ขนมผักกาดผสมมันแกว pantip

ว่างจากการทำคอร์สอิ่วก้วยแล้ว ขอกลับสู่โหมดแบ่งปันต่อค่ะ

เช้านี้มาทำขนมผักกาดผสมมันแกวกันค่ะ

ใครชอบทานขนมผักกาดผสมมันแกวบ้างมั้ยคะ คนรุ่นเก่าๆมักจะชอบเมนูนี้ค่ะ ไม่ต้องอื่นไกล อาตั่วแจ้ (พี่สาวคนโต) และมาม้า (คุณแม่บุญธรรม) 

ทั้งสองอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน 74 แล้วค่ะ ถ้าแม่นันพูดถึงขนมผักกาดเมื่อใด จะต้องถูกแทรกด้วยคำแนะนำ 

“น้องเล็ก ลองทำใส่มันแกวดูสิ อร่อยนะ” 

“นัน..เคยทำใส่มันแกวรึยัง อร่อยนะ มาม้าชอบมาก”

มันแกวทำอะไรก็อร่อย แค่ควั่นมาทานเปล่าๆก็อร่อย เพราะเนื้อของแห้วหวานธรรมชาติมาก 

ยิ่งนำมาผัดเป็นไส้มาใส่ในขนมต่างๆของคนจีนยิ่งอร่อย  แล้วถ้านำมาผสมในขนมผักกาดจะไม่อร่อยได้อย่างไร

รอบนี้นอกจากหัวไช้เท้าที่สั่งเป็นปกติแล้ว แม่นันจึงสั่งมันแกวเพิ่มมาด้วย แน่นอนต้องทำเผื่อมาม้าและอาตั่วแจ้ด้วย 

มันแกวไม่ได้มีทุกหน้าและทุกตลาดนะคะ บางครั้งเดินหาทั่วตลาดก็ไม่มีค่ะ ตลาดใกล้บ้านที่แม่นันเดินมีเพียงสองตลาดค่ะ 

ตลาดพัฒนาการ และตลาดบุญเรือง (ชื่อเดิม ตลาดวัดตะกล่ำ) ดังนั้นแม่นันจึงจำได้แม่นว่าตลาดไหนมีวัตถุดิบอะไรที่เราต้องการอยู่ 

“อยากได้มันแกว อยากได้ผักเจ็ดอย่างครบ อยากได้เต้าหู้อร่อยๆ ต้องตลาดนี้” “อยากได้ไข่เค็ม อยากได้ผักกาดดองดีๆ ต้องตลาดโน้น” 

(เป็นแม่บ้านนี่ไม่ได้เป็นง่ายๆนะคะ นอกจากทำอาหาร ทำความสะอาดบ้าน ถางหญ้าตัดต้นไม่เป็นแล้ว ต้องมีความจำเป็นเลิศด้วยค่ะ)

ในเมื่อทำแล้ว เช้านี้แม่นันจึงอยากนำสูตรเล็กๆมาแบ่งปันด้วยค่ะ เผื่อใครอยากทำไหว้บรรพบุรุษช่วงสาร์ทจีนที่จะถึงนี้ 

มาดูวิธีทำกันค่ะ

– ชั่งหัวไช้เท้าขูดเส้น 750 ก. และแห้วขูดเส้น 250 ก. ใส่ลงในอ่างผสมที่เราเตรียมแป้งข้าวเจ้า
250 ก. + แป้งมันสักหนึ่งช้อนโต๊ะไว้แล้ว

– ปรุงด้วยน้ำตาล เกลือ และพริกไทย อย่างละครึ่งชต.

– ใส่ส่วนผสมที่เป็นเห็ดหอม ถั่วลิสง กุ้งแห้ง หมู (ปริมาณตามต้องการ) พร้อมทั้งคึ่นฉ่ายและต้น
กระเทียมเล็กน้อย หรือหากต้องการทำเป็นมังสวิรัติ ใส่เฉพาะเห็ด ถั่ว และผักค่ะ

– จากนั้นเคล้า และนวดทุกอย่างจนเป็นเนื้อเดียวกัน ตักใส่ภาชนะทรงกลม หรือเหลี่ยมก็ได้ค่ะ (ใน
รูปแม่นันแบ่งบางส่วนใส่ในถ้วยข้าวนึ่งไว้ไหว้พระ ฝากมาม้าและอาตั่วแจ้ ส่วนในถาดเหลี่ยมนี่จะนำมาผัดถวายพระค่ะ

