การล้างผักที่ดีที่สุดมีวิธีทำอย่างไรบ้างครับ pantip

การล้างผักที่ดีที่สุดมีวิธีทำอย่างไรบ้างครับ

เพื่อให้สารเคมี เช่น ยาฆ่าแมลง สารอื่นๆที่

ตกค้างอยู่ในผัก เหลือน้อยที่สุดหรือไม่มีจะดีมาก

ครับ ขอบคุณครับ

สมาชิกหมายเลข 2300434
7 สิงหาคม เวลา 16:47 น.

ความคิดเห็นที่ 1

ล้างน้ำแรกด้วยน้ำส้มสายชูผสมน้ำ
ล้างน้ำที่2 ด้วยน้ำเปล่า
ล้างน้ำที่ 3 ด้วยโซเดียมไบคาร์บอเนตผสมน้ำ
แล้วล้างน้ำที่ 4 ด้วยน้ำเปล่า
จะลดสารพิษที่พบได้ทั่วไปในผักและผลไม้ได้มากที่สุด

แต่โดยทั่วไปการล้างผักและผลไม้จะใช้วิธีใดวิธีหนึ่ง เช่น ล้างด้วยโซเดียมไบคาร์บอเนตผสมน้ำ แล้วล้างด้วยน้ำเปล่า หรือ
ล้างด้วยน้ำส้มสายชูผสมน้ำ แล้วล้างด้วยน้ำเปล่า

ปล.โซเดียมไบคาร์บอเนต มีอีกชื่อคือ เบกกิ้งโซดา หาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์ทำเบเกอรี่
ส่วนการล้างเนื้อสัตว์ นิยมล้างด้วยน้ำส้มสายชูผสมน้ำเปล่า เพราะช่วยกำจัดไข่พยาธิและดับกลิ่นคาวได้ดี

แก้ไขข้อความเมื่อ 7 สิงหาคม เวลา 21:44 น.

คุณชายราศีกรกฎ
7 สิงหาคม เวลา 17:09 น.

ความคิดเห็นที่ 2

เบกกิ้งโซดากับน้ำส้มสายชูน่าจะครอบคลุมที่สุดแล้วสำหรับการล้างผักทั่วไป เบคกิ้งโซดาลดสารตกค้างได้ 80-95% น้ำส้มสายชูลดสารตกค้างได้ 60-84 % แต่ได้เปรียบเรื่องฆ่าพยาธิได้เด่นกว่า

เคยอ่านงานวิจัยหนึ่งบอกว่าถึงแม้น้ำส้มสายชูดูจะลดสารตกค้างได้น้อยกว่าเบคกิ้งโซดา แต่สารเคมีที่ติดอยู่ในผักหลายอย่างตรงกับที่น้ำส้มสายชูกำจัดได้ เลยถือว่าประสิทธิภาพพอ ๆ กับเบคกิ้งโซดา

ส่วนตัวอยากลองล้างผักด้วยโอโซนแต่ยังไม่เห็นงานวิจัยแบบเป็นทางการเสียที

แก้ไขข้อความเมื่อ 9 สิงหาคม เวลา 16:57 น.

สมาชิกหมายเลข 2950392
7 สิงหาคม เวลา 17:10 น.

ความคิดเห็นที่ 3

ผมอ่านมาเยอะ เพระตัวเองกินผักเยอะมาก แบบกินคลีน
สรุปว่ามีหลายวิธีที่ไม่ต่างกันชัดเจน เช่นล้างกับโซเดียมไบคาร์บอเนต
ล้างกับน้ำสมสายชู ล้างกับน้ำยาล้างผัก
แต่ไม่ว่าวิธีใด จะต้องมีการ
✅ ถูด้วยมือหรือแปรงเล็กๆ ให้ทั่วถึง
✅ จะต้องมีช่วงหนึ่งที่ล้างด้วยน้ำไหล ไม่ใช่น้ำเดิมๆ

polpris
7 สิงหาคม เวลา 18:58 น.

ความคิดเห็นที่ 4

ลองจินตนาการถึงผักที่โรยด้วยผงฝุ่นสี
ล้างยังไงให้ผงฝุ่นสีพวกนี้ออกจากผักให้เกลี้ยงที่สุด
ก็ล้างแบบนั้น

แค่แช่ จะล้างด้วยน้ำยายังไง มันก็ไม่ได้ล้างฝุ่นสีออกไปได้
ใช้น้ำล้างซ้ำ ก็ยิ่งกระจายสีให้ติดผักอื่นที่เอามาล้างได้อีก

ฝุ่นสีก็เหมือนเชื้อโรค คราบดิน ไข่พยาธิ คราบละอองยาฆ่าแมลงที่พ่นติดมากับใบ ฯลฯ

สมาชิกหมายเลข 961806
7 สิงหาคม เวลา 19:04 น.

