น้ำตาลนี้เป็นเครื่องปรุงที่ส่งผลเสียและอันตรายที่สุดแล้ว ใช่ไหมครับ..
ตามชื่อกระทู้ ผมสงสัยว่า น้ำตาล อันตราย กว่า ผงชูรส อีกหรือ ผงชูรส รสดี น้ำตาล เครื่องปรุง พริก พวกนี้ ผมผู้คนชอบเห็นใส่กัน แบบขั้น เสียติดเลย
คือ ขั้นเสียติดจริงๆ ร้านอาหาร ร้านก๋วยเตี๋ยว ในห้าง มีทุกร้านเลย ไม่เคยเห็นร้านไหนไม่มี เครื่องปรุงเลย
ใส่แล้ว ทำให้ รสชาติดีขึ้นแค่ไหน อร่อยขึ้นไหม อยากถามแค่นี้แหล่ะ ครับ
พอทราบว่า อาหารที่ทานทุกวัน มีผลต่อ อารมณ์ และ สมาธิ แต่ไม่รู้ว่า คนส่วนใหญ่ชอบใส่เครื่องปรุงเยอะแค่ไหนกัน
ส่วนตัว เคยเห็น คนหนึ่ง ทานแบบ เลิกไม่ได้เลย ใส่ ทั้ง น้ำตาล น้ำปลา พริกเต็ม จะไม่เป็นโรคร้ายหรือ
สมาชิกหมายเลข 6875879
3 มีนาคม เวลา 10:30 น.
3 มีนาคม เวลา 10:30 น.
แหล่งที่มา pantip.com
3 มีนาคม เวลา 10:56 น.
แต่เค้าอยากรู้ว่า น้ำตาล “อันตรายที่สุด” ใช่หรือเปล่า
3 มีนาคม เวลา 11:10 น.
3 มีนาคม เวลา 22:12 น.
3 มีนาคม เวลา 11:21 น.
3 มีนาคม เวลา 11:25 น.
3 มีนาคม เวลา 14:07 น.
ผมแปลกใจ จขกท. มากกว่าว่าทำไมต้องรีบตั้งสมมติฐานขนาดนั้น คุณจะใช้เกณฑ์อะไรวัดความอันตราย กำหนดปัจจัยแวดล้อมต่างๆ มาครอบคลุมหรือยัง เช่น ถ้าจะบอกน้ำตาลอันตรายเพราะก่อเบาหวาน แล้วเครื่องปรุงชนิดอื่นคุณสมบัติทางเคมีของมันไม่ได้ก่อเบาหวาน กินเป็นปี๊บเบาหวานก็ไม่ขึ้น แบบนี้จะวัดกันแฟร์ๆ ได้เหรอ
ก่อนจะสรุปอะไรฟันธงขนาดนั้น ควรตั้ง parameter ต่างๆ ให้ครบก่อนดีไหม ไม่งั้นก็เถียงกันแบบไม่มีหลักการไม่รู้จบ
3 มีนาคม เวลา 14:13 น.
เกลือ ผลชูรส พริกป่น มันไม่ Addictive ในระยะสั้นร่างกายมีจุดที่ทำให้คุณต้องหยุดกิน ถ้าคุณไม่หยุดกินคุณจะมีอาการอะไรบางอย่างที่ทำให้คุณต้องหยุดกินไปโดยปริยาย เช่น ปวดท้อง ท้องเสีย หมดสติ โคม่า ตาย ฯลฯ
3 มีนาคม เวลา 14:30 น.
น้ำตาลและน้ำมัน (แปรรูปอุตสาหกรรม)
เพราะ2อย่างนี้กินเพลินไม่เบรคกัน
ส่วนพริก เกลือ มักจะกินไม่เยอะเท่าไหร่
โปรตีนแปรรูป มันแพง โปรตีนใน ไส้กรอก ลูกชิ้น หมูยอ มีนิดเดียว แป้งทั้งนั้น
3 มีนาคม เวลา 14:49 น.
ดังนั้นต้องบอกว่า เครื่องปรุงทุกชนิดปลอดภัยหมด ถ้าใส่แต่พอดี จึงไม่มีเครื่องปรุงไหนปลอดภัยหรืออันตรายมากกว่ากัน
แต่ถ้าจะพูดถึงมิติของการใส่มากกว่าปริมาณที่กำหนด
เครื่องปรุงทุกชนิดอันตรายหมด
ทว่าหากจะเพิ่มเรื่อง “อันตรายที่สุด” เข้าไปเพิ่มตามคำถาม
อันนี้น่าจะตัด “น้ำตาล” ไปก่อนนะ
เพราะ
1. บริโภคน้ำตาลเกินกำหนด ไม่ได้ทำให้เกิดอันตรายอย่างฉับพลัน (ยกเว้นบริโภคจนมากเกินไปจริง ๆ)
2. ปริมาณที่แนะนำให้บริโภคได้ค่อนข้างสูง ดังนั้นถึงบริโภคเกินกว่านั้นในปริมาณที่สูง ก็ไม่ได้ทำให้เกิดอันตรายอย่างฉับพลัยเป็นพิเศษ
3. ร่างกายมนุษย์ มีปฏิกิริยาต่อต้านเมื่อบริโภคน้ำตาลในช่วงเวลาเดียวที่มากเกินไประดับหนึ่งอยู่ (แต่ก็มีคนที่ป่วยจนระบบนี้บกพร่องเช่นกัน)
ทั้งนี้เราพูดได้แค่คอนเซปต์นะ เพราะเราไม่มีความรู้มากพอที่จะแจกแจงแบบเจาะลึกได้
3 มีนาคม เวลา 17:10 น.
