มีเงินเก็บแค่100,000บาท อยากลงทุนตู้กาแฟหยอดเหรียญ
พักอยู่กทม. มีเงินเก็บแค่100,000บาท อยากลงทุนตู้กาแฟหยอดเหรียญ อยากถามผู้ที่ี่ีมีประสบการ์ณ หรือผู้อนะนำหน่อยนะคะ ว่าควรเริ่มต้นอย่างไร เลือกสถานที่แบบไหนดีคะ ขอบคุณมากๆค่ะ
สมาชิกหมายเลข 6597333
15 สิงหาคม เวลา 16:41 น.
15 สิงหาคม เวลา 16:41 น.
แหล่งที่มา pantip.com
15 สิงหาคม เวลา 17:42 น.
กัญชาด้วย
กาแฟดำด้วย
โกโก้ด้วย
15 สิงหาคม เวลา 22:30 น.
http://ตู้กาแฟกัญชา.com
16 สิงหาคม เวลา 07:08 น.
15 สิงหาคม เวลา 17:48 น.
แก้วละ 10 บาท
ขายยากนะครับ
15 สิงหาคม เวลา 18:15 น.
15 สิงหาคม เวลา 21:07 น.
สามอย่างนี้
ถ้าจะลงทุน อย่าเพิ่งซื้อขาด
แต่ถ้าต้องเสียค่าเช่าที่ด้วย
ไม่น่าคุ้มครับ
15 สิงหาคม เวลา 23:08 น.
15 สิงหาคม เวลา 18:35 น.
15 สิงหาคม เวลา 19:48 น.
คนไทยไม่ได้กินแค่กาแฟ แต่กินความเท่ และการอวดกันด้วย
ร้านกาแฟ มีถี่กว่าถังขยะน่ะ
15 สิงหาคม เวลา 20:18 น.
ขอบคุณค่ะ
15 สิงหาคม เวลา 21:05 น.
16 สิงหาคม เวลา 11:59 น.
16 สิงหาคม เวลา 12:43 น.
15 สิงหาคม เวลา 21:00 น.
15 สิงหาคม เวลา 21:04 น.
15 สิงหาคม เวลา 21:03 น.
16 สิงหาคม เวลา 00:09 น.
16 สิงหาคม เวลา 09:04 น.
16 สิงหาคม เวลา 10:52 น.
16 สิงหาคม เวลา 12:12 น.
จากที่เคยลองกินครั้งนึงลาเต้ สรุปหวานเจี๊ยบ ไม่อร่อย และไม่คิดจะลองอีก2เมนูที่เหลือเลยคิดว่ารสชาติคงหนักไปทางหวานเหมือนกัน
จากการสังเกตุเมื่อเดินผ่านยังไม่เจอคนไหนมากดซื้อกาแฟเลย และแล้วตู้นี้ก็ถูกถอดออกไป วางได้ประมาณ3-4เดือนมั้ง
ดังนั้นถ้าเป็นผม คงไม่เลือกลงทุนกะธุรกิจนี้อ่ะครับ คิดว่ายากที่จะทำกำไรได้
เอาจริงๆ รสชาติจัดให้อยู่เทียร์เดียวกับพวก กาแฟซอง 3in1 เลย ซึ่งตกซองไม่ถึง5บาท แต่ต้องหาน้ำร้อน แก้วเองแค่นั้น
16 สิงหาคม เวลา 12:56 น.
เดี๋ยวจะเช็ครสชาติของกาแฟให้พอเหมาะ
ขอบคุณค่ะ
17 สิงหาคม เวลา 12:35 น.