ความคิดเห็นที่ 5

แช่โซดาไบคาบอร์เนตแล้วเอามาล้างน้ำผ่านอีกรอบ

ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเกษตรกรไทยชอบใช้ยาฆ่าแมลงกันนัก แถมฉีดซ้ำๆไม่รอให้ยาสลายตัวก่อน

zodiac28
7 สิงหาคม เวลา 19:45 น.

ความคิดเห็นที่ 5-1

ไม่ฉีดนี่คือไม่เหลือครับ หนอนเยอะมาก ขนาดทำมุ้งยังมีหนอน

สมาชิกหมายเลข 6524430
8 สิงหาคม เวลา 11:53 น.

ความคิดเห็นที่ 5-2

มีคนบอกแบบข้างบน ให้ล้างน้ำส้มสายชู ล้างเบกกิ้งโซดา ล้างน้ำยาล้างผัก
ผมล้างน้ำเปล่าก่อน แล้วแช่เบกกิ้งโซดา ตอนนี้กลายเป็นผงเอนกประสงค์ประจำบ้านไปละ ล้างเครื่องซักผ้าก็ใช้

ลุงอ้วนน่ารัก
8 สิงหาคม เวลา 14:35 น.

ความคิดเห็นที่ 5-3

พูดงี้แปลว่าไม่เคยปลูกผักเอง

เคยรู้อะไรกะเค้ามั่งมั๊ยเนี่ย
8 สิงหาคม เวลา 21:53 น.

ความคิดเห็นที่ 6

ร่วมแบ่งปัน

สมาชิกหมายเลข 1025628
7 สิงหาคม เวลา 21:35 น.

ความคิดเห็นที่ 7

ต้มจนน้ำเดือดสักรอบหนึ่งแล้วเทน้ำทิ้งไป ช่วยลดสารเคมีไหมครับ

สู้เพื่อเธอ
7 สิงหาคม เวลา 21:37 น.

ความคิดเห็นที่ 7-1

แบบนี้ค่อนข้างดีครับ ไม่มีสารอันตรายใดๆผสมลงไปเลยว่าแต่ เกลือ นํ้าส้มสายชู สารอื่นๆที่ใช้ล้างผักเมื่อผสมลงไปกับนํ้าเปล่าจะทำให้เกิดการตกตะกอนทานเข้าไปอาจเป็นอันตรายไหมครับ

สมาชิกหมายเลข 2300434
8 สิงหาคม เวลา 07:52 น.

ความคิดเห็นที่ 8

โซดาปิ้งขนมปัง ต้องมีติดครัวตลอดเวลา สารพัดประโยชน์โดยเฉพาะล้างผัก
เมื่อใดต้องการให้ใบผักยังเขียวอยู่เมื่อไปประกอบอาหาร จะใส่เกลือเพิ่มอีกหน่อย

มาวิน
8 สิงหาคม เวลา 10:05 น.

ความคิดเห็นที่ 9

อย่าใส่เยอะเปลือง+ขม เบกกิ้งโซดาแช่พวกผักหัวบร็อคโคลี่ กะหล่ำดอก คะน้า กะหล่ำปลี ผลไม้ แอปเปิ้ล ส้ม

พวกผักน้ำวอเตอร์เครส ผักสลัด ผักโขม ผักใบเล็กๆ ที่ซึมซับยาฆ่าแมลงได้ดี ปลูกกินเองสบายใจกว่า ไม่มีเคมี มีแต่รอยหอยทากแทะ

สมาชิกหมายเลข 2965262
8 สิงหาคม เวลา 11:09 น.

ความคิดเห็นที่ 10

งานวิจัยบอกน้ำส้มสายชูดีสุด แต่ส่วนตัวไม่ใช้เพราะไม่ชอบ+เปลือง

สมาชิกหมายเลข 2965262
8 สิงหาคม เวลา 11:17 น.

