ชุกฮวยฮึ้ง ในเดือนวันสาร์ทจีน
สาร์ทจีนเวียนมาอีกปีแล้วค่ะ แม่นันยังสงสัยตัวเองไม่หายว่าทำไมไม่เคยเขียนถึงประเพณี “ชุกฮวยฮึ้ง” ในวันที่ 7 เดือน 7 (ของจีน)
ตามปฏิทินจันทรคติของทุกปี ซึ่งปีนี้ก็เพิ่งผ่านมาได้สองวันนี้เอง หลายๆคนเริ่มสงสัยกันแล้วใช่มั้ยคะ เอ๊ะ! แม่นันกำลังพูดถึงวันอะไรของเค้าเนี่ย
ไม่เห็นเข้าใจเลย… แม่นันเองก็เพิ่งเข้าใจถ่องแท้หลังจากได้ยกโทรศัพท์คุยกัยอาหยี่แจ้ถึงเรื่องนี้ค่ะ เพราะเรื่องพิธีกรรมลึกๆเกี่ยวกับแต้จิ๋วเรา
แม่นันเป็นต้องโทรหาอาหยี่แจ้ทุกครั้ง เอ๊ะ.แล้วอาตั่วแจ้ไม่รู้ลึกกว่าเหรอ?
ไม่ค่ะ…คนที่รู้ประเพณีและพิธีกรรมของจีนแต้จิ๋วดีที่สุดในครอบครัวแม่นันนอกจากอาป๊ะ อาอึ้ม (คุณพ่อคุณแม่)
แล้วก็มีแต่อาหยี่แจ้นี่ล่ะค่ะ ไว้แม่นันจะเล่าให้ฟังอีกว่าทำไมอาหยี่แจ้ถึงรู้ดีกว่าอาตั่วแจ้น้า
เมื่อคืน
แม่นัน: “แจ้…นอนรึยัง หนูอยากถามอะไรหน่อย”
อาหยี่แจ้: “อยากรู้อะไรอีกล่ะ ยัยคนโบราณ” อาหยี่แจ้จะถามแม่นันกลับประโยคนี้ทุกครั้ง
แม่นัน: “แจ้…นอนรึยัง หนูอยากถามอะไรหน่อย”
อาหยี่แจ้: “อยากรู้อะไรอีกล่ะ ยัยคนโบราณ” อาหยี่แจ้จะถามแม่นันกลับประโยคนี้ทุกครั้ง
เพราะปกติน้องคนนี้ไม่ค่อยโทรหาพี่เล้ย ถ้าไม่เกี่ยวกับเรื่องอะไรโบราณ โบราณ
แม่นัน: “ตอนอาแจ้อายุ 15 อาอึ้ม (คุณแม่) มีทำพิธี “ชุกฮวยฮึ้ง” ให้แจ้มั้ย
อาหยี่แจ้: “ม่ายยยยย อาอึ้มไม่เคยทำพิธีนี้ให้พวกเรา มีแต่อาแจ้นี่ล่ะที่ทำให้ลูกๆทั้ง 6 คน
เพราะแจ้เห็นครอบครัวที่แจ้ไปอยู่ด้วยเค้าทำให้ลูกเค้า แจ้ก็เลยจำมาทำให้กับลูกตัวเอง
(ซึ่งก็คือหลานๆทั้งหกคนของแม่นันนี่ล่ะค่ะ ลูกชายคนโตของอาหยี่แจ้อ่อนกว่าแม่นันเพียงปีเดียวนะคะ)
มาฟังความหมายของคำว่า “ชุกฮวยฮึ้ง” กันค่ะ เอาทีละคำนะคะ ชุก หรือฉุก แปลว่า ออก ส่วนคำว่า ฮวยฮึ้ง แปลว่า สวน ค่ะ
นำสองคำมารวมกันก็จะแปลว่า ออกจากสวน (สนามที่เคยวิ่งเล่นในวัยเยาว์) แล้วพ่อแม่ต้องทำพิธีนี้ให้ลูกในวัยไหน ค่ะ
เมื่อลูกชายหรือลูกสาวอายุครบ 15 ขวบปี ก็จะทำพิธีกรรมนี้ให้ ถือวัยครบอายุ 15 เป็นวัยเปลี่ยนผ่าน จากวัยเด็กสู่วัยรุ่น
จากที่เคยวิ่งเล่นซนเป็นเด็กตัวน้อยของพ่อแม่ ต้องเริ่มรับรู้ที่จะมีความรับผิดชอบในหน้าที่ ต่อตนเองและครอบครัว
เพื่อเตรียมตัว เตรียมใจเป็นผุ้ใหญ่ที่มีคุณภาพในวันข้างหน้า