1.ไปชิมรสชาติเครื่องดื่มก่อนเลยค่ะ ว่าถ้าเป็นเรา เราจะกดซื้อกินมั้ย ส่วนใหญ่เน้นหวานซึ่งไม่ค่อยโอเค
2.ขณะชิม ให้สังเกตุน้ำตาลที่เหลือก้นแก้ว ถ้าละลายไม่หมดคือไม่เวิร์ค ลูกค้าไม่ชอบ
3.สถานที่ เหมาะสุดคือ โรงงานหรือหอพัก
4.ที่ตั้งตู้ต้องไม่โดนแดด ไม่โดนฝน
5.ค่าเช่า ทำเลดีย่อมมีค่าเช่าขั้นต่ำ 1000
6.ค่าไฟ ขั้นต่ำ 500 เจ้าของที่มักให้เหมาจ่าย
7.คนดูแลพร้อมมาดูทุกวันมั้ย เพราะพวกนี้มันจะมีปัญหาจุกจิก เช่น ออกมาแต่น้ำเปล่าเพราะผงเครื่องดื่มจับก้อน
8.คนขายตู้ให้เราเค้าบริการหลังการขายดีมั้ย ถ้าแจ้งปัญหาวันนี้ อีก 3 วันถึงมามันจะทำให้เราเสียรายได้และลูกค้าเบื่อ ถ้ามีความรู้เบื้องต้น ซ่อมได้บ้างก็พอลุ้น
9.ลองเอาค่าใช้จ่ายมาคำนวณดู เช่น ค่าเช่าและค่าไฟรวม 1500 ถ้ากำไรแก้วละ 10 บาท เราต้องขายได้อย่างน้อยวันละ 5 แก้วนะรัยงี้ แล้วลองมองๆภาพรวมว่า เฮ้ย.. มันจะมีคนมากดกินมั้ยนะ 5 แก้วต่อวันรัยงี้ค่ะ
ลองพิจารณาดูนะคะ ขอเป็นกำลังใจให้ประสบความสำเร็จในธุรกิจทุกๆด้านนะคะ
16 สิงหาคม เวลา 14:20 น.
แบบไหนดีกว่าคะ
ควรเช่าหรือซื้อไปเลยดี
มีคนแนะนำให้ไปวางขายพนักงานในเซ็นทรัลค่ะ
ขอบคุณนะคะ
16 สิงหาคม เวลา 18:07 น.
1.รวมยอดเงินค่าเช่าตู้ทั้ง 12 เดือนรวมทั้งค่ามัดจำด้วยนะคะ เอาตัวเลขตั้งไว้
2.เอาราคาซื้อตู้มาเทียบกับค่าเช่าตู้ 1 ปี ว่าอันไหนจ่ายถูกกว่ากัน
****ตรงนี้ต้องดูรายละเอียดสัญญาเกี่ยวกับการบริการด้วยนะคะ เช่น ถ้าเช่าตู้ การซ่อมมักจะซ่อมฟรีตลอดอายุการเช่า แต่ถ้าซื้อจะมีบริการซ่อมฟรีกี่ครั้งหรือรับประกันกี่ปี ค่าเดินทางค่าอะไหล่ ตรงนี้ต้องเอาสัญญาทั้งสองแบบมากางดูค่ะ ส่วนใหญ่ผู้ขายชอบให้เราเช่ามากกว่าเพราะเขากินยาวทั้งค่าเช่าและค่าผงเครื่องดื่มที่เขาผูกไว้กับเรา มันมีการเช่าอีกแบบด้วยนะเช่น เช่าตู้ฟรีแต่ต้องมีขั้นต่ำในการซื้อผงเครื่องดื่ม ต้องลองเอาตัวเลขมาเทียบดูค่ะ
3.ถ้าค่าเช่าตู้ถูกกว่าซื้อ 50% ให้เช่า ถ้ามากกว่าให้ซื้อค่ะ เพราะว่าถ้าเราเลิกขาย ตู้ที่เราซื้อยังสามารถขายมือสองได้อย่างน้อยก็ครึ่งราคา เดาว่าผลลัพท์น่าจะตกมาที่การซื้อค่ะ ลองคำนวณดูนะคะ