ความคิดเห็นที่ 11

รอบแรกล้างด้วยด่างทับทิม

รองสอง ใส่ภาชนะใว้ แล้วเปิดให้น้ำล้นเบาๆไปเรื่อยๆ สัก 10 นาที

มะขามดอง
8 สิงหาคม เวลา 12:09 น.

ความคิดเห็นที่ 12

ของเราใช้วิธีเปิดน้ำทิ้งไว้ไหลผ่านหลายๆครั้งจนสะอาด

หมูแฮมกับไข่ดาว
8 สิงหาคม เวลา 13:18 น.

ความคิดเห็นที่ 13

การล้างผักที่ดี ถ้าอยากให้ได้วิตามินแนะนำให้ล้างแบบชิ้นใหญ่ๆไปเลย ใช้น้ำเปล่าอุณหภูมิปกติ เวลาล้างให้ล้างก่อนที่จะไปทำอาหาร ไม่ควรแช่ทิ้งไว้นานๆค่ะ
การที่เราหั่นผักแล้วค่อยไปล้าง จะทำให้มีเอนไซม์ออกมาทำปฏิกิริยา ทำให้วิตามินในผักลดลงค่ะ และในการประกอบอาหารถ้าต้องการทานสุก ไม่ควรหั่นผักชิ้นเล็กเกินไปจะทำให้ผักสูญเสียวิตามินง่ายมากค่ะ แต่ปัจจุบันนี้สารเคมีในผักเยอะ ก็ทำใจล้างๆไปตามวิธีต่างๆเถอะค่ะ อาจไม่ค่อยได้วิตามินเท่าไหร่ แต่ก็กินอย่างอื่นทดแทนเอาค่ะ

สมาชิกหมายเลข 4488619
8 สิงหาคม เวลา 13:42 น.

ความคิดเห็นที่ 14

เราแช่น้ำยาล้างผัก แล้วเอาแปรงขัดๆ แล้วล้างน้ำแบบไหลผ่านค่ะ

สมาชิกหมายเลข 2257302
8 สิงหาคม เวลา 15:54 น.

ความคิดเห็นที่ 15

น้ำแรก ล้างให้น้ำไหลผ่านๆ ผัก
น้ำสอง แช่น้ำเกลือ หรือน้ำส้มสายชู หรือน้ำใส่ baking soda หรือ Sodium bicarbonate ผักควรอยู่ใต้น้ำทั้งหมด พวกผักที่เป็นหัวเป็นชั้นๆ เช่นกะหล่ำปลี ควรแกะออกมาให้หมด เพื่อให้สัมผัสได้ทั่วๆ
น้ำสามและอาจจะสี่ ล้างน้ำผ่านๆ และแช่น้ำเปล่าอีกรอบ
ประมาณนี้ค่ะ

ตรงๆ เลยนะคะ การใช้ Sodium bicarbonate มันไม่ได้ขิงกว่าใช้เกลือปกติหรอกค่ะเพราะสารประกอบหมู่ 1 ในตารางธาตุ มันละลายได้ดีในน้ำมากค่ะ เพราะฉะนั้นมันเป็นแบบนี้ค่ะ

อันนี้ค่ะ Sodium bicarbonate ละลายน้ำออกมาเป็นตามนี้
NaHCo₃ +H₂O —-> NaOH + H₂CO₃
อันนี้เกลือปกติ ละลายน้ำ
NaCl + H₂O → NaOH + HCl
แปลว่าสุดท้าย เบคกิ้งโซดาของคุณมันก็ไม่ต่างกับละลายเกลือลงน้ำค่ะ ผลที่ได้เลยคือ NaOH กับกรดนั่นเอง หรือจะละลายด้วยน้ำสมสายชูที่เป็นกรดผลไม้ก็ได้ค่ะ เห็นคนเถียงกันเรื่องประมาณนี้หลายทีละ ไม่เข้าใจจริงๆ จะขิงทำไมนักหนา

แก้ไขข้อความเมื่อ 8 สิงหาคม เวลา 17:05 น.

พีชไซเดอร์
8 สิงหาคม เวลา 16:43 น.

ความคิดเห็นที่ 15-1

ต่างกันที่เดิมทีเบคกิ้งโซดามีฤทธิ์เป็นเบส แต่เกลือมีฤทธิ์เป็นกลางตั้งแต่ต้น กรดอ่อน ๆ หรือเบสอ่อน ๆ ช่วยลดสารตกค้างได้ดีเหมือนกับที่น้ำส้มสายชูที่มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ ครับ

สมาชิกหมายเลข 2950392
9 สิงหาคม เวลา 07:11 น.

