง เราต้องฝึกฝนและพัฒนาฝีมือเพื่อขยับตำแหน่งให้เป็นผู้ถูกเลือกทำงานในร้านต่อไป ระหว่างนั้นผมก็รับจ๊อบที่ร้านอาหารไทยบ้าง ฝรั่งบ้าง จนมีเหตุให้ต้องกลับมาเมืองไทยแล้วเห็นว่าเพื่อน (คุณดวงฤทธิ์ บุนนาค) เปิดร้านและกำลังรับสมัครเด็กฝึกงานพอดีจึงลองมาสมัครดู ทำไปทำมากลายเป็นว่าได้อยู่ยาวเลย (ยิ้มเขิน)”
เชฟยีสต์เล่าต่อว่าถึงแม้จะไปเรียนในประเทศที่ถูกยกให้วัฒนธรรมอาหารเป็นมรดกของโลก แต่ลึก ๆ แล้วยังคงหลงเสน่ห์อาหารไทยที่คุ้นชินมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งสอดคล้องกับสไตล์อาหารของที่ร้านพอดิบพอดี
“ผมชอบคอนเซ็ปต์อาหารของ The Never Ending Summer รู้สึกโชคดีที่ได้มาทำอาหารไทยโบราณอย่างปลาแห้งแตงโม พะโล้ไม่ใส่เครื่องเทศ หรือแกงระแวงที่หากินยากมาก ไปเรียนเพิ่มเติมกับคุณป้าที่รู้จักซึ่งทำอาหารอยู่ในวังแล้วมาปรับใช้กับเมนูที่ร้านครับ ส่วนร้าน The Summer House Project ที่เพิ่งเปิดใหม่สไตล์อาหารก็ต่างออกไป เปลี่ยนแนวอาหารกันอยู่หลายรอบจนมาลงตัวที่อาหารฟิวชัน มีความเป็นไทยผสมอยู่ในบางเมนู ผมเอาเทคนิคที่เรียนจากฝรั่งเศสมาใช้ในร้านนี้ด้วย”
ครั้งนี้เชฟยีสต์แนะนำสปาเกตตีปลาสลิด เมนูไทยฟิวชันธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ดูดีครบสูตรทั้งรูป รส และกลิ่น เคล็ดลับความอร่อยชวนหิวท้องกิ่วอยู่ตรงกลิ่นหอมๆ ของน้ำมันอินฟิวกับพริกแห้งและใบโหระพา ผัดคลุกเคล้ากับเส้นสปาเกตตีที่เชฟลดความแข็งจากการลวกแบบอัลเดนเตกรุบด้านในให้นุ่มลง กินกับปลาสลิดบางบ่อทอดกรอบ 2 รอบ เทคนิคการทอดรอบแรกต้องทอดพอสุกแล้วทิ้งไว้ให้เย็น จากนั้นทอดด้วยไฟแรงอีกครั้ง ปลาสลิดที่ได้จะทั้งหอมและกรอบ เก็บไว้ได้นาน แถมไม่เหม็นหืน นำมาจัดลงบนเส้นสปาเกตตี ตกแต่งด้วยพริกแห้งและใบโหระพาอีกหน่อย
แค่เห็นก็แทบอยากซู้ดเส้นแบบไม่รีรอเลย!
ขอขอบคุณ ร้านอาหาร The Summer House Project โทร. 0-2861-0953
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
เรื่อง : ณัฐธพัฒน์ วรมิศร์, ภาพ : อภิชาติ วรรณะวัลย์