คนทำงานออฟฟิศที่เป็นคอกาแฟ เมื่อต้อง WFH ยังกินกาแฟกันอยู่ทุกวันมั้ย
คนทำงานออฟฟิศ ที่เป็นคอกาแฟ เวลาที่ต้องไปทำงานตามปกติ มักขาดไม่ได้เลยคือการแวะร้านกาแฟสด และไม่พลาดหิ้วกาแฟติดมือมาด้วยทุกครั้ง ประหนึ่งเป็นชีวิตประจำวันกันไปแล้ว แต่พอเข้าสู่ยุคโควิดระบาดจำต้อง WFH เลยอยากถามเพื่อนสมชิกที่ติดกาแฟกันหนึบหนับ ว่าเมื่อต้องอยู่แต่บ้านไม่ได้ไปไหน ยังกินกาแฟกันอยู่ทุกวันมั้ย เป็นกาแฟรูปแบบไหนบ้าง
dern
9 กรกฎาคม เวลา 07:06 น.
9 กรกฎาคม เวลา 07:06 น.
แหล่งที่มา pantip.com
9 กรกฎาคม เวลา 07:22 น.
9 กรกฎาคม เวลา 07:48 น.
9 กรกฎาคม เวลา 07:53 น.
9 กรกฎาคม เวลา 15:00 น.
– เนสกาแฟอเมกาโน่ซองแดง แบบชงเย็น (จะออกหวานๆเหมือนกินแบบใส่ไซรัป)
– เนสกาแฟอเมกาโน่ซองน้ำเงิน แบบชงเย็น (อันนี้จะเป็นแนวเข้มๆครับ)
9 กรกฎาคม เวลา 17:32 น.
10 กรกฎาคม เวลา 10:52 น.
อยู่บ้านกาแฟชงเอง Moka Pot , กาแฟผงล้วนๆ แบบที่ไม่ใช่ 3 in 1
9 กรกฎาคม เวลา 07:57 น.
9 กรกฎาคม เวลา 08:38 น.
9 กรกฎาคม เวลา 08:51 น.
ตั้งแต่ร้านกาแฟนั่งไม่ได้ การสนทนากับเพื่อน บรรยากาศร้าน กลิ่นกาแฟในร้าน มันหายไปหมดเลย
9 กรกฎาคม เวลา 08:51 น.
ยกเว้นวันไหนเบื่อๆ กาแฟชงเองก็สั่ง delivery
9 กรกฎาคม เวลา 08:55 น.
แต่ไม่ยักอร่อยเท่าร้าน
9 กรกฎาคม เวลา 09:04 น.
9 กรกฎาคม เวลา 09:42 น.
ชนิดที่ว่าต้องกินตั้งแต่มือเช้าเลยนะ แบบนี้เรียกติดกาแฟรึยังครับ
9 กรกฎาคม เวลา 09:57 น.
9 กรกฎาคม เวลา 10:12 น.
จขกท. ลองอ่านบทความนี้นะคะ
กาแฟมีสารตัวหนึ่งที่ชื่อว่า คาเฟอีน (Caffeine) โดยคาเฟอีนมีฤทธิ์ในการกระตุ้นประสาท ทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า รู้สึกตื่นตัว แต่หากดื่มกาแฟเป็นประจำจนติดเป็นนิสัย อาจส่งผลให้ขาดกาแฟไม่ได้ และ “อาจมีอาการที่เกิดจากการขาดคาเฟอีน หากเลิกดื่มกาแฟอย่างฉับพลัน”
โดยภาวะการขาดคาเฟอีนอย่างเฉียบพลัน มักเกิดในช่วง 12-24 ชั่วโมง หลังการบริโภคคาเฟอีนครั้งสุดท้าย
อาการจะรุนแรงที่สุดในช่วง 20-48 ชั่วโมง และอาการนี้อาจคงอยู่ภายใน 7 วัน ซึ่งอาการที่พบบ่อยมากที่สุด คือ ปวดศีรษะ
ที่มา : https://www.blockdit.com/posts/5fddef51776d95063b8906f1
9 กรกฎาคม เวลา 10:17 น.
9 กรกฎาคม เวลา 10:11 น.
9 กรกฎาคม เวลา 10:30 น.
9 กรกฎาคม เวลา 10:53 น.
9 กรกฎาคม เวลา 11:39 น.
WFH มีเวลาชง มีเวลาละเลียด มีเวลาดมกลิ่นผงกาแฟ
มีเวลาเอฟเมล็ดกาแฟจากโรงคั่วต่างๆ มีเวลาเอฟไปถึงโรงคั่วต่างประเทศด้วยเอ้า
เดลิก็มีบ้าง แต่ส่วนใหญ่ทำเองทุกวัน เช้าแก้วบ่ายแก้ว อ่าาา สบายใจ
9 กรกฎาคม เวลา 13:33 น.
