ก่อนที่น้ำแข็งจะนำเข้ามาขายในไทย คนสมัยนั้นกินอาหารที่ต้องกินเย็นกันยังไง
พวกข้าวแช่ ซ่าหริ่ม รวมมิตร เฉาก๊วย อะไรพวกนี้ที่ปัจจุบันมักจะมีการใส่น้ำแข็งลงไปด้วย สมัยก่อนก่อนที่จะมีการนำเข้าน้ำแข็งเข้ามาในประเทศเรา เขากินกันยังไง กินแบบที่ไม่เย็น หรือว่ายังไม่มีของพวกนี้ให้กิน
เปิดหัวใจ
8 สิงหาคม เวลา 15:19 น.
8 สิงหาคม เวลา 15:19 น.
แหล่งที่มา pantip.com
พอมีน้ำแข็งมันถึงค่อยมีการกินเย็นขึ้นมา
8 สิงหาคม เวลา 15:50 น.
ปล.คนจีนไม่ชอบกินของเย็น ไม่ดีต่อสุขภาพ
8 สิงหาคม เวลา 15:55 น.
8 สิงหาคม เวลา 15:55 น.
8 สิงหาคม เวลา 16:03 น.
8 สิงหาคม เวลา 16:20 น.
8 สิงหาคม เวลา 16:24 น.
น้ำแข็งก็มีการเริ่มนำเข้ามาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 โดยนำเข้ามาจากสิงคโปร์
ส่วนการผลิตน้ำแข็งในไทย เริ่มสมัยรัชกาลที่ 5
8 สิงหาคม เวลา 20:06 น.
มันจะเย็นกว่านำ้ธรรมดานิดหน่อย
แต่จะมีกลิ่นหอมดอกไม้ หรือเทียนอบ แล้วแต่สูตร
แค่นี้ก็ชื่นใจแล้วครับ
10 สิงหาคม เวลา 10:23 น.
ส่วนน้ำแข็ง นำเข้าทางเรือมาจากสิงคโปร์
อาหารในราชสำนัก ชาววังเท่านั้นที่ได้กิน
8 สิงหาคม เวลา 16:42 น.
ขนมพวกลอดช่อง รวมมิตร หรือลอยแก้ว
ไม่ต้องไปไกล บ้านผู้รากมากดี 50ปีที่แล้วไม่กินเย็นเลย
เสริฟมาในถ้วยเป็นแค่ของหวานธรรมดา กินทั้งอุณหภูมิห้องแบบนั้น
ข้าวแช่อะไรพวกนี้ก็คือข้าวที่อยู่ในน้ำ กรรมวิธีทำคนละอย่างกับข้าวต้ม
สมัยก่อนแม้แต่ขนมก็มีการยึดถือ คือไม่ได้รวมกันมั่วไปหมดว่าต้องเป็นขนมใส่น้ำแข็งทุกอย่างแบบปัจจุบัน
และไม่ใช่ทุกคนที่อยากกินอะไรก็ไปกิน ยกตัวอย่างน้ำแข็งไสไม่ได้หาได้ทั่วไป ต้องไปหาร้านที่ขายและมีที่ไส ซึ่งไม่ได้มีทุกที่
แต่พวกชากาแฟ โอเลี้ยง พวกนี้ใช้นำแข็งก้อนแบบเป็นกั๊กๆมาทุบหรือใส่เครื่องป่น ซึ่งน้ำแข็งก้อนเราเอาเครื่องมือเข้ามาเปิดโรงน้ำแข็ง
จะมีรถส่งน้ำแข็งก้อนให้ตามร้านที่สั่ง ซึ่งกรรมวิธีเก็บ ต้องมีถังใส่ ถ้าไม่มีถัง ต้องมีแกลบหรือกระสอบคลุมไว้
มันจึงไม่ใช่วิธีสำหรับบ้านคน ที่ทุกคนจะทำสิ่งนี้ การหาน้ำแข็งมาใส่ขนมจึงไม่ใช่สิ่งแรกที่สามารถ
ลองไปถามคนอายุมากๆที่ผ่านการไม่มีตู้เย็นมาสิ เค้ากรอกน้ำใส่ขวด ดื่มแบบอุณหภูมิห้อง แค่คนปัจจุบันนึกไม่ออกว่าดื่มได้ไง
เรื่องสมัยก่อนต้องนึกถึงความไม่ทั่วถึง มีไม่เท่ากันในแต่ละพื้นที่ เราเอาปัจจุบันมานึกร่วมด้วยไม่ได้
ผมผ่านโรงเรียนที่เก่ามากมา รวมมิตรไม่มีน้ำแข็ง ลอดช่องอุณหภูมิห้อง เป็นอะไรที่ไม่อร่อยเลย มันหวานจนหลอน
8 สิงหาคม เวลา 18:29 น.