***ถ้าในกรณีเช่าตู้ฟรีแต่ต้องซื้อผงเครื่องดื่มซึ่งมีขั้นต่ำ ต้องมาพิจารณาให้ดีเลยนะคะว่าผงเครื่องดื่มที่ต้องซื้อนั้นมันได้กี่แก้ว เพราะถ้าขายไม่ได้ตามเป้าขึ้นมาจะกองท่วมบ้านเอาค่ะ
***ถ้าตัดสินใจได้แล้วว่าควรซื้อหรือเช่าอย่าเพิ่งยกตู้มาทันทีนะคะ ให้เอาสเปคตู้ที่จะซื้อหรือเช่า ไปคุยกับเจ้าของพื้นที่ให้เรียบร้อยก่อน ทั้งสถานที่ตั้งเอย ปลั๊กไฟเอย ค่าเช่าที่วางเอย ค่าไฟเอย ต้องเคลียร์ให้เรียบร้อยก่อนติดตั้งนะคะ ตรงนี้ต้องชัวร์จริงๆนะ ยิ่งเป็นห้างด้วยนะ เค้าจะไม่ปรับเปลี่ยนเพื่อเรานะคะ เช่น ไม่มีปลั๊กและห้ามต่อพ่วงเพราะเสี่ยงอันตรายเป็นต้น
***เอาตรงนี้ไปพิจารณาเพิ่มอีกนิดนะคะ
1.ตู้เครื่องดื่มสเปคเครื่องจะเน้นว่าใส่แก้วได้กี่ใบ เช่น 150 ใบ หลายคนมองตรงนี้แล้วรู้สึกสบายใจ เพราะมันบรรจุได้เยอะ แต่อย่าลืมว่ามันต้องใช้น้ำเปล่า ที่มักจะชงได้ไม่ถึง 150 แก้ว ตายก่อนกลางทาง
ฉะนั้นแปลว่าน้ำสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด
2.น้ำเปล่าที่เราจะใส่ไปในตู้เพื่อชงเครื่องดื่ม ต้องดูให้ดีว่าตู้นั้นบรรจุน้ำได้กี่ลิตรเมื่อชงออกมาจะได้กี่แก้ว ถ้าถังบรรจุน้ำมีขนาดเล็ก ต้องมีคนมาดูแลทุกวัน ตรงนี้เป็นสิ่งที่หลายคนอาจมองข้าม
3.นอกจากน้ำที่อยู่ในตู้แล้ว น้ำที่เป็นถังสำรอง จะเก็บไว้ไหน ถ้าไม่มีที่เก็บ คนดูแลพร้อมจะแบกจากโรงจอดรถมาเติมมั้ย
4.กำไรเครื่องดื่มต่อแก้ว ขึ้นอยู่กับว่า เราตั้งเครื่องแบบไหน
—ตั้งให้ใส่ผงเยอะ จะเข้มข้น ลูกค้าชอบมาก แต่กำไรน้อย เผลอๆขาดทุน
—ตั้งให้ใส่ผงน้อย จืดชืด ลูกค้ากินครั้งเดียว สุดท้ายเจ๊ง
***ตรงนี้นะ ตอนคุณไปชิม เค้าจะให้คุณชิมตอนอร่อยๆแหละ คุณต้องขอกดแค่ผงมาชั่งตวงค่ะ ว่ามันอร่อยๆเนี่ยกี่กรัม แล้วมาคำนวณว่าคุณจะได้กำไรต่อแก้วกี่บาทกันแน่ ***ยิ่งตอนติดตั้งเครื่อง พกตราชั่งไปด้วยนะคะ มันต้องอย่างนี้จริงๆ รวมถึงทุกครั้งที่ซ่อมบำรุงด้วย ระวังช่างแอบตั้งผงลงเยอะ***
เอาไปเอามาเยอะเลยเนาะ 5555 ธุรกิจนี้ไม่ง่ายเลยค่ะ แต่ถ้าคิดว่ามันเป็นประสบการณ์มันก็ไม่มีอะไรยาก
ถ้าสงสัยว่าเราเกี่ยวข้องอะไรกับธุรกิจนี้ เราขอตอบว่าเราเคยทำการตลาดให้ผู้ผลิตสินค้าประเภทนี้ค่ะ แต่ไม่คิดจะเอามาทำเองเพราะเราไม่ค่อยชอบรายละเอียดมันจุกจิก เราเป็นคนขี้เกียจ 5555
16 สิงหาคม เวลา 19:19 น.