ต้นทุนตกแก้วละ 4 บาท ฟินเหมือนซื้อตามร้าน
9 กรกฎาคม เวลา 13:38 น.
มีของที่ถูกตังกว่านี้และมาพร้อมหัว adaptor สำหรับ capsule และแถมแคปซูลฟรีอีก 40 อันครับ สั่งซื้อ central online ส่งฟรีเลยครับ
ที่ผมทราบเพราะผมก็เสร็จไอ้เครื่องนี้มาแล้ว
แต่ไม่ต้องกังวลนะครับ อีกแป๊บเดียวท่านน่าจะได้ลองไอ้เครื่องข้างบนที่ผมว่ามาแล้วครับ เพราะเครื่องรุ่นนี้ผมรู้สึกว่าเปราะบางเหลือเกิน ใช้อยู่ไม่นานก็หมดอายุขัยเสียแล้ว
9 กรกฎาคม เวลา 22:59 น.
อย่าเอาแคปซูลมาเทียบเครื่องทำกาแฟสดครับ คนละเรื่อง เครื่องทำกาแฟสด ยืดหยุ่นหลากหลายกว่าเยอะ เพราะเลือดเม็ดกาแฟเองได้ ที่สำคัญ ต้นทุนต่อแก้วประหยัดกว่าหลายเท่า แคปซูลูกนึงต่ำๆก็เกือบ 20 บาท ผมชงเองตกแก้วละ 4-5 บาท เปราะบางไหม ก็ใช้มา 5 ปีแล้วก็ยังปกติดี ชงวันละสองรอบเช้าบ่าย
10 กรกฎาคม เวลา 10:01 น.
ผมหมายถึงว่ามันมีเครื่องที่ชงได้ทั้งกาแฟสดและแคปซูลในเครื่องเดียวกัน ราคาถูกกว่านี้ครับ
ส่วนอยากจะกินกาแฟเม็ดหรือกาแฟแคปซูลวันไหนก็ตามงบและความพอใจของท่านครับ เครื่องมันชงกาแฟให้เราได้ทั้งสองแบบ
10 กรกฎาคม เวลา 10:38 น.
ตอนนี้ เนสกาแฟโกล + โกโก้ดัช
(ซื้อในซุปเปอ ตอนลดราคามาชงเองครับ55+)
9 กรกฎาคม เวลา 13:39 น.
9 กรกฎาคม เวลา 13:40 น.
9 กรกฎาคม เวลา 13:45 น.
นี่2เข็มแล้ว
เข็มแรกกาแฟเช้า ฉีดบ่าย
เข็ม2กาแฟเช้า ฉีดสายๆ
ไม่มีอาการข้างเคียงค่ะ
9 กรกฎาคม เวลา 18:25 น.
9 กรกฎาคม เวลา 13:42 น.
9 กรกฎาคม เวลา 13:50 น.
9 กรกฎาคม เวลา 13:54 น.
9 กรกฎาคม เวลา 13:59 น.
9 กรกฎาคม เวลา 14:00 น.
เท่านั้น
9 กรกฎาคม เวลา 14:08 น.
11 กรกฎาคม เวลา 11:09 น.
เดินผ่านก็กลัวละ
12 กรกฎาคม เวลา 12:41 น.
9 กรกฎาคม เวลา 14:12 น.
เพราะตื่นมาเพื่อกินกาแฟ ไม่ได้กินกาแฟเพื่อให้ตื่นค่ะ 5555
9 กรกฎาคม เวลา 14:23 น.
9 กรกฎาคม เวลา 14:23 น.
ตกลงใช้เครื่องไหนบ่อยสุดครับ
เผื่อจัดหามาบ้าง จะได้ซื้อครั้งเดียวจบเลย
9 กรกฎาคม เวลา 14:25 น.
สลับไปเรื่อยๆ ค่ะ อยู่บ้านนานๆ มันต้องเพิ่มแรงบันดาลใจ 555
9 กรกฎาคม เวลา 14:35 น.
เพิ่ม skill drip กาแฟสุดๆได้ลองหลายสูตรเช้าแก้ว บ่ายแก้ว
9 กรกฎาคม เวลา 14:26 น.
ดริป แคปซูล moka ไปถึงกาแฟinstant แล้วแต่ว่าเวลามีแค่ไหนค่ะ
9 กรกฎาคม เวลา 14:34 น.
9 กรกฎาคม เวลา 14:35 น.