3 มีนาคม เวลา 18:06 น.
3 มีนาคม เวลา 18:08 น.
3 มีนาคม เวลา 18:26 น.
3 มีนาคม เวลา 18:33 น.
น้ำตาลมีทั้งในอาหาร คาว หวาน น้ำดื่ม น้ำดื่มก็มีอีกเป็นสิบๆชนิด ที่กินทุกวัน นมเปรี้ยว ชา กาแฟ น้ำหวาน ชานม โกโก้ มีหมด
คิดสภาพเกลือก็ทำอันตรายได้ แต่เกลือใส่ในอาหารคาวส่วนใหญ่ อาหารหวานนี่แค่นิดเดียว โอกาสเกลือเกินมีน้อยกว่าน้ำตาล
3 มีนาคม เวลา 19:46 น.
3 มีนาคม เวลา 21:52 น.
ไม่ชอบกินรสจัด
3 มีนาคม เวลา 22:17 น.
แต่ร่างกายสามารถเผาผลานไขมันได้ ตามที่ การใช้ชีวิตประจำวัน ส่วนเกินอาจจะไปเก็บไว้ในรูปแบบอื่นๆ
ลดน้ำตาลดีต่อสุขภาพครับ แก่ช้า เส้นเลือดไม่หนืด
และอื่นๆ แฟนผม กิน ขนมจีนเขื่อม ใส่น้ำตาลเยอะมาก พอบอกให้ลดลงมา กิน เผ็น เปรี้ยวแทน ก็ดีขี้น
ผมไม่หงอก(จากที่ต้องย้อมผมตลอด) ผิวพรรณดี
มีแรงขึ้น เดี๋ยวนยาวไปขอจบเท่านี้ครับ
3 มีนาคม เวลา 22:49 น.
ถ้ากินแค่พอประมาณไม่มากก็ไม่มีปัญหาหรอก
3 มีนาคม เวลา 23:28 น.
4 มีนาคม เวลา 01:12 น.
4 มีนาคม เวลา 01:47 น.
น้ำตาล เป็นแหล่งพลังงานหลักของร่างกายที่เอามาใช้ได้งานที่สุด สังเกตได้ คนที่ต้องใช้แรงมาก ๆ อย่างพวกนักกีฬา บางทีจะมีของหวานที่ย่อยง่ายอย่างกล้วยหรือช็อกโกแลตติดตัวไว้ด้วย เพราะพวกนี้ย่อยง่าย ทำให้ร่างกายฟื้นตัวจากการออกกำลังกายใช้แรงอย่างรวดเร็ว
คนธรรมดาเอง เวลาเหนื่อยหรือเพลีย ได้นั่งพักกินน้ำดื่มหรือขนมหวานซักหน่อย ก็จะช่วยให้สดชื่นฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
แต่ปัญหาคือ สมัยนี้น้ำตาลหาได้ง่ายมาก จนทำให้คนส่วนมากจะได้รับน้ำตาลมากเกินความต้องการไปมากโข ซึ่งพอมีน้ำตาลมากเกินไปก็จะส่งผลเสียต่อร่างกายได้
4 มีนาคม เวลา 04:26 น.
น้ำตาลและแป้ง (แบบขัดขาว ข้าวขาว แยกเส้นใยออกหมด) ไม่มีอันตรายเป็นพิเศษ แต่กินมากเกิน ร่างกายไม่ได้ใช้ทันที (กิแล้วนั่งๆนอนๆ ไม่ได้ออกกำลังกาย) มันจะแปรไปเป็นไขมัน อยู่ตามตัวบ้าง ตามหลอดเลือดบ้าง
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผงชูรสกินมากคอแห้ง เกลือใส่มากเค็ม พฤติกรรมที่อันตรายควรหลีกเลี่ยงคืออาการติดรสชาติ ติดเป็นนิสัย กินต่อเนื่องทุกมื้อ เป็นระยะเวลานาน
แป้งและน้ำตาลกินมากอาจจะไม่เป็นอะไร แต่แนวทางก็เช่นกัน กินเป็นนิสัย ต่อเนื่องยาวนานมีผลเสีย แต่ที่ส่งผลโดยตรงไม่น่าจะเกี่ยวกับการปรุงอาหาร เพราะปริมาณก็ไม่ได้มากมายอะไร (ทำกับข้าว อาหารไทย ห้ามใส่น้ำตาลแล้วจะให้ใส่อะไร) แต่น่าจะหมายถึงอาหารที่เป็นขนม อาหารหวาน เครื่องดื่มมากกว่า แต่นานๆกินสักครั้งหนึ่งก็ไม่น่าจะมีผล
ส่วนที่อันตรายจริงๆคือไขมันแปรสภาพ (trans fat) ร่างกายไม่รู้จัก ย่อยไม่ได้ ส่งไปอุดตันในหลอดเลือดอย่างเดียว
4 มีนาคม เวลา 09:16 น.