พี่คนที่ทำโรงงานตู้กาแฟแนะนำว่า
วางขายในตลาดก็ดีแต่ต้องดูที่ที่เหมาะสม
วางขายในเซ็นทรัลขายดีเพราะพนักงานเขากินบ่อยกันมากเขาไปลงบางสาขามาแล้ว
เขาคิดค่าเช่าตู้หนูเดือนละ1000+มัดจำ10,000 เซ็นทรัลคิดค่าวางเดือนละประมาน3000-4000+มัดจำสัญญา6เดือนไม่ต่อก็คืนค่ามัดจำ
ซื้อเครื่องราคาประมาณ5×,××××
ใส่ได้4-6ช่อง
แก้วใส่ได้120แก้ว
ด้านล่างตู้มีช่องเก็บแก้ว1000แก้ว
พี่ว่าพอได้ไหม
หนูก็อยากลองดูก่อนด้วยยังไมากล้าซื้อค่ะ
หรือพี่คิดว่าตามตลาดดีกว่าคะ
ขอบคุณมากนะคะ
16 สิงหาคม เวลา 23:59 น.
1.เช่าดีกว่าซื้อ
2.ห้างดีกว่าตลาด
3.สิ่งที่ต้องพิจารณามากกว่าตู้ใส่แก้วได้เท่าไหร่คือปริมาณน้ำที่ตู้เก็บได้ ตอบตรงนี้ให้ได้ว่า น้ำที่บรรจุในตู้ กดเครื่องดื่มได้กี่แก้ว แล้วเราจะเอาน้ำไหนไปเติม จะเก็บสำรองไว้ที่ไหน เดี๋ยวแบกตายเลยเน้อ
สุดท้ายแล้วการลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยง ลองพิจารณาดูว่ารับได้มั้ยหาก
ลองทำแล้วธุรกิจไม่รอด ความเสียหายจากการขาดทุนน่าจะประมาณห้าหมื่น
แต่ถ้าได้ดีก็จะเป็นธุรกิจที่เราสามารถทำได้ยาวๆเลยทีเดียวจ้า เป็นกำลังใจให้น๊า?
17 สิงหาคม เวลา 08:20 น.
หนูไม่มีประสบการ์ณด้านนี้
หนูเลยกังวลเยอะค่ะ
จะนำข้อแนะนำพี่ไปใช้นะคะ
ขอบคุณมากๆค่ะ
???
17 สิงหาคม เวลา 10:02 น.
ซึ่งมีแทบทุกหัวมุมถนน ผมมองว่าคนน่าจะสนใจพวกนี้มากกว่ากาแฟตู้ครับ
16 สิงหาคม เวลา 15:03 น.
16 สิงหาคม เวลา 17:07 น.
16 สิงหาคม เวลา 18:56 น.
16 สิงหาคม เวลา 19:06 น.
16 สิงหาคม เวลา 23:35 น.
16 สิงหาคม เวลา 22:29 น.
16 สิงหาคม เวลา 23:24 น.
นอกจากจะเอาตู้ไปตั้งไว้ตึกออฟฟิซที่มีคนเยอะๆได้
และราคาต้องถูกกว่าร้านใกล้ๆ
แต่คนไทยชอบกินกาแฟเย็น ยังไงตู้ร้อนก็ขายไม่ออก
แต่ถ้าเขาจะกินร้อน เขาก็ชงในแคนทีนของออฟฟืศกินเองได้ ไม่ต้องลงมากดตู้
17 สิงหาคม เวลา 10:09 น.