ซึ่งในวันนี้ (สำหรับครอบครัวปัจจุบันที่ยังทำกันอยู่นะคะ) พ่อแม่ก็จะเตรียมเสื้อผ้าชุดใหม่สีแดงให้ลูก สมัยโบราณจะให้ใส่เกี๊ยะสีแดงด้วย
อาหารที่เตรียมก็มีไก่ทั้งตัว จะสับเรียบร้อยก็ได้แต่ต้องมีครบทุกส่วน จัดวางให้สวยงาม พร้อม ชาตือกัว หรือผัดตับหมูสักจาน
ไปกราบไหว้ขอบคุณ “พ่อซื้อ แม่ซื้อ” หรือที่คนจีนเรียก “กงหม่าพั้ว” เทพที่คอยปกปักรักษาเราตั้งแต่ยังตัวน้อยๆ
ที่วัดเล่งเน่ยยี่ หรือชื่อไทยว่า วัดมังกรกมลาวาส และอีกแห่งแม่นันจำที่อาแจ้บอกไม่ได้
ซึ่งการพามาครั้งนี้จะเป็นการไหว้ขอบคุณครั้งสุดท้ายก็ว่าได้ ว่าลูกชายลูกสาวคนนี้โตเป็นหนุ่มเป็นสาว
พร้อมที่จะดูแลตัวเองได้แล้วนะ จะไม่รบกวน “กงหม่าพั้ว” อีกต่อไป
อาแจ้บอกว่าโบราณเค้าจะมีพิธีกรรมมากกว่านี้เยอะ ครอบครัวที่มีฐานะดีเค้าถึงกับสร้างสวนดอกไม้สวยงามในบริเวณบ้าน
ไว้ให้ลูกวิ่งเล่นตั้งแต่ตัวน้อยๆ พอถึงวัย 15 ขวบปี ก็จะมีพิธีพาลูกออกจากสวน ประหนึ่งว่าถึงเวลาที่จะเลิกเล่นเป็นเด็กๆได้แล้ว
เตรียมตัวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ มีอิสระในตัวเอง ดูแลรับผิดชอบตัวเองได้แล้ว
สมัยก่อนในวันนี้เด็กๆที่อยู่ในพิธีกรรมจะถือเป็นคนที่มีความสำคัญที่สุดก็ว่าได้ ในพิธีจะได้ใส่ชุดใหม่สีแดง ใส่เกี๊ยะสีแดงด้วย
(จำเกี๊ยะไม้ได้มั้ยคะ ที่เดินทีเสียงดังไปแปดบ้าน ตอนเด็กๆแม่นันก็ใส่ค่ะ) ทำไมต้องใส่เกี๊ยะในวันนี้ด้วย เพราะเกี๊ยะไม้จะสูงกว่ารองเท้าทั่วไป
ประมาณว่าปรับตัวสูงขึ้น (ยกระดับตัวเอง) ได้อั่งเปา ได้ทานอาหารดีๆ ซึ่งอาหารแต่ละอย่างที่ให้ทานก็มีความหาย
เช่น ตือกัว, เต่ากัว ทานแล้วจะได้เป็น “กัว” (รับราชการตำแหน่งใหญ่โต) การกัดหัวไก่ ต่อไปจะได้เป็น “เจ้าคนนายคน”
และแม้กระทั่งการดื่มน้ำก็ต้องมีพิธี และมีความหมาย แม่นันชอบอ่าน ชอบดูประวัติ วัฒนธรรมความเป็นอยู่ของคนจีน
แม่นันว่าสวยงามเต็มไปด้วยรายละเอียด และให้ข้อคิดดีด้วย ซึ่งประเพณีนี้แม่นันมองว่าผู้ใหญ่ให้ความสำคัญและมองเห็นคุณค่าในตัวเด็ก
ทำให้เด็กเกิดความมั่นใจที่จะเผชิญโลกต่อไป … เข้าใจความหมายของวัน “ชุกฮวยฮึ้ง” กันแล้วนะคะ
ทีนี้มาดูความหมายของวันสาร์ทจีนกันต่อค่ะ สาร์ทจีนถือเป็นวันสำคัญพอๆกับวันตรุษจีนเลยค่ะ
