วิธีทำ “ผักโขมอบชีส” เมนูอาหารฝรั่ง ทำง่ายไม่ยากอย่างที่คิด!

Home » วิธีทำ “ผักโขมอบชีส” เมนูอาหารฝรั่ง ทำง่ายไม่ยากอย่างที่คิด!
ชวนเข้าครัวทำเมนูฝรั่ง อย่าง “ผักโขมอบชีส” (Baked Spinach with Cheese) ที่คนรักชีสเชิญทางนี้ได้เลย ทำเมนูชีสยืด ๆ กินเองได้ที่บ้าน มาดูวิธีทำกันเลย!

เวลาเตรียม
20 นาที
เวลาปรุง
30 นาที
แคลอรี่
400 Kcal/เสิร์ฟ
สำหรับ
4 เสิร์ฟ

อาหารฝรั่งที่ฮิตมากอีกอย่างหนึ่งในบ้านเรา โดยเฉพาะชมรมคนรักชีส ต้องเมนูนี้เลย “ผักโขมอบชีส” หรือภาษาอังกฤษเรียกกันว่า “Baked Spinach with Cheese” และเป็นผักที่ทุกคนรู้จักกันในชื่อ “ผักป๊อปอาย” มีหน้าชีสสีเหลืองเกรียมสวย เมื่อตักลงไปจะเจอความนุ่มของผักโขมที่ชุ่มไปด้วยครีม ยกส้อมขึ้นมาจะพบกับความยืดยาวไม่ขาดสายของชีส มาพร้อมกับกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย รสชาติอร่อย กลมกล่อมจนอยากจะกินเพิ่มอีกถาดกันเลยทีเดียว

“ผักโขมอบชีส” เมนูนี้ ปูนแดงภูมิใจนำเสนอมากค่ะ ทั้งทำกินเองบ่อยมาก ทั้งทำแจกเพื่อน ๆ โดยเฉพาะเวลามีปาร์ตี้ เพื่อนจะชอบมาก อบร้อน ๆ เสิร์ฟร้อน ๆ แย่งซีนจากอาหารจานอื่นได้สบายเลย ใครได้ลองชิมก็ต้องติดใจ แต่ใครจะรู้บ้างว่ามันทำไม่ยากเลยนะคะ แอบกระซิบว่าง่ายมาก ๆ เลยด้วย ขอแค่ที่บ้านมีเตาอบหรือเตาติ๊งก็สามารถทำได้แล้ว ง่ายขนาดนี้ เราไปดูวิธีทำกันเลยดีกว่าค่ะ!

ผักโขมอบชีส
วัตถุดิบ เมนูผักโขมอบชีส

วัตถุดิบ

  1. ผักโขมแช่แข็ง 8 ก้อน
  2. ชีสมอสซาเรลลาขูด 1 ถ้วยตวง
  3. เนยจืด 1 ช้อนโต๊ะ
  4. กระเทียมสับ 1 ช้อนชา
  5. หอมใหญ่สับ 1 ช้อนโต๊ะ
  6. เห็ดแชมปิญองสด 2 หัว
  7. ครีมหรือนมสด ½ ถ้วยตวง
  8. เกลือและพริกไทย ตามต้องการ

TIP 1: เคล็ดลับของเมนูนี้อยู่ที่ชีสล้วนๆ ต้องเลือกชีสมอสซาเรลลาแบบแข็ง จะซื้อที่ขูดมาแล้วหรือมาขูดเองก็ได้ทั้งนั้น เน้นให้ใส่เยอะๆโรยให้ทั่วหน้า อบด้วยไฟแรงสุด ใช้ไฟบนอย่างเดียว ให้ชีสไหม้เกรียม ช่วยเรียกสีสันและความน่าทานเพิ่มขึ้นเป็นอีกกอง พร้อมมีเมนูชีสยืดๆไว้ทานที่บ้านแล้ว

TIP 2: ความแตกต่างระหว่างชนิดของชีส 

  • เชดดาร์ชีส ถ้าต้องการผักโขมอบชีสสูตรหน้ากรอบ แนะนำให้ใช้ เชดดาร์ชีส นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 180 องศา จนหน้าชีสเปลี่ยนสี แค่นี้ก็ได้ผักโขมอบชีสสูตรหน้ากรอบ นำออกมาทานได้เลยค่ะ
  • พาร์เมซานชีส จะใส่รวมกับผักโขม หรือ โรยหน้า เพื่อเพิ่มความนุ่มนวลของรสชาติและกลิ่นที่หอมชีสมากยิ่งขึ้น