17 สิงหาคม เวลา 13:10 น.
หากคุณจกขท.ต้องการจะลงตู้กดกาแฟให้ได้ ขอให้พิจารณาปัจจัยแบบที่เราบอกไป คือ ไปหาติดต่อขอวางตามโรงงานอุตสาหกรรมที่มีการทำงาน 24 ชั่วโมง ละแวกใกล้เคียงไม่มีร้านค้าที่พนักงานจะสามารถเอาช่วงเวลาพักที่มี ไปซื้อกาแฟที่อื่นมากินได้ ถ้ามีครบองค์ประกอบ 2 อย่างนี้เป็นอย่างน้อย เราว่าคุณสามารถติดตั้งตู้กาแฟได้ แต่ถ้ายังหาองค์ประกอบแบบนี้ไม่ได้น่าจะเสี่ยงในการวางตู้แบบสะเปะสะปะ
ป.ล.แต่จะไปหาอย่างที่บอกมาค่อนข้างยาก เพราะถ้าโรงงานใหญ่ ๆ มักจะมีของพวกนี้ติดตั้งอยู่แล้ว เข้าไปแข่งลำบาก อาจจะต้องมองหาโรงงานอุตสาหกรรมขนาดกลางดูค่ะ
17 สิงหาคม เวลา 13:23 น.
แต่ถ้าจะทำจริงๆ ลองเซอร์เวย์ตามตู้กาแฟที่เค้าตั้งไว้อยู่แล้วก่อน นั่งปักหลักเลย วันละที่ก็ได้ นับเลยว่าตู้นึง วันนึง มีคนกดกี่แก้ว ลองสุ่มไปหลายๆ ที่ ทั้งที่ที่มีคนพลุกพล่าน ที่ที่มีคนน้อย ที่ซักผ้าหยอดเหรียญ ตามตลาดนัดดีๆ ทำสถิติเองเลยครับ อย่าเชื่อคำบอกเล่า
ได้ข้อมูลแล้วเอามาประมวลผล หาค่าเฉลี่ยว่าวันนึงแล้วจะมีคนกดกาแฟจากตู้กดรวมแล้วเป็นเงินเท่าไหร่ โดยประมาณ จากนั้นลองคำนวณค่าใช้จ่าย ต้นทุนทั้งหมด หักลบ ก็จะได้คำตอบว่า คุณควรทำหรือไม่
ลองดูครับ อยากทำธุรกิจต้องทำแผนธุรกิจด้วยตนเอง หาข้อมูลดิบ ข้อมูลเชิงประจักษ์ด้วยตนเองนะครับ จะช่วยตัดสินใจได้ดี
17 สิงหาคม เวลา 13:39 น.
ตู้กดตู้นึงวันนึง เท่าที่เห็น สิบแก้วยังไม่ถึง เดือนนึงจะคุ้มค่าไฟค่าใช้จ่ายอื่นๆ หรือป่าวก็ไม่รู้
17 สิงหาคม เวลา 13:41 น.
จขกท. ดื่มกาแฟไหม ถ้าดื่ม ใช้บริการตู้กาแฟหยอดเหรียญกี่ครั้งในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา
คำถามที่ 2
ลองเอาคำถามแรก ไปถามคนที่ดื่มกาแฟอีกซัก 30-50 คน
เอาคำตอบของ 2 ข้อนี้มารวมกัน น่าจะพอเห็นทิศเห็นทางครับ
17 สิงหาคม เวลา 14:38 น.
18 สิงหาคม เวลา 08:10 น.
18 สิงหาคม เวลา 11:48 น.
19 สิงหาคม เวลา 22:17 น.
21 สิงหาคม เวลา 10:59 น.