ความคิดเห็นที่ 15-2

ทั้งคู่มันกลายเป็น NaOH ทันทีค่ะ เพราะ reactive กับน้ำมาก

ว่าแต่อ่านมาจากตรงไหนคะว่ามันต้องกรดหรือเบสอ่อนถึงจะล้าง pesticides ได้ดีกว่า? เผอิญหามานานละไม่เจอ เลยอยากทราบค่ะ

แก้ไขข้อความเมื่อ 9 สิงหาคม เวลา 07:41 น.

พีชไซเดอร์
9 สิงหาคม เวลา 07:13 น.

ความคิดเห็นที่ 15-3

อันนี้ผมจำไม่ได้ครับว่าอ่านมาจากไหน เปิด web อ่านสะสมไปเรื่อย ๆ ทั้งเรื่องลดแรงตึงผิวและการทำปฏิกิริยากับสารตกค้าง แต่ลองหาข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขหรือของโรงพยาบาลต่าง ๆ ที่วิจัยมา การล้างด้วยเกลือสู้ทั้งน้ำส้มสายชูและเบกกิ้งโซดาไมได้เลย ถ้ามันเทียบเท่ากันจริงทำไม่เขาไม่แนะนำให้ใช้เกลือเป็นอันดับแรกเพราะมันหาง่าย มีกันแทบทุกบ้าน ราคาก็ถูกกว่าอีกต่างหาก แต่ข้อมูลต่าง ๆ ของสถาบันที่เชื่อถือได้กลับบอกว่าน้ำส้มสายชูและเบกกิ้งโซดาเป็นอันดับต้น ๆ ในการกำจัดสารตกค้าง (เยอะกว่ามากด้วย)

ส่วนตัวผมเคยแช่ด้วยน้ำเกลือนะ สังเกตว่าผักเหี่ยวและสลดเร็วกว่าแช่ด้วยวิธีอื่นเลยเลิกใช้วิธีนี้ไป

สมาชิกหมายเลข 2950392
9 สิงหาคม เวลา 09:01 น.

ความคิดเห็นที่ 15-4

ที่พอ search เจอก็อันนี้ครับ เพราะข้อมูลแบบเป็นสถานบันนี่ผมไม่เคยเห็นให้เหตุผลว่าทำไม่ถึงกำจัดสารตกค้างได้ดีกว่าตัวอื่น ส่วนมากก็รายงานแต่ผลวิจัย

3. หลักการทำงานของการล้างด้วยเบกกิ้งโซดาเป็นอย่างไร ❓

ตามหลักการแล้วเบกกิ้งโซดาจะไม่ไปดึงสารตกค้างออกมาจากผิวของผักโดยตรง แต่จะปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับการที่สารตกค้างจะเคลื่อนจากผิวผักเข้าไปอยู่ในน้ำล้าง เบกกิ้งโซดาจะทำให้น้ำที่ใช้แช่มีฤทธิ์เป็นด่างอ่อนๆ ความเป็นด่างของน้ำแช่จะมีผลต่อสารตกค้างดังนี้
– สารตกค้างบางชนิด จะละลายน้ำได้ดีกว่าในสภาวะที่เป็นด่าง การใช้วิธีนี้ล้างจึงอาจล้างสารตกค้างบางชนิดได้มากกว่าการใช้น้ำเปล่า (ซึ่งมีสภาวะเป็นกลาง) แต่ยาฆ่าแมลงที่ตกอยู่ในกลุ่มนี้มีไม่มากครับ
– สภาวะเป็นด่างจะเร่งปฏิกิริยาการสลายตัวของสารตกค้างบางชนิด มียาฆ่าแมลงจำนวนหนึ่งเช่น คลอไพรีฟอส ไซเปอร์เมทริน ไดเมโธเอท คาร์โบฟูแรน ฯลฯ มีอัตราการสลายตัวที่ “เร็วขึ้น” (เร็วขึ้นไม่ได้หมายความว่าเร็วเสมอไปนะครับ) ในสภาวะที่เป็นด่าง การแช่ผักในน้ำที่มีฤทธิ์เป็นด่างจึงช่วยลดปริมาณสารตกค้างได้ แต่จะมากและเร็วเท่าไหร่นั้นขึ้นอยู่กับชนิดของสารและสภาวะความเป็นด่าง ยกตัวอย่างเช่น ไซเปอร์เมทริน มีความเสถียรสูงมากในสภาวะที่เป็นกรดและเป็นกลาง แต่เมื่ออยู่ในสภาวะที่เป็นด่าง ไซเปอร์เมทรินจะสลายตัวลดลงเหลือปริมาณครึ่งหนึ่งของปริมาณตั้งต้นภายใน 9-21 วัน (pH 8-8.5 ความเป็นด่างเทียบเท่ากับสารละลายเบกกิ้งโซดา) จะเห็นว่าถึงแม้อัตราการสลายตัวของยาฆ่าแมลงตัวนี้จะเร็วขึ้นในสภาวะที่เป็นด่าง แต่ก็ยังต้องใช้เวลานานเป็นวันๆ เมื่อเทียบกับการแช่ผักเพียง 15-30 นาทีแล้วมีผลน้อยมาก เมื่อดูคุณสมบัติการสลายตัวของยาฆ่าแมลงที่พบบ่อยๆแล้ว แทบไม่มีชนิดไหนที่มีอัตราการสลายตัวอย่างเป็นที่น่าพอในภายในระยะเวลา 15-30 นาทีที่ใช้ในการแช่ผักภายใต้สภาวะด่างอ่อนๆของสารละลายเบกกิ้งโซดาเลย
…