วิธีทำ
Step 1: ผัดผักโขม

  • ตั้งกระทะให้ร้อน จากนั้นใส่เนยจืดลงไป พอเนยละลายแล้วให้ใส่กระเทียมและหอมใหญ่สับ ลงไปผัดจนหอมใหญ่สุกใส
  • ใส่เห็ดแชมปิญอง แล้วตามด้วยผักโขม ผัดให้เข้ากันจนเห็ดสุก
  • ใส่ครีมลงไปเคล้าให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย
ผัดผักโขม ทำผักโขมอบชีส
ผัดกระเทียม หอมใหญ่สับ เห็ดแชมปิญอง และ ผักโขมกับเนยจืด
ขั้นตอนการผัดผักโขมอบชีส
ใส่ครีมลงไปเคล้าให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย

Step 2 : อบชีส + จัดเสิร์ฟ

  • ตักผักโขมที่ผัดแล้ว ใส่ลงในถ้วยทนความร้อน และโรยหน้าด้วยชีสมอสซาเรลลาขูดให้ทั่ว
  • นำเข้าเตาอบ โดยใช้อุณหภูมิ 200-250 องศาเซลเซียล ใช้แค่ไฟบนค่ะ อบประมาณ 15-20 นาที (อย่าลืมวอร์มเตาอบให้ร้อนไว้ก่อนนะคะ)
โรยหน้าผักโขมด้วยชีส
ตักผักโขมที่ผัดจนสุกลงในถ้วยทนความร้อน โรยหน้าด้วยชีสมอสซาเรลลา
ผักโขมอบชีสพร้อมเสิร์ฟ
นำเข้าเตาอบ ใช้อุณหภูมิ 200-250 องศาเซลเซียล ใช้ไฟบนประมาณ 15-20 นาที

เป็นอันเสร็จเรียบร้อยกับเมนู “ผักโขมอบชีส” ยืดถูกใจกันไหมคะ ใครลองทำสูตรนี้แล้ว ถ่ายรูปส่งการบ้านกันด้วยนะคะ แล้วมาดูกันว่าผักโขมอบชีสของใครจะน่ากินกว่ากัน 

สำหรับใครที่ไม่มีเตาอบ วิธีง่ายๆสามารถนำเข้าไมโครเวฟแทนได้ค่ะ โดยใช้ไฟแรงสุดประมาน 3 นาที หรือ นำเข้าหม้อทอดไร้น้ำมัน โดยใช้ไฟ 180 องศา ประมาน 10 นาที 

ผักโขมอบชีสพร้อมเสิร์ฟ

ประโยชน์ และ สรรพคุณของผักโขม

พอพูดถึง ผักโขม หลายๆคนอาจจะสับสนกับ ผักปวยเล้ง ซึ่งมีหน้าตาคล้ายคลึงกัน แต่ที่จริงแล้ว มันคือผักคนละชนิด เพียงแต่อยู่ในตระกูลเดียวกัน สามารถนำมาทำอาหารแทนกันได้ และหาซื้อได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วไป 

ผักโขม นอกจากจะนำมาทำ ผักโขมอบชีส ที่น่าทานแล้ว ยังถือว่าเป็นผักที่มีประโยชน์ สามารถช่วยป้องกันภาวะโลหิตจาง มีคุณค่าทางสารอาหารสูง เช่น สารต้านอนุมูลอิสระ กรดโฟลิก แคลเซียม วิตามินเอ แต่ก็มีข้อเสียคือ ผักโขมมีกรดออกซาลิก (Oxalate) ซึ่งเป็นสารต้านการดูดซึมแคลเซียม และธาตุเหล็ก ใครที่ร่างกายขาดแคลเซียม หรือ ธาตุเหล็กอาจจะเลี่ยงการทานผักโขมในปริมาณมาก

ไอเดียสำหรับเมนูที่ทานคู่กับผักโขมอบชีส 

เราขอแนะนำเป็นสปาเก็ตตี้ แนบสูตรเมนู “สปาเก็ตตี้ผัดเบคอนพริกแห้ง” ให้ได้ทำกินคู่กันจ้า ส่วนสายครีมซอส ไม่กลัวเลี่ยน แนะนำกินคู่กับ สปาเกตตีคาร์โบนารา หรือจะทานคู่กับ ขนมปังกระเทียม อร่อยแถมเป็นเมนูที่สามารถทำเองได้ไม่ยากเลย!

แหล่งที่มา www.wongnai.com

แท็กที่เกี่ยวข้อง

"เคล็ดไม่ลับคู่ครัว"

ป้องกันน้ำที่กำลังเดือดอย่างไรไม่ให้ล้นออกจากหม้อ ? ให้นำทัพพีขนาดใหญ่ หรือมีความยาวเพียงพอวางบนปากหม้อ น้ำจะเดือดสักแค่ไหนก็ไม่มีทางล้นออกมาแน่นอนจ้า

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