ทุกคนได้หยุด ได้แต่งตัวสวยๆ เด็กๆวิ่งเล่นสนุกสนาน เพียงแต่สมัยนี้ปรับเปลี่ยนลดขั้นตอนการไหว้ลงมาเยอะ
สมัยแม่นันเด็กๆเห็นอาอึ้มจัดเตรียมอาหารในการไหว้ทีเป็นวัน เตรียมตั้งแต่คืนก่อนวันไหว้ด้วยซ้ำค่ะ
สามทุ่มเป็นต้นไปก็ต้องจุดธูป บอกตี่จู้ (เจ้าที่เจ้าทาง) ว่าพรุ่งนี้เป็นวันสาร์ทจีนแล้วนะคะ จะอัญเชิญตี่จู้ เหล่าเจ็ก แป้ะกง
ลงมารับประทานอาหารคาวหวาน ไม่เฉพาะบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางเท่านั้น ยังต้องจุดธูปปักบริเวณรอบสนามทางเดิน หน้าบ้าน
บอกกล่าววิญญาณสัมพเวสีทั้งหลายด้วยค่ะ ว่าเตรียมตัวมารับอาหารคาวหวานที่พวกเราจะทำให้กินกันนะ
อย่าลืมไปบอกวิญญาณอื่นๆที่รู้จักให้มารับอาหารเหล่านี้ด้วยนะ จุดธูปทีเป็นกำ เดินไปเชิญไป ปักธูปไปจนกว่าธูปจะดับ
ตระกูลลี้ของแม่นันก็มีเพียงอาตั่วแจ้ที่ยังรักษาการไหว้แบบเดิมนี้อยู่
เพียงแต่เปลี่ยนการจุดธูปบอกกล่าวจากกลางคืน
มาเป็นช่วงสายๆก่อนจะมีทำการไหว้
พอถึงเช้าวันไหว้ ก็จะเตรียมอาหารคาวหวานเยอะแยะไปหมดค่ะ สำหรับไหว้เจ้าที่ ไหว้บรรพบุรุษ
และอีกชุดใหญ่จัดไหว้ตรงพื้นหน้าบ้านสำหรับวิญญาณเร่รอน อาหารแต่ละอย่างที่ทำขึ้นมาไหว้ล้วนเป็นอาหารที่มีชื่อเป็นมงคล
ผัดหมี่ซัว เขาะชุนฉ่าย (ต้มผักขม) อายุจะได้ยืนยาวเหมือนเส้นหมี่ เหมือนชื่อของผัก ชาเต่ากัว ตือกัว (จะได้เป็นกัว เป็นใหญ่เป็นโต)
ซาแซ โหง่วแซ อาหารคาวสามอย่างห้าอย่าง โหง่วก้วย (ผลไม้ห้าอย่าง) ฮ่อยจ๊อ แฮ่กึ๊น อั่งถ่อก้วย ซาลาเปา (เปาแปลว่าเก็บ/ห่อ เก็บเงินเก็บทอง)
ที่ขาดไม่ได้คือ ไช้เถ่าก้วย (ขนมผักกาด) ทานแล้วจะได้เป็นผู้นำ มีโชคมีลาภ …
พูดถึงขนมผักกาด นักเรียนของแม่นันอย่าลืมทำไหว้บรรพบุรุษกันนะคะ เสียดายปีนี้แม่นันทำกูช้ายก้วย ให้ไปไหว้กันไม่ทัน
และอาหารคาวหวานอีกหลายอย่างตามแต่ลูกหลานจะนำมาไหว้ค่ะ แต่ปีนี้ต่างคนต่างไหว้ค่ะ พบปะกันไม่ได้ เพราะเจ้าโควิดแท้ๆเชียว
เราจะได้พบปะกันเช่นเคยเมื่อฟ้าสดใสอีกครั้งค่ะ
เมื่อไหว้เจ้าที่ บรรพบุรุษแล้ว ก็จะมาเตรียมจัดอาหารคาวหวานที่พื้นหน้าบ้านกันค่ะ
สมัยแม่นันเด็กๆ เห็นอาอึ้มและพวกอาแจ้ช่วยกันทำอาหารวางเต็มหน้าบ้าน เต็มจนล้นจริงๆค่ะ
จำได้เวลาช่วยอาอึ้มปักธูปลงบนอาหารแต่ละอย่างแม่นันตัวเล็กเดินหมุนไปหมุนมาจนงง ..