รสหวาน เป็นรสที่ร่างกายรับได้ในปริมาณเยอะ และต่อต้านน้อยกว่า รสอื่น
ถ้าเค็มไป เปรี้ยวไป เผ็ดไป ร่างกายจะต่อต้านแล้ว ให้หยุด
แต่ถ้าหวาน ร่างกายก็รับรู้นะว่า หวานมากเลย แต่ไม่ได้ต่อต้านให้หยุด
คนเราเลยเสพความหวานได้ในปริมาณที่เยอะมากๆ
พอมันเยอะมาก มันจึงส่งผลเสียมาก
สำหรับผม ผมเลิกกินน้ำตาลที่ไม่จำเป็นแล้ว ไม่กินน้ำตาลนอกมื้ออาหาร
ร่างกายดีขึ้น แบบเห็นได้ชัด
4 มีนาคม เวลา 09:53 น.
มีการวิจัยในต่างประเทศที่ได้ออกมาเขาแนะนำว่าเราไม่ควรทานน้ำตาลมากกว่า 6(ผู้หญิง) ถึง 9(ผู้ชาย) ช้อนชาต่อวัน
น้ำตาล 9ช้อนชานี่มันน้อยแค่ไหน?
โค้กกระป๋องเดียวก็มีน้ำตาล 9 ช้อนชาแล้วครับ
สิ่งที่น่าสยองกว่านั้น
อาหารไทยในปัจจุบันที่เราทานกันอยู่ทุกวัน ติดหวาน เรากินทุกวันอาจจะไม่รู้สึกว่ามันติดหวานแต่อย่างใด แต่จริงๆแล้วมันหวานครับ ลองไปทานอาหารของชาติอื่นที่เขาทำโดยไม่ใส่น้ำตาลลงไปซักระยะหนึ่งจนชินแล้ว แล้วลองกลับมาทานอาหารไทยดู จะพบว่าอาหารไทยหวานมาก
ผัดผักก็หวาน
แกงเขียวหวานก็หวาน
ผัดกะเพราก็หวาน
ฯลฯ
ต่อให้เราไม่ทานขนมหวานไม่ทันน้ำอัดลมเลย อาหารที่เราทานเข้าไปทุกวันนี้ ก็ทำให้เราได้รับน้ำตาลเกินแล้วครับ
–==NICK==–
4 มีนาคม เวลา 10:10 น.
ที่มีน้ำตาลอยู่ในพวงเครื่องปรุง เมืองนอกไม่มี
ทั้งที่ไม่ควรเติม เพราะน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ
ของอาหารเกือบทุกอย่างอู่แล้วจ้า
4 มีนาคม เวลา 10:24 น.
เกลือ = ความดัน
ถ้าถามว่าโรคไหน ตายง่ายกว่า ก็ เบาหวานแหละครับ น้ำตาลเลย น่ากลัวกว่า ถ้าใช้วิธีคิดแบบนี้
4 มีนาคม เวลา 11:33 น.
เกลือไม่ได้ทำให้ความดันสูงหรือไตพัง
ไปฟังหมอฝรั่งยุคใหม่สลายความเชื่อผิดๆ
4 มีนาคม เวลา 12:07 น.
4 มีนาคม เวลา 11:48 น.
แต่
ต้องไม่กินน้ำตาลเลย! กินนิดเดียวก็อันตราย
ฟัง Dr. Sten Egberg บรรยายว่าเพราะอะไร
4 มีนาคม เวลา 12:52 น.
องค์การอนามัยโลกแนะนำว่าไม่ควรบริโภคน้ำตาลเกิน 6 ช้อนชา หรือ 24 กรัม แต่คุณลองไปดูฉลากน้ำที่ขายทั่วๆ ไปก็จะเห็นครับ น้ำอัดลม 500ml ขวดเดียวก็เกินแล้วครับ ขนาดชาเขียว นม น้ำเต้าหู้ น้ำผลไม้ ที่เหมือนจะดีต่อสุขภาพ แต่พอลองดูปริมาณน้ำตาลแล้วก็ต้องตกใจ
ซึ่งผมว่าทำให้ทุกคนติดหวานกลายเป็นแม้แต่อาหารคาว ก็รสหวานขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันผมแทบจะหาร้านข้าวนอกบ้านไม่ได้แล้ว เพราะทำติดรสหวานกันหมดแทบจะทุกร้าน
4 มีนาคม เวลา 13:01 น.
5 มีนาคม เวลา 21:19 น.
6 มีนาคม เวลา 23:31 น.
สต serious กับเค็มมากกว่า เพราะไตวายแย่กว่า เบาหวาน ในความรู้สึกเรา
7 มีนาคม เวลา 10:52 น.