✅✅✅สรุป การใช้เบกกิ้งโซดาเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการล้างด้วยน้ำเปล่าเพียงอย่างเดียว เพราะหาง่าย มีความปลอดภัยสูงและสามารถเพิ่มอัตราการละลายและการสลายตัวของสารตกค้างบางชนิดได้ เหมาะกับผักผลไม้ที่มีปริมาณสารตกค้างไม่มาก เนื่องจากมีประสิทธิภาพการชะล้างต่ำถึงปานกลาง หากทำได้ไม่ควรแช่นิ่งๆอย่างเดียว แต่ควรใช้มือหรือแปรงนิ่มๆถูเบาๆจะช่วยให้สิ่งตกค้างออกมามากขึ้น✅✅✅

https://www.facebook.com/fromfarmtoforkbangkok/posts/1795538737341007/

แก้ไขข้อความเมื่อ 9 สิงหาคม เวลา 09:17 น.

สมาชิกหมายเลข 2950392
9 สิงหาคม เวลา 09:16 น.

ความคิดเห็นที่ 16

ผมแยกใบล้างเป็นใบๆ โดยให้น้ำไหลผ่าน แค่นั้นครับ มันคงไม่ได้สะอาดที่สุด แต่มันสะอาดในระดับที่ผมรับได้แหละ

สมาชิกหมายเลข 817919
8 สิงหาคม เวลา 20:40 น.

ความคิดเห็นที่ 17

น้ำไหลผ่านแรงๆ พอแล้ว ทำสองสามรอบ

สมาชิกหมายเลข 5249729
8 สิงหาคม เวลา 20:51 น.

ความคิดเห็นที่ 18

โห้มีหลายสูตรมาก เรานี้ล้างน้ำสองรอบพอแล้ว

สมาชิกหมายเลข 6580231
9 สิงหาคม เวลา 08:40 น.

ความคิดเห็นที่ 19

เราใช้เบกกิ้งโซดา แล้วตามด้วยน้ำเปล่าค่ะ

สมาชิกหมายเลข 2410281
9 สิงหาคม เวลา 14:16 น.

ความคิดเห็นที่ 20

1.ล้างน้ำสะอาด 2 น้ำขึ้นไป ขึ้นอยู่กับชนิดและการปนเปื้อนสิ่งสกปรก
2.แช่ในน้ำที่ผสมโซเดียมไบคาร์บอเดตประมาณ 20 นาที แล้วล้างน้ำสะอาด
3. เพิ่มขั้นตอนนี้ในช่วงระบาดโควิด โดยนำไปแช่ในน้ำที่มีเครื่องให้ก๊าซโอโซนแบบสายฟองอากาศในตู้ปลา 20-30 นาที เสร็จแล้วเทน้ำทิ้ง นำไปประกอบอาหารหรือเตรียมเพื่อรับประทานสดในผักบางชนิด

โดยส่วนตัว รู้สึกว่าหลังเพิ่มวิธีที่สาม ผักที่ได้ดูสดขึ้น ไม่รู้ว่าคิดไปเอง หรือใครพอมีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ได้บ้างครับ

ตะกร้าสาน
9 สิงหาคม เวลา 21:25 น.