จากนั้นก็เชิญวิญญาณสัมพเวสีเร่ร่อนให้มารับอาหารที่เราเตรียมไว้ให้ เมื่อไหว้เสร็จแล้วอาหารพวกนี้เราจะไม่นำมาทานนะคะ
เพราะถือว่าทำให้ วิญญาณทั้งหลายแล้ว ถ้านำมาทานรสชาติจะไม่อร่อยเหมือนเดิม ซึ่งก็แปลกมาก
แม่นันเคยลองหยิบมาทาน รสชาติมันจืดๆไม่เห็นตอนทำใหม่ๆเลย ดั้งนั้นพอไหว้เสร็จก็จะแจกจ่ายชาวบ้านแถวนั้นจนหมดค่ะ
อาตั่วแจ้จะถือวันไหว้สาร์ทจีนเป็นวันแจกจ่ายอาหารให้กับพ่อค้าแม่ค้าในตลาดด้วยค่ะ ทำทีเป็นหม้อใหญ่ๆ ตักแจกกันทั่วทั้งตลาด
แต่ปีนี้จำเป็นต้องงดไหว้งดแจก เพราะตัวเองโดนลูกหลานพาอพยพออกมาอยู่ด้วยเป็นเดือนแล้ว
เพราะบ้านอาตั่วแจ้อยู่ในตลาด ในพื้นที่เสี่ยงมากๆค่ะ
เขียนเสร็จคิดถึงอาอึ้มค่ะ เพราะพอไหว้เสร็จอาอึ้มก็จะแบ่งอาหารเป็นจานๆ
เขียนเสร็จคิดถึงอาอึ้มค่ะ เพราะพอไหว้เสร็จอาอึ้มก็จะแบ่งอาหารเป็นจานๆ
“โน้วอ่า เขียะ จีปั่วเมะ โหะ อาเฮีย แก๊ะเปียะ, จีปั่วเมะ โหะ ฮือ ฮ้งไหล” (ลูกจ๋า จานนี้ให้อาเฮียข้างบ้านนะ สำหรับจานนี้ให้บ้านนู้น)
แล้วอาหมวยน้อยคนนี้ก็วิ่งไปวิ่งมาจนเหนื่อยกว่าจะได้หนีบน่องเป็ดไปนั่งแทะเล่น
ขอบคุณเจ้าของภาพเกี้ยะ และภาพเทพสวยๆด้วยค่ะ
good moments
19 สิงหาคม เวลา 02:43 น.
19 สิงหาคม เวลา 02:43 น.
แหล่งที่มา pantip.com
20 สิงหาคม เวลา 00:26 น.
20 สิงหาคม เวลา 14:09 น.
ที่เป็นของเซ่นผีไม่มีญาติ
ลองเอามา แจก คนขับแท๊กซี่ แล้ว นั่งดื่ม สุรา ด้วย
รสชาด
จืด จริงๆ
ยืนยัน อีกเสียง ครับ
20 สิงหาคม เวลา 15:59 น.
25 สิงหาคม เวลา 22:40 น.
20 สิงหาคม เวลา 21:06 น.
25 สิงหาคม เวลา 22:41 น.
21 สิงหาคม เวลา 00:07 น.
ปล. [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ขออนุโมทนาครับ (สาธุ) แต่….. ของเซ่นผี เค้าไม่ให้คนกินต่อนะครับมันจะไม่ดีเพราะมีพลังงานด้านลบปะปนอยู่ ส่วนใหญ่เค้าเอาไปให้หมาแมวจรจัดกิน21 สิงหาคม เวลา 01:02 น.
25 สิงหาคม เวลา 22:42 น.
21 สิงหาคม เวลา 21:30 น.
25 สิงหาคม เวลา 22:42 น.
26 สิงหาคม เวลา 19:32 น.
22 สิงหาคม เวลา 18:36 น.
คิดถึงตอนเด็กๆเลย เราเป็นลูกหลงห่างกับตั่วเฮีย 22 ปี
อารมณ์แบบจขกท.เลยค่ะ
24 สิงหาคม เวลา 13:37 น.
25 สิงหาคม เวลา 22:44 น.
ที่ชอบอ่านและหยิบมาอ่านบ่อยๆ ก็ของคุณจิตรา ก่อนันทเกียรติ
วันหลังจขกท.มีอะไรแบบนี้แบ่งปันกันอีกนะคะ
24 สิงหาคม เวลา 13:41 น.
25 สิงหาคม เวลา 22:46 น.