– นำลงนึ่งในลังถึง 1 ชม. ครึ่ง ก็จะได้ไช้เถ่าก้วยเชียวหมั่งกวง หรือขนมผักกาดผสมมันแกว แสนอร่อยและมีประโยชน์ค่ะ
หมายเหตุ: วิธีทดสอบรสชาติก่อนจะนำลงนึ่ง ทำได้โดยตักส่วนที่เรานวดแล้วใส่ในภาชนะเล็กๆ นำเข้าไมโครเวฟสองนาที 

แล้วลองชิมดู ขาดเค็ม ขาดเผ็ดพริกไทย สามารถเติมได้ในขั้นตอนนี้เท่านั้นค่ะ

ลองทำเป็นอาหารว่างสุดสัปดาห์นี้ค่ะ

แม่นันนำประโยชน์ของหัวไช้เท้า และมันแกวมาให้ดูเป็นข้อมูลคร่าวๆมาให้ค่ะ

ประโยชน์ของหัวไชเท้า
1) เป็นผักสมุนไพร สำหรับผู้ที่อยู่ในวัยทองเชื่อว่ามีส่วนช่วยทำให้ผิวพรรณสดใส เปล่งปลั่ง ดูมีน้ำมีนวลคืนความอ่อนเยาว์เสมือนหนุ่มสาว
2) เป็นผักสมุนไพรที่มีประโยชน์อย่างมากเลย สำหรับผู้ที่เป็นหวัด แพ้อากาศ ไอ คอเจ็บเรื้อรัง ด้วยการนำ หัวไชเท้าสด มาล้างให้สะอาด และหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ไว้ในขวดแก้ว โรยน้ำตาล 1-2 ช้อนโต๊ะ ปิดฝาทิ้งหนึ่งคืน แล้วรินน้ำดื่มเป็นประจำ
3) เป็นผักสมุนไพรที่มีประโยชน์ โดยการนำมาคั้นเป็นน้ำดื่มดับกระหาย อาจจะผสมน้ำด้วย น้ำขิง ไปพร้อมกันได้เลย
4) มีส่วนช่วยให้การนอนหลับสนิท
5) มีส่วนช่วยให้แก้โรคประสาท
6) มีส่วนช่วยลดความดันโลหิต
7) ด้วยเพราะ หัวไชเท้า มีสารลิกนิก (Lignin) ซึ่งช่วยต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากการเสื่อมของเซลล์ ได้อีกด้วย
 8) ด้วยเพราะ หัวไชเท้า มีสาร เควอร์เซทิน (Quercetin) ช่วยเสริมภูมิคุ้กันต้านทานโรคได้
9) มีส่วนช่วยระงับอาการหอบ หืด (เมล็ด)
10) ช่วยบรรเทาอาการท้องผูก และชำระล้างผนังกระเพาะอาหารและลำไส้

ประโยชน์ของมันแกว
– มันแกวมามีน้ำตาลโอลิโกฟรุคโตส (Oligofructose) ร่างกายไม่สามารถเผาผลาญได้เอง เป็นอาหาร
ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักและผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน
– มันแกวอุดมไปด้วยกรดโฟลิก มีส่วนช่วยควบคุมไม่ให้หลอดเลือดหัวใจตีบ ช่วยทำให้เลือดไหลเวียน
ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้ดีขึ้น
– ช่วยป้องกันโรคหัวใจได้ โดยปริมาณที่แนะนำให้รับประทานต่อวันคือ 1 ถ้วยตวง (120 กรัม)
– มีวิตามินซี มีส่วนช่วยในการป้องหวัด มะเร็ง และต้านอนุมูลอิสระในร่างกายได้
– มีเส้นใยอาหารสูง ดีต่อระบบขับถ่าย ช่วยป้องกันโรคท้องผูกได้
– จากการศึกษาของ the British Journal of Nutrition ที่ตีพิมพ์เมื่อปี 2005 แสดงให้เห็นว่าอาหารที่
มีอินูลิน (Inulin) อย่างมันแกว สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ช่วย ยับยั้งการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของมะเร็งในลำไส้ใหญ่ไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย
– หัวมันแกวมีสรรพคุณช่วยทำให้เกิดน้ำหล่อเลี้ยง แก้กระหายน้ำ ร้อนกระสับกระส่าย ลดไข้ รักษาโรคร้อนดับพิษ
ขอบคุณข้อมูลดีๆจากเวปไซต์ medithai.com และ kinn.co.th