9 กรกฎาคม เวลา 14:41 น.
บางที grab / line man สารพัดสิ่ง
9 กรกฎาคม เวลา 14:43 น.
วันหยุดก็สั่งแกรป ไลน์แมน เลือกร้านที่ค่าส่ง 0 บาทหรือถูกๆหน่อย สั่งมากินเป็นประจำค่ะ (แต่เราไม่ได้กินกาแฟนะ ติดกินพวกชาเขียว ชาเย็น ชานมต่างๆ) ถ้าไม่ได้กินรู้สึกมึนหัว คาดว่าคงติดคาเฟอีนเหมือนคนกินกาแฟค่ะ
9 กรกฎาคม เวลา 14:56 น.
9 กรกฎาคม เวลา 15:03 น.
ปกติกินแบบ 3 ใน 1 ค่ะ ไม่จำกัดยี่ห้อ แล้วแต่ว่าเห็นอะไรสะดุดนิดหน่อยก็หยิบ ๆ แพคมา กระป๋อง ส่วนใหญ่จะเป็นเนสกับเบอร์ดี ส่วนผงชงเอง ต้องเติมน้ำตาลบ้าง กาแฟดำล้วน กินยาก ขม ๆ เปรี้ยว ๆ แถมเตะอีกต่างหาก ตื่นแบบมึน ๆ เอามาจิบ ๆ เอา แบบกระป๋องก็หวานอร่อยดี
ส่วนฤทธิ์ของคาเฟอีน บางครั้งก็ไม่ได้ผลค่ะ กินไม่เป็นเหมือนกัน
9 กรกฎาคม เวลา 15:20 น.
หรือจะชงกินเองก็มีทั้งสินค้าและอุปกรณ์ที่หาซื้อได้ง่าย การ WFH ไม่ใช่ปัจจัยที่ทำให้คนเลิกกินกาแฟได้แน่ๆ
9 กรกฎาคม เวลา 15:33 น.
9 กรกฎาคม เวลา 15:50 น.
9 กรกฎาคม เวลา 16:00 น.
ก็ว่าจะมาตุนไว้เป็นของวันพรุ่งนี้ แต่พอแก้วแรกหมดก็เอาแก้วสองมาต่อ เฮ้อออ
แล้ววันเสาร์ อาทิตย์ไม่ทำงาน ก็ว่าจะไม่ซื้อกิน แล้วคือมีอาการปวดหัวหนักมากกก เหมือนจะป่วยเลย
เลยมาคิดได้ว่าจะเลิกกินกาแฟแล้ว ทั้งประหยัดด้วย และจะได้ไม่ปวดหัวด้วย
เพิ่งลองมาได้อาทิตย์แรก สภาพจิตคือล่องลอยมากตอนนี้ @ @
9 กรกฎาคม เวลา 16:25 น.
9 กรกฎาคม เวลา 16:28 น.
พอ WFH ช่วงแรกซื้อกาแฟซองตามร้านสะดวกซื้อมาชงน้ำร้อน ปรากฏว่าปวดหัวครับ กินแล้วตึงมาก
จากนั้นก็เริ่มกินกาแฟกระป๋องบ้าง กาแฟอเมซอนบ้างเพราะแถวบ้านมีร้านอยู่
จากนั้นก็ลองซื้อกาแฟซองของสตาบัคมาชงครับ ซองละ 30 บ. ได้ผลดี ไม่ตึงเท่ายี่ห้อในสะดวกซื้อ สลับกับกาแฟอเมซอน
ต้นเดือนที่ผ่านมาพึ่งจัดเครื่องแคปซูลเนสเพลสโซ่มาครับ ให้ผลดีเลย ลงทุนค่าเครื่องหน่อย
ส่วนแคปซูลก็ 20 บาทนิด ๆ ได้กาแฟกลิ่นดี กินแล้วไม่ตึง ไม่ปวดหัว เช้า ๆ มากดสัก 1 – 2 แคป
ฟินทั้งวัน มีกาแฟหลายกลิ่น หลายความเข้มให้ลอง ก็สนุกดี เช้า ๆ
9 กรกฎาคม เวลา 16:29 น.
9 กรกฎาคม เวลา 18:20 น.
9 กรกฎาคม เวลา 18:47 น.
9 กรกฎาคม เวลา 19:29 น.
9 กรกฎาคม เวลา 19:52 น.