แกงกระด้าง ทางเหนือกินเย็นนะ เขาจะทำกันตอนหน้าหนาว
ทำตอนเย็น ใส่ถาดทิ้งไว้ เช้ามาก็แข็งต้ว ตัดเป็นก้อน กินกับข้าวเหนียวอุ่นๆ
น้ำดื่ม ใส่หม้อดิน มันก็เย็นๆเพราะมีรูพรุนให้น้ำคายความร้อนออกได้
8 สิงหาคม เวลา 18:58 น.
8 สิงหาคม เวลา 20:01 น.
พูดถึงไขมันหมูนี่ นึกถึงแกงฮังเลในงานบุญวัด
เขาต้องทำล่วงหน้าไว้เลี้ยงพระเลี้ยงคนอีกวันหนึ่ง
ก็ได้ไขมันหมูนี่แหละครับ มันจะแข็งตัวด้านผิวหน้าของแกง
ทำให้แกงไม่บูด อีกวันมาก็อุ่นไปใช้งาน
ส่วนแกงกระด้าง ห้ามอุ่นนะครับ ถ้าอุ่นนะ มีเคือง 555
8 สิงหาคม เวลา 20:14 น.
8 สิงหาคม เวลา 21:08 น.
ส่วนตู้เย็นตามบ้านเรือนก็มาเห็นตอนอายุ 17-18 แล้ว แต่ไม่ได้มีกันทุกบ้าน
เดี๋ยวนี้อะไรๆพัฒนาขึ้นมาก ตู้เย็นมีกันทุกบ้าน บางบ้านมีเครื่องทำน้ำแข็งกันแล้ว
8 สิงหาคม เวลา 22:08 น.
8 สิงหาคม เวลา 22:36 น.
แต่ถ้ากดหาประวัติศาสตร์ที่เขียนจริงๆ เก่าแก่สุดน่าจะพวกเปอร์เซียที่อยู่ในจีนกับอียิปต์นี่แหละที่เก๋าเรื่องน้ำแข็งสุดละ ตั้งแต่ 400 ปีก่อนคริสตกาล เขาคิดค้นวิธีเก็บน้ำแข็งจากฤดูหนาวให้อยู่ได้อย่างถึงฤดูร้อนได้ละ
http://www.historyofrefrigeration.com/refrigeration-history/yakhchal-ancient-refrigerator/
ส่วนไทยเพิ่งรู้จักน้ำแข็งก็รัชกาลที่ 4 ก่อนหน้านั้นทุกอย่างคงร้อนๆ ไปหมด อยากเย็นก็กระโดดลงน้ำเอา
9 สิงหาคม เวลา 02:03 น.
ดังนั้นถ้าคนสมัยก่อนอยากกินน้ำแข็ง ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ นะ
ไม่ต้องรอน้ำแข็งก้อน น้ำแข็งกั๊ก จากสิงคโปร์
9 สิงหาคม เวลา 13:27 น.
พอฝนตก ก็มีลูกเห็บตกลงมาด้วยบ่อย ๆ
หรือหน้าหนาว ก็มี เหมยขาบ แม่คะนิ้ง
คนไทยก็ลองเก็บมากิน ตั้งแต่นั้นมา
ก่อนที่จะมีน้ำแข็งทำจากตู้เย็นเสียอีก
9 สิงหาคม เวลา 22:38 น.