ปกติขายกาแฟแบบ take away (ไม่มีที่นั่ง) อยู่โซนออฟฟิศแห่งหนึ่งใจกลางเมือง ที่มีร้านกาแฟเป็น 20-30 ร้านค่ะ แฟนเริ่มเปิดร้านหลังจากสถานการณ์ที่ทำงาน (เกี่ยวกับการบิน) ไม่แน่นอนค่ะ ประมาณ สิงหา 63 (คนเริ่มกลับมาทำงานแล้ว) ตอนแรกๆก็ยังขายได้บ้างไม่ได้บ้างค่ะ (เปิด 7 โมง ปิด บ่าย 2) ผ่านไป 2 เดิอน เริ่มมีลูกประจำเยอะขึ้นค่ะ พอมีพวก คนละครึ่ง ม.33 เราชนะ ก็ยิ่งขายดีขึ้นมากๆค่ะ ช่วงกลางวันนี่อย่างกับสงคราม (เราไม่ทำ delivery ค่ะ เพราะไม่ทันจริงๆ) จนหลังปีใหม่ แฟนต้องกลับไปทำงานบริษัทแล้ว และคนติดเชื้อเริ่มมากขึ้น เราเลยต้องมาทำแทนค่ะ ช่วงนั้นคนก็เริ่มน้อยลงค่ะ เพราะคนเริ่มมาทำงานออฟฟิศน้อยลง ออฟฟิศก็เริ่มย้ายออกไปอยู่ที่อื่น ที่ถูกกว่า แต่โชคดีคือลูกค้าประจำ ก็ยังทานอยู่ทุกวันตั้งแต่ร้านเปิดมาเลยค่ะ จนมีการระบาดหนักๆ หลังสงกรานต์ เรียกว่าเงียบ คนเดินนับจำนวนได้เลยค่ะ แต่คนทานทุกวันเค้าก็จะทานทุกวันค่ะ บางคนวันละ 2 แก้ว เช้า เที่ยง แต่สุดๆคือ พค. ที่เริ่มเจอเชื้อตามโรงน้ำแข็งค่ะ เราก็เริ่มระแวง อยากจะซื้อเครื่องผลิต แต่พื้นที่ไม่อำนวยให้ตั้งก็ล้มแผนไป คนออฟฟิศที่เป็นลูกค้าร้านเรานี่ทานกาแฟร้อนน้อยมากนะคะ ส่วนใหญ่เน้นเร็ว ไว จนกระทั่งมีเหตุไป ตจว. เรื่องโอนที่ แล้วดันแจ็คพ็อตไปเจอคนติดเชื้อค่ะ (ปลายเดือน พค.) เราเลยรับผิดชอบตัวเองหยุดไป 14 วัน แต่เราไม่เจอเชื้อ ระหว่างนั้นเราก็ฉีดวัคซีนไป 2 เข็มเรียบร้อย เราก็กลับมาขายค่ะ ก็เหมือนคนก็เริ่มกลับมาคึกคักเหมือนเดิม เราเริ่มทำไม่ทัน ของเริ่มไม่พอ ตั้งใจจะสั่งของเพิ่มค่ะ แต่เหมือนมีใครมาบอกว่าอย่าเพิ่งเลย จนวันที่ 27 มิย. ที่ผ่านมา ตั้งใจจะออกไปซื้อของเข้าร้าน ดันประกาศไม่ให้นั่งกินในร้าน ก็ได้แต่บอกตัวเองว่าดีแล้วที่ไม่สั่งของ แต่กลายเป็นว่าตั้งแต่วันที่ 28 เป็นต้นมาคนมาซื้อกาแฟที่ร้านเยอะมากค่ะ โดยเฉพาะตอนเช้า แต่หลังจากเที่ยง ก็แทบไม่มีคนเดินแล้วนะคะ แต่โชคดีขายตอนเช้าได้เยอะแล้ว บางวันของหมดตั้งแต่ 10 โมง ที่เงียบน่าจะมีแค่พุธที่ผ่านมานี่แหละค่ะ ที่แทบไม่มีคนเดินตั้งแต่เช้า แต่คนมาเยอะช่วง 11 โมงถึงบ่าย 2 แทน
ยอมรับว่าตั้งแต่ wfh มา ลูกค้าประจำหายไปเยอะค่ะ แค่เมื่อไหร่ที่เค้ากลับมาทำงานที่ออฟฟิศ เค้าก็จะต้องมาทานที่ร้านเสมอ บางส่วนซื้อใส่ขวดกลับบ้าน เพื่อไว้ทานวันที่ต้องอยู่บ้าน แต่สถานการณ์ในย่านที่เราเปิดร้านอยู่ตอนนี้น่ากลัวจริงๆค่ะ จากบ้านข้างๆ บ้านถัดไป จนล่าสุด ลามมาถึงตึกเดียวกับที่เราเช่าอยู่แล้ว มันใกล้เราขึ้นทุกที
วันนี้แม้ฝนจะตก แต่เป็นวันที่ลูกค้าเยอะมากเลยค่ะ วันนี้ลูกค้าที่ทานร้านเราทุกวัน ถามว่าวันจันทร์จะเปิดมั้ย เราก็ต้องบอกเค้าไปตรงๆค่ะว่า
เราขออนุญาต
“ปิดชั่วคราว”
จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
เราขอไป “ตรวจหาเชื้อก่อนค่ะ”
ขอพระคุณที่กรุณาอุดหนุดตลอด 10 เดือน ที่ผ่านมา
สวัสดีค่ะ และ ขอให้ทุกคนโชคดี
9 กรกฎาคม เวลา 20:03 น.
เป็นกำลังใจให้ครับ
9 กรกฎาคม เวลา 22:54 น.
9 กรกฎาคม เวลา 20:11 น.
ส่วนใหญ่จะอยู่บ้านก็ชงเอง ถ้ากินร้อนใส่กาแฟอย่างเดียว ถ้ากินเย็นใส่นมสด 100 มล. + หญ้าหวาน 1 ซอง (= น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ) หรือ Equal 1 เม็ด (= น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ)ค่ะ
แต่ถ้าออกนอกบ้านไปซื้อของ หรือไปสวนสาธารณะ สะดวกแวะร้านกาแฟ ก็ซื้ิอค่ะ
9 กรกฎาคม เวลา 22:03 น.
ที่บ้านมีเครื่องชงกาแฟสองเครื่อง แต่เราทำไม่เป็น (ปกติสามีทำ) เราเลยซื้อcold brewแบบสำเร็จมาเทใส่น้ำแข็งดื่มเอาค่ะ ง่ายดี
9 กรกฎาคม เวลา 22:36 น.
9 กรกฎาคม เวลา 22:43 น.
ผมสรุปของผมว่า Nespresso capsule ของแท้คุ้มค่าที่สุดครับ
เคยกินแบบบดเมล็ดเองอยู่นานเพราะเสียดายเงินไม่อยากซื้อเครื่องแคปซูลพบว่ารสชาติดีถูกใจและมีตัวให้เลือกให้ลองเยอะ แต่ของดีๆแพงมากๆๆๆ กินวันละแก้วต้องใช้ห่อเล็กประมาณหนึ่งห่อครึ่งต่อเดือน ของดีๆราคาประมาณห่อละ 800-1,000 ก็จะเสียเงินประมาณ 1,200-1,500 ต่อเดือน ถ้าใช้ Nespresso จะอยู่ที่ 750-1,000 ต่อเดือนโดยได้ระดับความพอใจเท่าๆกัน
เลยเปลี่ยนมากิน Nespresso ตลอดครับ กินมากขึ้นๆต้นทุนค่าเครื่องก็ยิ่งต่ำลงๆเรื่อยๆ ยิ่งใช้เครื่องรุ่นเล็กตอนลดราคานี่แป๊บเดียวคุ้มครับ
9 กรกฎาคม เวลา 22:54 น.
ก็คือเปลี่ยนจากที่ดื่มแบบเย็น มาดื่มแบบร้อนแทนด้วยครับ
9 กรกฎาคม เวลา 23:59 น.
10 กรกฎาคม เวลา 00:07 น.
ตอนแรกก็ลังเลกับแบบแคปซูล แต่ที่เซ็นทรัลเขาลองทำให้ชิมเปรียบเทียบกัน 7 เครื่อง เป็นแคปซูล 3 เครื่อง ซึ่งกลิ่นและรสสู้แบบใส่เมล็ดไม่ได้เลย แต่ใจจริงเราถูกใจรุ่นราคา 5หมื่นมากกว่า แต่ราคาสูงไปค่ะ เกินงบ
10 กรกฎาคม เวลา 01:01 น.
10 กรกฎาคม เวลา 01:38 น.
10 กรกฎาคม เวลา 12:15 น.
10 กรกฎาคม เวลา 15:40 น.
10 กรกฎาคม เวลา 17:52 น.
10 กรกฎาคม เวลา 20:47 น.
11 กรกฎาคม เวลา 00:55 น.
11 กรกฎาคม เวลา 07:31 น.
11 กรกฎาคม เวลา 16:45 น.
11 กรกฎาคม เวลา 19:58 น.
11 กรกฎาคม เวลา 23:05 น.
12 กรกฎาคม เวลา 10:49 น.
12 กรกฎาคม เวลา 11:36 น.
ทั้งเดินไปซื้อเอง ?
12 กรกฎาคม เวลา 22:14 น.